คำบอกเล่าเรื่องราวของอี๋เหนียงสี่ที่ถูกถ่ายทอดออกจากปากของหยวนเพ่ย ทำให้ซิ่นหนิงเยว่มั่นใจว่าสตรีที่อยู่ในจวนเดียวกัน ปรนนิบัติสามีคนเดียวกัน ต้องไม่ใช่หรงเซียะเหม่ยแน่
"หยวนเพ่ย หรงอี๋เหนียงอยู่ที่เรือนหรือไม่?"
"อยู่เจ้าค่ะ คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ?"
"เจ้าส่งเทียบเชิญนี้ไปยังเรือนนาง"
"เจ้าค่ะ" หยวนเพ่ยรับปากและรับส่งเทียบเชิญส่งไปตามคำสั่ง ส่วนซิ่นหนิงเยว่มิได้เอ่ยสิ่งใด นางเพียงหลับตานึกภาพของตนเมื่อสองเดือนก่อน เหตุการณ์ต่างๆ ปรากฏตรงหน้าในห้วงความทรงจำ ภาพบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาตนในขณะที่นางรู้ว่าไม่ใช่ตนเอง เขาเดินตรงเข้ามาแล้วพูดอะไรสักอย่างด้วยใบหน้าเคร่งเครียด นางไม่เข้าใจ แต่ก็เกิดคำถามในใจ นางได้แต่กล่าวขอโทษ และกล่าวตามความจริงว่าตนไม่รู้จักเขา จากนั้นคำก่นด่าสาปแช่งก็ออกจากปากบุรุษผู้นั้นทันที
“อย่าหวังว่าสันดานเช่นนี้จะหาผู้ชายที่รักจริงได้เลย ผู้หญิงทำงานอย่างว่ายังมีดีเสียกว่า...ถุย!”
ฝ่ามือของนางค่อยๆ กำฝ่ามือเข้าหากันจนขึ้นข้อสีขาว กว่านางจะคลายก็ทำให้ฝ่ามือที่นวลนิ่มเกิดรอยแดงจนเลือดเกือบซึมออกมา ภายในใจนึกถึงเรื่องเมื่อสองเดือนที่หลับไปจนเผลอตัวเอ่ยบางสิ่งออกมา "เจ้าทำเพื่ออะไร!"
ลมพัดอ่อนๆ พัดพาความเย็นสบายมาให้สองสตรีสองร่างนางที่กำลังนั่งสนทนากัน แต่ความเย็นสบายของสายลมหาทำให้สตรีทั้งสองอารมณ์เย็นตามเลยแม้แต่น้อย สตรีนางหนึ่งใบหน้าราบเรียบ แววตาไร้ความรู้สึกดังเหวลึกที่ยากจะคาดการณ์ สตรีอีกนางหนึ่งใบหน้าตระหนกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสตรีตรงหน้า แต่ก็พยายามเก็บอาการมิให้อีกฝ่ายทราบรับรู้ถึงพื้นอารมณ์หวั่นเกรง หากเทียบเชิญมิได้กล่าวถึงชื่อหนึ่งที่ตนเองคุ้นเคย มีหรือที่นางจะกริ่งเกรงอยู่กลายๆ
ทั้งสองนางนั่งอยู่ภายในศาลาแปดเหลี่ยมหลังจวนท่านแม่ทัพสกุลจาง ภายในศาลาแปดเหลี่ยมหามีบ่าวรับใช้ข้างกาย หากเพียงแต่บ่าวรับใช้ให้ออกไปเพราะพวกนางได้รับคำสั่งให้รออยู่ที่ด้านนอก เพื่อมิต้องการให้ใครได้ยินคำสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสอง
"ข้าถามเจ้า เหตุใดเจ้ามิตอบข้าเล่า อาจู อ๋อ! หรือเจ้าจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าหรงเซียะเหม่ย?หรือเรียกตามตำแหน่งหรงอี๋เหนียง? เจ้าเลือกเอาเถอะ จะเป็นหรงอี๋เหนียงหรือหรงเซียะเหม่ยก็คนเดียวกัน หากแต่เป็นอาจู…เจ้ากับข้าคงต้องสนทนากันนานนัก"
"เจ้ารู้อะไรมา จางฮูหยิน?" สีหน้าที่ไม่สามารถระงับความสงบลงได้แสดงออกให้ซิ่นหนิงเยว่รู้สึกเป็นต่อ
"เจ้าอยากฟังเรื่องที่ข้ารู้หรือ? เอาเป็นว่าข้ารู้เรื่องเจ้า แต่เจ้ารู้เรื่องข้าดีแค่ไหนถึงได้ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวข้า" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยเสียงดังถามผู้ที่นางเรียกว่าอาจู หรือหรงเซียะเหม่ย
"บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้ารู้เรื่องอะไรมา หากเจ้าไม่รู้อะไรข้าก็จะกลับ ไม่สนทนากับเจ้าให้เสียเวลา" นางตอบกลับซิ่นหนิงเยว่ด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี
"สองปีในโลกของเจ้าเท่ากับสองเดือนในโลกของข้า" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยขึ้น ทำให้ดวงตาเบิกโพลงของหรงเซียะเหม่ยปิดบังไว้ไม่มิด
แต่หาใช่กับซิ่นหนิงเยว่ที่มุมปากยิ้มหยัน
"เจ้า!" นางยังไม่ได้เอ่ยถาม กลับได้ยินเจ้าของเสียงเดิมเอ่ยแทรกเสียก่อน
"ข้าเบื่อเล่นลิ้น ถือว่าสวรรค์ยังเมตตาที่เจ้าได้เข้ามาอยู่ในร่างคนใดคนหนึ่งในบรรดาอี๋เหนียงของท่านแม่ทัพจาง หึ! อาจูคือชื่อของเจ้า ข้ากับเจ้ามิมีความแค้นต่อกัน อีกทั้งข้ามิมีความแค้นใดกับร่างหรงเซียะ-เหม่ยแม้แต่น้อย แผนการให้ข้าลงนามในหนังสือหย่าที่เจ้าให้ข้าเขียน ช่างเป็นเล่ห์กลที่ทำให้ข้ากลายเป็นคนโง่งมได้ดีทีเดียว เจ้าทำราวกับข้าทำผิดต่อเจ้า ยืมมือฆ่าคนเพื่อให้ตนเองบรรลุวัตถุประสงค์ ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ"
"ขะ…ข้า" นางอ้ำอึ้งด้วยจนในคำพูดของสตรีตรงหน้า
"บนโลกนี้ช่างแปลกเสียจริง เจ้าหลุดมาอยู่ในร่างของหรงเซียะ-เหม่ย ข้าหลุดไปอยู่ในร่างของเจ้า โดยเวลาสองปีข้าต้องถูกเรียกขานชื่อว่าอาจู อีกทั้งทนทุกข์กับร่างที่เจ็บปวดทรมาน จะเดินเหินก็ราวกับข้าเป็นแก้วที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ ข้ามีบุญคุณกับเจ้าเสียมากกว่านะอาจู ที่ดูแลร่างของเจ้าและครอบครัวของเจ้าในเวลาที่เจ้ามาอยู่ในโลกของข้า และทำให้ชีวิตของข้าพัง"
"ข้าไม่ใช่อาจู" นางปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ดวงตาเริ่มแดงและมีน้ำตาคลอ
"ปฏิเสธ? นั่นมันเป็นสิทธิ์ของเจ้าว่าจะลืมตัวตนที่แท้จริงหรือไม่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของข้า!" นางรังเกียจสตรีผู้นี้เหลือเกิน ที่นางเชื่อว่าสตรีตรงหน้าคืออาจู เพราะถ้าไม่ใช่นางคงไม่มาตามเทียบเชิญของตนเป็นแน่ เพราะในเทียบเชิญระบุชื่อบุคคลที่อาจูรู้จักไว้หมด นางมองสตรีที่เรียกว่าอาจูด้วยความเดียดฉันท์ เมื่อเห็นน้ำตาที่หลั่งรินลงมา นางยิ่งรู้สึกขยะแขยง
"ร้องไห้ไปไย น้ำตามิได้ช่วยให้ข้าหายเจ็บปวดหรอกนะ โลกของเจ้าแก่งแย่งชิงดีกันเสียมากกว่าโลกของข้า โลกของเจ้ามิยอมรับในเรื่องสามภรรยาสี่อนุ ตบตีเพื่อสิ่งที่ตนรักและปรารถนา หาได้มาด้วยการใช้เงินหลายร้อยตำลึงแลก แล้วข้าผิดอันใดที่ข้ามิยอมรับบ้างล่ะอาจู"
อาจูน้ำตาไหลออกมา แววตาจับจ้องไปยังสตรีที่ล่วงรู้ความลับของตน
"ข้าขอโทษ!" นางเอ่ยเสียงสั่นเครือ
"ขอโทษ? คำขอโทษของเจ้าจะทำให้ข้าย้อนกลับมาแก้ไขสิ่งที่เจ้าได้กระทำไปหรือ? หนังสือหย่าที่มีชื่อข้าปรากฏว่าข้ายินยอมพร้อมใจกลายเป็นสตรีหม้ายไร้สามี ไร้จวนพักพิง ข้าแต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ข้าอายุได้ 14 หนาว ข้าจำต้องคุกเข่าขอร้องบิดาข้า เพียงเพื่อหวังได้เคียงคู่กับบุรุษที่ข้ารักปักใจ แต่เขากลับรังเกียจ แม้แต่เรือนของข้าเขายังไม่เคยก้าวเข้าไปเหยียบแม้แต่ธรณีประตู สองปีที่ข้ามิเคยเข้าหอกับเขา ข้าได้แต่รั้งตำแหน่งฮูหยิน ทนเจ็บปวดทรมานกับการที่ถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้ยางอาย ไร้ความสามารถที่จะมีทายาทให้ท่านแม่ทัพ เจ้าจะใช้คำขอโทษเพียงแค่ลมปากของเจ้าให้ข้าหายเจ็บแค้นอย่างนั้นรึ มันไม่มากไปหน่อยหรืออาจู"
"ขะ ..…ข้าผิดไปแล้ว" อาจูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง บัดนี้น้ำตาของนางไหลดั่งทำนบแตก
"ข้าไปอยู่ในร่างของเจ้าที่อายุมากกว่าข้าถึงห้าปี ต้องทนถูกสตรีที่เจ้าไปทำงามหน้ามาตราหน้าว่าไร้ยางอาย ต้องเรียนรู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่กับเรื่องที่ผุพัง โดนเข็มแหลมทิ่มแทงตามร่าง แต่เจ้ากลับได้อยู่ในร่างที่สมบูรณ์ แต่ความคิดอกุศล สร้างหายนะให้แก่ผู้อื่น สิ่งที่เจ้าเคยสูญเสียมันไม่ได้สอนเจ้าให้เรียนรู้การใช้ชีวิตบ้างเลยหรือไร