CHAPTER 1 “ราชินี”
เสียงเร่งเครื่องยนต์และเสียงเบรกจากยางล้อรถ Ford Mustang Shelby GT500 สีคำคันสวยที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนพื้นถนนคอนกรีตภายในสนามแข่ง โดยมีสายตาของทีมงานเกือบสิบชีวิตยืนจับจ้องอยู่
“ไลน์โค้งสมกับเป็นราชินีของโตรอนโต้จริง ๆ” เสียงเอ่ยชื่นชมเป็นภาษาอังกฤษจากทีมงานที่นำรถคันดังกล่าวมาเสนอดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ราชินีเพียงหนึ่งเดียว” เจ็ต หัวหน้าทีมช่างตอบกลับไปสั้น ๆ
และในที่สุด Ford Mustang สีดำก็ขับเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าของพิท ก่อนประตูฝั่งคนขับจะถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของ
‘ควีน’ ราชินีนักแข่งรถเพียงหนึ่งเดียวของทีมที่กำลังเป็นที่จับตามองในตอนนี้
“ออกตัวไม่ดี เร่งความเร็วช้า ถ้าเทียบกับรุ่นที่ขับอยู่ ถือว่ายังไม่ผ่าน” ควีนเอ่ยกับเจ็ตด้วยภาษาฝรั่งเศส
(ทุกการสนทนาของควีนและเพื่อน ๆ จะคุยกันด้วยภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักนะคะ)
“เราจะพิจารณาแล้วแจ้งผลกลับไปอีกครั้งว่าจะใช้รถของคุณในการแข่งฤดูกาลหน้าหรือไม่ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” เจ็ตหันไปแจ้งทีมงานด้วยภาษาอังกฤษ และนั่นเป็นคำตอบที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า รถของพวกเค้าจะไม่ได้ถูกเลือกจากทีมอย่างแน่นอน
“ตกลงยูจะขับคันไหนควีน ขนาด Mustang ยังบอกว่าช้า” เดลเพื่อนอีกคนที่นั่งรออยู่ในพิทเอ่ยถาม
“ไม่ถูกใจ อยากขับ AUDI ทำไมไม่มีมาเสนอบ้างล่ะ” ควีนถามเพื่อนกลับ
“แล้วทำไมยูต้องเลือกรถที่ไม่มีสปอนเซอร์มาเสนอด้วยเล่า” เดลบ่นเพื่อนกลับ
“ไอว่าฤดูกาลหน้าไม่พ้น Mercedes AMG คันเดิม” เจ็ตเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งกับควีนและเดล
“ถ้าจะใช้คันเดิม ต้องเปลี่ยนรูปแบบการแต่งใหม่ทั้งหมด ของเดิมน้ำหนักเยอะไป” ควีนเอ่ยตอบ
“ควีน!!” ผิงเพื่อนสนิทของควีนวิ่งเข้ามาหา “คุณย่าโทรมา คุณย่าสั่งให้พวกเรากลับไทยด่วน พ่อควีนเข้าโรงพยาบาล” ควีนผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินผิงบอก
“เกิดอะไรขึ้น!!” เจ็ตเอ่ยถาม พวกเค้าสนิทกันมานาน และควีนกับผิงก็คุยเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่บ่อย ๆ
“เท่าที่คุณย่ารู้คร่าว ๆ ตอนนี้คือ พ่อควีนตื่นมาแล้วขยับแขนขยับขาไม่ได้ แม่ควีนเลยพาส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นเส้นเลือดในสมองตีบ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกายอย่างละเอียด” ผิงอธิบาย
“จองตั๋วเครื่องบินเลย ไอจะกลับไทย” ควีนเอ่ยก่อนจะหมุนตัวเตรียมกลับไปเก็บเสื้อผ้า
“เดี๋ยวยู แล้วยูจะไปกี่วัน จะกลับมาวันไหน ไอต้องแจ้งทีมนะ ยูจะไปตอนนี้แบบนี้เลยได้ยังไง” เดลค้าน
“ถ้าคุณย่าโทรตามในสถานการณ์แบบนี้ ไออาจจะไม่ได้กลับมา” ควีนตอบ
“เฮ้ย!! แล้วทีมล่ะ แล้วการแข่งของยูล่ะควีน” เจ็ตถาม
“ระหว่างสิ่งที่ไอรัก กับครอบครัวในตอนนี้ ไอคิดว่าไอต้องเลือกครอบครัวนะเจ็ต” ควีนเอ่ยเสียงเรียบ
“มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่ยูคิดนะควีน คงแค่ชั่วคราวมากกว่า” เดลมองเพื่อนด้วยความกังวล
“มันอาจจะถึงเวลาที่ไอควรกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงซักที ไอขอโทษที่ต้องไปกะทันหันแบบนี้ ถ้ามีโอกาสพวกยูก็ไปหาไอที่ไทยได้นะ” ควีนยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนทั้งสองคน
“ถ้าสิ่งที่ยูกำลังบอกพวกไอ คือยูจะออกจากทีมแล้วกลับไทยถาวร พวกไอก็จะไปพร้อมยู” เจ็ตเอ่ย
“ไอด้วย” เดลยืนยันอีกเสียง “ถึงไอจะรักรถและการแต่งรถมากแค่ไหน แต่ที่ไอเลือกมาอยู่ในทีมนี้ก็เพราะยู ถ้าไม่มียู ไอก็ไม่อยู่เหมือนกัน”
“แล้วจะไปกันหมดนี่เลยหรอ เอาไงดีควีน” ผิงหันไปถามความเห็นเพื่อน
“พวกยูจะไปทำอะไรที่ไทย จะไปอยู่กันยังไง ทำงานอะไร ที่นั่นไอไม่มีทีมแข่งให้พวกยูได้ทำกันนะ” ควีนถาม
“ไอก็ไม่ได้มีความสามารถแค่แต่งรถนะควีน ยูก็รู้ว่าไอทำอะไรหลายอย่าง แต่สิ่งที่ไออยากทำที่สุดคืออยู่ซัพพอร์ตยูข้าง ๆ ในทุกที่ที่อยู่ตัดสินใจจะอยู่” เจ็ตตอบด้วยความมุ่งมั่น
“ส่วนไอยูไม่ต้องห่วงเลย ชีวิตไอ ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้ ยูก็รู้หนิควีน” เดลยิ้มตอบ
“บ้านรวยมันดีแบบนี้เองนะ” ผิงเอ่ยแทรก “ไอเกาะยูกินได้มั้ยเดล”
“ยูก็รู้นะผิงว่าไอพร้อมให้ยูเกาะเสมอ ตอบรับรักไอสิ” เดลยักคิ้วตอบ
“ยูก็รู้นะเดลว่าไอคิดกับยูแค่เพื่อน คงตอบรับรักยูไม่ได้” ผิงยิ้มตอบ
“ใจร้าย” เดลเบ้ปากใส่ “ยูใจร้ายกับไอตลอดเลยนะผิง แล้วทำมาพูดว่าจะเกาะไอกิน แต่พอไอสารภาพรักก็ปฏิเสธไอ” ควีนและเจ็ตพากันยิ้มขำ
“ไอเกาะในฐานะเพื่อนไม่ได้รึไงเล่า” ผิงโวยวายกลับ
“มันก็ได้ กับยูแล้วก็ควีนไอพร้อมให้เกาะได้อยู่แล้ว อ่อ...แต่ยกเว้นเรื่องรถ ไอไม่ซื้อรถให้ยูเอามาแต่งเล่นนะควีน เพราะยูใช้เปลือง” เพื่อน ๆ พากันยิ้มขำ
“เอาเป็นว่าถ้าพวกยูยืนยันแบบนั้น ไอก็ตามใจ แต่พวกยูอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมเอกสาร ตามไอไปทีหลังแล้วกัน ยังไงไอก็ต้องเดินทางก่อน ได้กำหนดการแล้วบอกไออีกทีนะ” ควีนยิ้มให้เจ็ตและเดลอีกครั้ง
“ไปเถอะเดล พวกเรามีอะไรต้องเตรียมอีกเยอะ เจอกันที่ไทยนะควีน” เจ็ตยิ้มตอบ
ควีน สาวสวยหุ่นดี ความสูงเกือบ 170 ในวัย 25 ปี ที่เดินทางมาเรียนต่อที่แคนาดาตั้งแต่จบม.6 โดยมี ผิง เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กตามติดมาด้วยตามคำสั่งของคุณย่า
หลังเรียนจบปริญญาตรี ควีนก็เริ่มต้นทำงานในฐานะโปรแกรมเมอร์ที่แคนาดา ก่อนจะเรียนต่อปริญญาโทและทำงานอยู่ที่นี่ต่อ พร้อมกับการเป็นนักแข่งรถยนต์ทางเรียบซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรักและอยากทำมาตลอด
ส่วนผิง แม้จะเดินทางมากับเพื่อนตามคำสั่งของคุณย่า และด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก แต่เธอก็ไม่ได้เก่งและมีความสามารถเทียบเท่ากับควีน เธอจึงตัดสินใจเรียนให้จบปริญญาตรีสายงานบริหาร แล้วหางานทำพร้อมกับอยู่ดูแลควีนต่อตามที่คุณย่ามอบหมายให้แทน
สำหรับเดลและเจ็ต เป็นเพื่อนชาวแคนาดาเพียง 2 คนที่ควีนและผิงให้ความสนิทสนมด้วย อาจจะเป็นเพราะพวกเค้ามีความชอบในเรื่องของรถเหมือนกัน เลยทำให้พวกเค้าสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว
ตลอดเวลาเกือบ 7 ปีที่ควีนอยู่ที่แคนาดา ก็จะมีคุณย่า พ่อและแม่ คอยติดต่อมาสอบถามความเป็นอยู่ด้วยความคิดถึงอยู่เสมอ แต่การติดต่อควีนไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเธอไม่ค่อยพกโทรศัพท์ติดตัวและไม่ค่อยเคยเปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ ทำให้ทุกคนที่บ้านเลือกจะติดต่อควีนผ่านทางผิงแทน
หลังจากควีนมาอยู่ที่แคนาดา แม้จะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกินครั้งละ 1 อาทิตย์ และสถานที่ที่ควีนเลือกไปอยู่คือบ้านสวนชานเมืองของคุณย่า มากกว่าที่จะไปอยู่บ้านพ่อ และทุกครั้งที่เธอกลับบ้าน ก็เป็นเพราะเธออยากกลับไปเอง ไม่มีครั้งไหนที่คุณย่าออกคำสั่งให้กลับไปเช่นครั้งนี้
นั่นอาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีใครในครอบครัวของเธอล้มป่วยกะทันหันแบบนี้ ซึ่งควีนตระหนักได้ทันทีว่า การเดินทางกลับไทยไปครั้งนี้ มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธออีกครั้งก็เป็นได้
“ควีน...จะกลับไปอยู่ที่ไทยจริง ๆ หรอ แล้วงานกับทีมล่ะ ไหนจะของพวกนี้ เราจะเก็บกันยังไงทัน” ผิงถามขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังช่วยกันเก็บเสื้อผ้า
“เรื่องงาน ควีนคงไปหางานทำที่นู่น ส่วนทีม...ก็คงต้อง...พักไปก่อน” ควีนตอบเสียงเบา “แล้วเรื่องของ ผิงเก็บไปเท่าที่จำเป็นก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวควีนให้เจ็ตกับเดลจัดการส่งกลับไทยให้” ผิงพยักหน้ารับ
“ควีนเครียดอยู่ใช่มั้ย” ควีนเงยหน้ายิ้มให้ผิงเล็กน้อย “คุณย่าบอกว่าพ่อควีนถึงมือหมอแล้วนะ ไม่ต้องกังวลอะไร แค่กลับไปก็พอ” ควีนพยักหน้าให้ผิงอีกครั้ง
“ชีวิตใหม่ เริ่มต้นอีกครั้งแล้วสินะ” ผิงมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
ชีวิตที่เหมือนจะมีพร้อมทุกอย่าง มีคุณย่าที่รัก มีพ่อและแม่ที่รัก มีฐานะทางบ้านที่ดี แต่ยิ่งโตผิงกลับยิ่งมองหาความสุขของเพื่อนไม่เจอ
รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขที่ออกมาจากใจของควีน หายไปตั้งแต่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมาเรียนต่อที่แคนาดา หลังจากมาอยู่ที่นี่ ผิงก็แทบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของควีนอีกเลย ยกเว้นตอนที่บรรลุภารกิจหลังจากนั่งอยู่หน้าจอคอมฯ มาเป็นเวลานานครึ่งค่อนคืน กับตอนที่ขับรถผ่านธงตารางหมากรุกแล้วยืนรับถ้วยอยู่บนโพเดียมหลังจบการแข่งขันเท่านั้น
การกลับไปครั้งนี้ ทำให้เธอกังวลว่ารอยยิ้มของควีน อาจจะหายไปอย่างถาวร ผิงไม่รู้ว่าที่ไทยจะมีงานโปรแกรมเมอร์ในแบบที่ควีนรักรออยู่มั้ย แต่ที่แน่ ๆ ที่ไทยไม่มีทีมแข่งรถที่ควีนรักรออยู่แน่นอน แม้กระทั่งเวลาที่ควีนจะได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในแบบที่ชอบ มันก็อาจจะไม่มี
Line Queen’s Guard
เจ็ต : พวกยูได้ตั๋วเมื่อไหร่ แล้วของที่ห้องจะจัดการยังไงทัน
ผิง : ควีนเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่าจะรบกวนเจ็ตกับเดลส่งกลับไทยให้
: ส่วนตั๋วได้พรุ่งนี้ ออกเดินทางตอนตี 1 คงถึงไทยสาย ๆ อีกวัน
เดล : เดี๋ยวพวกไอไปรับ กุญแจบ้านทิ้งไว้ที่ไอเลย เดี๋ยวไอจัดการเรื่องของให้
เจ็ต : พวกไอจะรีบตามไป ดูแลควีนด้วย แล้วส่งข่าวพวกไอด้วยนะ
ผิง : ไม่ต้องห่วง ไอจะดูแลควีนให้ดีที่สุด
“เดี๋ยวเดลกับเจ็ตมารับไปขึ้นเครื่องนะควีน เดลบอกว่าให้ทิ้งกุญแจไว้ที่เดลได้เลย ควีนจะให้ส่งของไปที่บ้านใหญ่หรือบ้านคุณย่าดี” ผิงถาม
“บ้านคุณย่าแล้วกัน ควีนอาจจะอยู่ที่นั่นเป็นหลัก” ผิงพยักหน้าตอบ “อ่อ...ผิงบอกสองคนนั้นด้วยว่า ตอนขอวีซ่าลงที่พักเป็นที่อยู่บ้านคุณย่าได้เลย”
Line Queen’s Guard
ผิง : ควีนบอกว่า ตอนขอวีซ่าให้ลงที่อยู่บ้านคุณย่าควีนได้เลยนะ เดี๋ยวส่งไว้ให้
เดล : ไม่เป็นไร ไอไม่รบกวนดีกว่า ไอจองโรงแรมแล้วเรียบร้อย
เจ็ต : อยู่โรงแรมน่าจะขอวีซ่าง่ายกว่านะ
ผิง : แต่พวกยูต้องอยู่นานนะ มันจะเปลืองรึเปล่า
เดล : ยูกำลังคุยกับเศรษฐีอยู่นะครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับไอ
ผิง : โอเค ไอไม่ห่วงแล้ว ลืมไปว่ายูรวยมาก!!
เจ็ต : ยูไม่ต้องไปสนใจไอ้เดลหรอก ปล่อยมันแสดงความรวยของมันไปเถอะ
ผิง : ไอไปช่วยควีนเก็บของต่อดีกว่า เจอกันนะ
“ตกลงเดลกับเจ็ตนอนโรงแรมนะควีน เดลบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” ควีนยิ้มออกมาเบา ๆ
“เรื่องที่ควีนไม่ได้คิดไว้ก็คือ เรื่องที่สองคนนั้นจะตามไปด้วยนี่แหละ” ควีนยิ้มเอ่ย
“ควีนจะขาดองครักษ์ได้ยังไง มีผิงแค่คนเดียวองครักษ์มันไม่ครบทีมนะ” ผิงยิ้มตอบ
“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากที่อยู่ข้าง ๆ ควีนมาตลอด” ผิงส่งยิ้มกว้างกลับมาให้ควีน
“ผิงจะอยู่ตรงนี้ และจะไม่มีวันเดินหนีควีนไปไหน ต่อไปนี้พวกเราจะไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทยด้วยกันนะ” ควีนพยักหน้ากลับมา ‘ผิงจะเฝ้าอธิษฐานขอดวงดาวทุกดวง ขอให้การกลับไทยในครั้งนี้ ทำให้ควีนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง’ ผิงจ้องมองเพื่อนรักที่นั่งเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วยแววตาที่มีแต่ความกังวล
ล่วงเลยเวลาเข้าสู่เช้าวันใหม่ แต่ควีนยังคงหน้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเคลียร์งานทั้งหมดที่ค้างอยู่ให้เสร็จ พร้อมกับแจ้งเรื่องการลาออกกะทันหันให้กับต้นสังกัดทราบ รวมถึงทำหนังสือแจ้งทีมแข่งรถว่าในฤดูกาลหน้าเธอจะไม่สามารถลงแข่งได้แล้ว
“ควีน...ได้นอนรึยังเนี่ย” ผิงงัวเงียตื่นขึ้นมาถาม
“ยัง ควีนต้องเคลียร์งานก่อน บ่าย ๆ น่าจะเสร็จแล้วแหละ” ควีนตอบแต่ยังคงไม่ละสายตาจากจอไป
“เดี๋ยวผิงเตรียมอาหารให้นะ พักกินข้าวแปปนึงก่อน เอากาแฟหน่อยมั้ย” ควีนพยักหน้าตอบเล็กน้อย ส่วนผิงที่ได้รับคำตอบก็เดินหายเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมกาแฟมาให้ควีน
ตกเย็นเดลและเจ็ตเดินทางมารับควีนและผิงที่บ้าน เพื่อพาไปกินข้าวก่อนที่จะแยกย้ายกันชั่วคราว และรอเวลาไปเตรียมตัวที่สนามบิน
“พวกไอน่าจะเดินทางอาทิตย์หน้านะควีน” เจ็ตเอ่ยขึ้นขณะพวกเค้ากำลังเดินทางไปที่สนามบิน
“ได้ เดี๋ยวไอจะรอต้อนรับ” ควีนตอบ
“โคตรตื่นเต้นเลย รู้จักกันมาตั้ง 7 ปี แต่กำลังจะได้ไปไทยเป็นครั้งแรก ไออยากตระเวนเที่ยวให้ทั่วประเทศเลย ได้ข่าวว่าที่เที่ยวสวย ๆ เต็มไปหมด” เดลที่กำลังขับรถหันมาคุย
“ไว้ไอจะพาพวกยูเที่ยวเอง ถ้ามีเวลานะ” ควีนเอ่ยตอบ
“เดินทางปลอดภัยนะควีน ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพวกไอด้วย ยูด้วยนะผิง ดูแลควีนดีดี” เจ็ตหันไปย้ำกับผิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ควีน
“ไอดูแลตัวเองได้น่า ไอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกยูต้องเป็นห่วงไอขนาดนั้น” ควีนยิ้มถาม
“ไม่ว่ายูจะทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน ไอก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วยูอ่อนแอไงควีน ไม่ว่ายังไงพวกไอก็เป็นห่วง” ทั้งรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ เมื่อเจ็ตเอ่ยออกมาเช่นนั้น
“ขอบคุณนะ” ควีนยกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเข้ามาในเขตสนามบิน
‘ลาก่อนแคนาดา ขอบคุณนะที่ให้ควีนได้พักใจ ควีนพร้อมที่จะสู้ต่อแล้ว’ ควีนเอ่ยกับตัวเองในใจ