CHAPTER 1 “ราชินี”

2519 Words
เสียงเร่งเครื่องยนต์และเสียงเบรกจากยางล้อรถ Ford Mustang Shelby GT500 สีคำคันสวยที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนพื้นถนนคอนกรีตภายในสนามแข่ง โดยมีสายตาของทีมงานเกือบสิบชีวิตยืนจับจ้องอยู่ “ไลน์โค้งสมกับเป็นราชินีของโตรอนโต้จริง ๆ” เสียงเอ่ยชื่นชมเป็นภาษาอังกฤษจากทีมงานที่นำรถคันดังกล่าวมาเสนอดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ราชินีเพียงหนึ่งเดียว” เจ็ต หัวหน้าทีมช่างตอบกลับไปสั้น ๆ และในที่สุด Ford Mustang สีดำก็ขับเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าของพิท ก่อนประตูฝั่งคนขับจะถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของ ‘ควีน’ ราชินีนักแข่งรถเพียงหนึ่งเดียวของทีมที่กำลังเป็นที่จับตามองในตอนนี้ “ออกตัวไม่ดี เร่งความเร็วช้า ถ้าเทียบกับรุ่นที่ขับอยู่ ถือว่ายังไม่ผ่าน” ควีนเอ่ยกับเจ็ตด้วยภาษาฝรั่งเศส (ทุกการสนทนาของควีนและเพื่อน ๆ จะคุยกันด้วยภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักนะคะ) “เราจะพิจารณาแล้วแจ้งผลกลับไปอีกครั้งว่าจะใช้รถของคุณในการแข่งฤดูกาลหน้าหรือไม่ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” เจ็ตหันไปแจ้งทีมงานด้วยภาษาอังกฤษ และนั่นเป็นคำตอบที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า รถของพวกเค้าจะไม่ได้ถูกเลือกจากทีมอย่างแน่นอน “ตกลงยูจะขับคันไหนควีน ขนาด Mustang ยังบอกว่าช้า” เดลเพื่อนอีกคนที่นั่งรออยู่ในพิทเอ่ยถาม “ไม่ถูกใจ อยากขับ AUDI ทำไมไม่มีมาเสนอบ้างล่ะ” ควีนถามเพื่อนกลับ “แล้วทำไมยูต้องเลือกรถที่ไม่มีสปอนเซอร์มาเสนอด้วยเล่า” เดลบ่นเพื่อนกลับ “ไอว่าฤดูกาลหน้าไม่พ้น Mercedes AMG คันเดิม” เจ็ตเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งกับควีนและเดล “ถ้าจะใช้คันเดิม ต้องเปลี่ยนรูปแบบการแต่งใหม่ทั้งหมด ของเดิมน้ำหนักเยอะไป” ควีนเอ่ยตอบ “ควีน!!” ผิงเพื่อนสนิทของควีนวิ่งเข้ามาหา “คุณย่าโทรมา คุณย่าสั่งให้พวกเรากลับไทยด่วน พ่อควีนเข้าโรงพยาบาล” ควีนผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินผิงบอก “เกิดอะไรขึ้น!!” เจ็ตเอ่ยถาม พวกเค้าสนิทกันมานาน และควีนกับผิงก็คุยเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่บ่อย ๆ “เท่าที่คุณย่ารู้คร่าว ๆ ตอนนี้คือ พ่อควีนตื่นมาแล้วขยับแขนขยับขาไม่ได้ แม่ควีนเลยพาส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นเส้นเลือดในสมองตีบ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกายอย่างละเอียด” ผิงอธิบาย “จองตั๋วเครื่องบินเลย ไอจะกลับไทย” ควีนเอ่ยก่อนจะหมุนตัวเตรียมกลับไปเก็บเสื้อผ้า “เดี๋ยวยู แล้วยูจะไปกี่วัน จะกลับมาวันไหน ไอต้องแจ้งทีมนะ ยูจะไปตอนนี้แบบนี้เลยได้ยังไง” เดลค้าน “ถ้าคุณย่าโทรตามในสถานการณ์แบบนี้ ไออาจจะไม่ได้กลับมา” ควีนตอบ “เฮ้ย!! แล้วทีมล่ะ แล้วการแข่งของยูล่ะควีน” เจ็ตถาม “ระหว่างสิ่งที่ไอรัก กับครอบครัวในตอนนี้ ไอคิดว่าไอต้องเลือกครอบครัวนะเจ็ต” ควีนเอ่ยเสียงเรียบ “มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่ยูคิดนะควีน คงแค่ชั่วคราวมากกว่า” เดลมองเพื่อนด้วยความกังวล “มันอาจจะถึงเวลาที่ไอควรกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงซักที ไอขอโทษที่ต้องไปกะทันหันแบบนี้ ถ้ามีโอกาสพวกยูก็ไปหาไอที่ไทยได้นะ” ควีนยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนทั้งสองคน “ถ้าสิ่งที่ยูกำลังบอกพวกไอ คือยูจะออกจากทีมแล้วกลับไทยถาวร พวกไอก็จะไปพร้อมยู” เจ็ตเอ่ย “ไอด้วย” เดลยืนยันอีกเสียง “ถึงไอจะรักรถและการแต่งรถมากแค่ไหน แต่ที่ไอเลือกมาอยู่ในทีมนี้ก็เพราะยู ถ้าไม่มียู ไอก็ไม่อยู่เหมือนกัน” “แล้วจะไปกันหมดนี่เลยหรอ เอาไงดีควีน” ผิงหันไปถามความเห็นเพื่อน “พวกยูจะไปทำอะไรที่ไทย จะไปอยู่กันยังไง ทำงานอะไร ที่นั่นไอไม่มีทีมแข่งให้พวกยูได้ทำกันนะ” ควีนถาม “ไอก็ไม่ได้มีความสามารถแค่แต่งรถนะควีน ยูก็รู้ว่าไอทำอะไรหลายอย่าง แต่สิ่งที่ไออยากทำที่สุดคืออยู่ซัพพอร์ตยูข้าง ๆ ในทุกที่ที่อยู่ตัดสินใจจะอยู่” เจ็ตตอบด้วยความมุ่งมั่น “ส่วนไอยูไม่ต้องห่วงเลย ชีวิตไอ ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้ ยูก็รู้หนิควีน” เดลยิ้มตอบ “บ้านรวยมันดีแบบนี้เองนะ” ผิงเอ่ยแทรก “ไอเกาะยูกินได้มั้ยเดล” “ยูก็รู้นะผิงว่าไอพร้อมให้ยูเกาะเสมอ ตอบรับรักไอสิ” เดลยักคิ้วตอบ “ยูก็รู้นะเดลว่าไอคิดกับยูแค่เพื่อน คงตอบรับรักยูไม่ได้” ผิงยิ้มตอบ “ใจร้าย” เดลเบ้ปากใส่ “ยูใจร้ายกับไอตลอดเลยนะผิง แล้วทำมาพูดว่าจะเกาะไอกิน แต่พอไอสารภาพรักก็ปฏิเสธไอ” ควีนและเจ็ตพากันยิ้มขำ “ไอเกาะในฐานะเพื่อนไม่ได้รึไงเล่า” ผิงโวยวายกลับ “มันก็ได้ กับยูแล้วก็ควีนไอพร้อมให้เกาะได้อยู่แล้ว อ่อ...แต่ยกเว้นเรื่องรถ ไอไม่ซื้อรถให้ยูเอามาแต่งเล่นนะควีน เพราะยูใช้เปลือง” เพื่อน ๆ พากันยิ้มขำ “เอาเป็นว่าถ้าพวกยูยืนยันแบบนั้น ไอก็ตามใจ แต่พวกยูอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมเอกสาร ตามไอไปทีหลังแล้วกัน ยังไงไอก็ต้องเดินทางก่อน ได้กำหนดการแล้วบอกไออีกทีนะ” ควีนยิ้มให้เจ็ตและเดลอีกครั้ง “ไปเถอะเดล พวกเรามีอะไรต้องเตรียมอีกเยอะ เจอกันที่ไทยนะควีน” เจ็ตยิ้มตอบ ควีน สาวสวยหุ่นดี ความสูงเกือบ 170 ในวัย 25 ปี ที่เดินทางมาเรียนต่อที่แคนาดาตั้งแต่จบม.6 โดยมี ผิง เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กตามติดมาด้วยตามคำสั่งของคุณย่า หลังเรียนจบปริญญาตรี ควีนก็เริ่มต้นทำงานในฐานะโปรแกรมเมอร์ที่แคนาดา ก่อนจะเรียนต่อปริญญาโทและทำงานอยู่ที่นี่ต่อ พร้อมกับการเป็นนักแข่งรถยนต์ทางเรียบซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรักและอยากทำมาตลอด ส่วนผิง แม้จะเดินทางมากับเพื่อนตามคำสั่งของคุณย่า และด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก แต่เธอก็ไม่ได้เก่งและมีความสามารถเทียบเท่ากับควีน เธอจึงตัดสินใจเรียนให้จบปริญญาตรีสายงานบริหาร แล้วหางานทำพร้อมกับอยู่ดูแลควีนต่อตามที่คุณย่ามอบหมายให้แทน สำหรับเดลและเจ็ต เป็นเพื่อนชาวแคนาดาเพียง 2 คนที่ควีนและผิงให้ความสนิทสนมด้วย อาจจะเป็นเพราะพวกเค้ามีความชอบในเรื่องของรถเหมือนกัน เลยทำให้พวกเค้าสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาเกือบ 7 ปีที่ควีนอยู่ที่แคนาดา ก็จะมีคุณย่า พ่อและแม่ คอยติดต่อมาสอบถามความเป็นอยู่ด้วยความคิดถึงอยู่เสมอ แต่การติดต่อควีนไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเธอไม่ค่อยพกโทรศัพท์ติดตัวและไม่ค่อยเคยเปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ ทำให้ทุกคนที่บ้านเลือกจะติดต่อควีนผ่านทางผิงแทน หลังจากควีนมาอยู่ที่แคนาดา แม้จะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกินครั้งละ 1 อาทิตย์ และสถานที่ที่ควีนเลือกไปอยู่คือบ้านสวนชานเมืองของคุณย่า มากกว่าที่จะไปอยู่บ้านพ่อ และทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน ก็เป็นเพราะเธออยากกลับไปเอง ไม่มีครั้งไหนที่คุณย่าออกคำสั่งให้กลับไปเช่นครั้งนี้ นั่นอาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีใครในครอบครัวของเธอล้มป่วยกะทันหันแบบนี้ ซึ่งควีนตระหนักได้ทันทีว่า การเดินทางกลับไทยไปครั้งนี้ มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธออีกครั้งก็เป็นได้ “ควีน...จะกลับไปอยู่ที่ไทยจริง ๆ หรอ แล้วงานกับทีมล่ะ ไหนจะของพวกนี้ เราจะเก็บกันยังไงทัน” ผิงถามขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังช่วยกันเก็บเสื้อผ้า “เรื่องงาน ควีนคงไปหางานทำที่นู่น ส่วนทีม...ก็คงต้อง...พักไปก่อน” ควีนตอบเสียงเบา “แล้วเรื่องของ ผิงเก็บไปเท่าที่จำเป็นก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวควีนให้เจ็ตกับเดลจัดการส่งกลับไทยให้” ผิงพยักหน้ารับ “ควีนเครียดอยู่ใช่มั้ย” ควีนเงยหน้ายิ้มให้ผิงเล็กน้อย “คุณย่าบอกว่าพ่อควีนถึงมือหมอแล้วนะ ไม่ต้องกังวลอะไร แค่กลับไปก็พอ” ควีนพยักหน้าให้ผิงอีกครั้ง “ชีวิตใหม่ เริ่มต้นอีกครั้งแล้วสินะ” ผิงมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ชีวิตที่เหมือนจะมีพร้อมทุกอย่าง มีคุณย่าที่รัก มีพ่อและแม่ที่รัก มีฐานะทางบ้านที่ดี แต่ยิ่งโตผิงกลับยิ่งมองหาความสุขของเพื่อนไม่เจอ รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขที่ออกมาจากใจของควีน หายไปตั้งแต่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมาเรียนต่อที่แคนาดา หลังจากมาอยู่ที่นี่ ผิงก็แทบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของควีนอีกเลย ยกเว้นตอนที่บรรลุภารกิจหลังจากนั่งอยู่หน้าจอคอมฯ มาเป็นเวลานานครึ่งค่อนคืน กับตอนที่ขับรถผ่านธงตารางหมากรุกแล้วยืนรับถ้วยอยู่บนโพเดียมหลังจบการแข่งขันเท่านั้น การกลับไปครั้งนี้ ทำให้เธอกังวลว่ารอยยิ้มของควีน อาจจะหายไปอย่างถาวร ผิงไม่รู้ว่าที่ไทยจะมีงานโปรแกรมเมอร์ในแบบที่ควีนรักรออยู่มั้ย แต่ที่แน่ ๆ ที่ไทยไม่มีทีมแข่งรถที่ควีนรักรออยู่แน่นอน แม้กระทั่งเวลาที่ควีนจะได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในแบบที่ชอบ มันก็อาจจะไม่มี Line Queen’s Guard เจ็ต : พวกยูได้ตั๋วเมื่อไหร่ แล้วของที่ห้องจะจัดการยังไงทัน ผิง : ควีนเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่าจะรบกวนเจ็ตกับเดลส่งกลับไทยให้ : ส่วนตั๋วได้พรุ่งนี้ ออกเดินทางตอนตี 1 คงถึงไทยสาย ๆ อีกวัน เดล : เดี๋ยวพวกไอไปรับ กุญแจบ้านทิ้งไว้ที่ไอเลย เดี๋ยวไอจัดการเรื่องของให้ เจ็ต : พวกไอจะรีบตามไป ดูแลควีนด้วย แล้วส่งข่าวพวกไอด้วยนะ ผิง : ไม่ต้องห่วง ไอจะดูแลควีนให้ดีที่สุด “เดี๋ยวเดลกับเจ็ตมารับไปขึ้นเครื่องนะควีน เดลบอกว่าให้ทิ้งกุญแจไว้ที่เดลได้เลย ควีนจะให้ส่งของไปที่บ้านใหญ่หรือบ้านคุณย่าดี” ผิงถาม “บ้านคุณย่าแล้วกัน ควีนอาจจะอยู่ที่นั่นเป็นหลัก” ผิงพยักหน้าตอบ “อ่อ...ผิงบอกสองคนนั้นด้วยว่า ตอนขอวีซ่าลงที่พักเป็นที่อยู่บ้านคุณย่าได้เลย” Line Queen’s Guard ผิง : ควีนบอกว่า ตอนขอวีซ่าให้ลงที่อยู่บ้านคุณย่าควีนได้เลยนะ เดี๋ยวส่งไว้ให้ เดล : ไม่เป็นไร ไอไม่รบกวนดีกว่า ไอจองโรงแรมแล้วเรียบร้อย เจ็ต : อยู่โรงแรมน่าจะขอวีซ่าง่ายกว่านะ ผิง : แต่พวกยูต้องอยู่นานนะ มันจะเปลืองรึเปล่า เดล : ยูกำลังคุยกับเศรษฐีอยู่นะครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับไอ ผิง : โอเค ไอไม่ห่วงแล้ว ลืมไปว่ายูรวยมาก!! เจ็ต : ยูไม่ต้องไปสนใจไอ้เดลหรอก ปล่อยมันแสดงความรวยของมันไปเถอะ ผิง : ไอไปช่วยควีนเก็บของต่อดีกว่า เจอกันนะ “ตกลงเดลกับเจ็ตนอนโรงแรมนะควีน เดลบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” ควีนยิ้มออกมาเบา ๆ “เรื่องที่ควีนไม่ได้คิดไว้ก็คือ เรื่องที่สองคนนั้นจะตามไปด้วยนี่แหละ” ควีนยิ้มเอ่ย “ควีนจะขาดองครักษ์ได้ยังไง มีผิงแค่คนเดียวองครักษ์มันไม่ครบทีมนะ” ผิงยิ้มตอบ “ขอบคุณนะ ขอบคุณมากที่อยู่ข้าง ๆ ควีนมาตลอด” ผิงส่งยิ้มกว้างกลับมาให้ควีน “ผิงจะอยู่ตรงนี้ และจะไม่มีวันเดินหนีควีนไปไหน ต่อไปนี้พวกเราจะไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทยด้วยกันนะ” ควีนพยักหน้ากลับมา ‘ผิงจะเฝ้าอธิษฐานขอดวงดาวทุกดวง ขอให้การกลับไทยในครั้งนี้ ทำให้ควีนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง’ ผิงจ้องมองเพื่อนรักที่นั่งเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วยแววตาที่มีแต่ความกังวล ล่วงเลยเวลาเข้าสู่เช้าวันใหม่ แต่ควีนยังคงหน้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเคลียร์งานทั้งหมดที่ค้างอยู่ให้เสร็จ พร้อมกับแจ้งเรื่องการลาออกกะทันหันให้กับต้นสังกัดทราบ รวมถึงทำหนังสือแจ้งทีมแข่งรถว่าในฤดูกาลหน้าเธอจะไม่สามารถลงแข่งได้แล้ว “ควีน...ได้นอนรึยังเนี่ย” ผิงงัวเงียตื่นขึ้นมาถาม “ยัง ควีนต้องเคลียร์งานก่อน บ่าย ๆ น่าจะเสร็จแล้วแหละ” ควีนตอบแต่ยังคงไม่ละสายตาจากจอไป “เดี๋ยวผิงเตรียมอาหารให้นะ พักกินข้าวแปปนึงก่อน เอากาแฟหน่อยมั้ย” ควีนพยักหน้าตอบเล็กน้อย ส่วนผิงที่ได้รับคำตอบก็เดินหายเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมกาแฟมาให้ควีน ตกเย็นเดลและเจ็ตเดินทางมารับควีนและผิงที่บ้าน เพื่อพาไปกินข้าวก่อนที่จะแยกย้ายกันชั่วคราว และรอเวลาไปเตรียมตัวที่สนามบิน “พวกไอน่าจะเดินทางอาทิตย์หน้านะควีน” เจ็ตเอ่ยขึ้นขณะพวกเค้ากำลังเดินทางไปที่สนามบิน “ได้ เดี๋ยวไอจะรอต้อนรับ” ควีนตอบ “โคตรตื่นเต้นเลย รู้จักกันมาตั้ง 7 ปี แต่กำลังจะได้ไปไทยเป็นครั้งแรก ไออยากตระเวนเที่ยวให้ทั่วประเทศเลย ได้ข่าวว่าที่เที่ยวสวย ๆ เต็มไปหมด” เดลที่กำลังขับรถหันมาคุย “ไว้ไอจะพาพวกยูเที่ยวเอง ถ้ามีเวลานะ” ควีนเอ่ยตอบ “เดินทางปลอดภัยนะควีน ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพวกไอด้วย ยูด้วยนะผิง ดูแลควีนดีดี” เจ็ตหันไปย้ำกับผิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ควีน “ไอดูแลตัวเองได้น่า ไอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกยูต้องเป็นห่วงไอขนาดนั้น” ควีนยิ้มถาม “ไม่ว่ายูจะทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน ไอก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วยูอ่อนแอไงควีน ไม่ว่ายังไงพวกไอก็เป็นห่วง” ทั้งรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ เมื่อเจ็ตเอ่ยออกมาเช่นนั้น “ขอบคุณนะ” ควีนยกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเข้ามาในเขตสนามบิน ‘ลาก่อนแคนาดา ขอบคุณนะที่ให้ควีนได้พักใจ ควีนพร้อมที่จะสู้ต่อแล้ว’ ควีนเอ่ยกับตัวเองในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD