ตอน4

868 Words
โลกนี้ไม่ได้เหมือนโลกของเจ้าหรอก สตรีถูกหย่าขาดจากสามีไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็ยากที่จะแต่งใหม่ แต่ผิดกับโลกของเจ้า จะแต่งใหม่เสียกี่ครั้งและเมื่อใดก็ได้ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าใครจะเจ็บเพราะการกระทำของเจ้าบ้าง" "ข้าขอโทษ ข้าผิดไป ข้าไม่คิดหน้าคิดหลัง เห็นแต่ความสุขของเขาเท่านั้น ขอโทษนะเจ้าคะ...จางฮูหยิน" "ข้าจะอภัยให้เจ้าได้อย่างไร เมื่อเจ้าเป็นผู้วางแผน ในเมื่อก่อนลงมือเจ้าคิดตริตรองมาอย่างดีได้นี่ว่าควรทำหรือไม่ แต่เมื่อว่าถูกจับได้จะกล่าวเพียงคำขอโทษ เจ้าคงพูดบ่อยจนชินปากแล้วกระมัง" "ข้า...ข้า" สีหน้าสตรีตรงหน้า ทำให้ซิ่นหนิงเยว่ยิ้มเย็น "ดูเจ้าเป็นกังวลนะ หากเป็นเรื่องของคนในครอบครัวเจ้า ข้าบอกได้ว่ามิต้องกังวล ข้าทำหน้าที่เป็นบุตรที่ดีแทนเจ้า ครอบครัวรักเจ้า และมารดาเจ้าสอนอะไรข้าหลายอย่าง ตอนข้าจากมาคนในครอบครัวของเจ้าทำใจได้ไม่ยาก" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าก่อนที่นางจะเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของบุรุษที่นางยังมิต้องการเห็นหน้าก็ตะโกนมาด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยัน "ฟื้นตัวได้ ก็ก่อความรำคาญใจให้ผู้อื่นเชียวรึ" ซิ่นหนิงเยว่หันมองตาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเสียงนี้คือผู้ใด "คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" ซิ่นหนิงเยว่ลุกขึ้นคารวะ ทั้งๆ ที่ใจนางเริ่มเจ็บแปลบขึ้นมา จางหยูเยี่ยนหาได้สนใจนาง แต่กลับมาสนใจสตรีอีกคนที่มีฐานะเป็นอี๋เหนียงของเขา ยกอนุข่มภรรยา! "นางทำอันใดกับเจ้าหรือไม่ เซียะเหม่ย" น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยออกจากปากบุรุษที่ได้ชื่อว่าสามี ทำให้ซิ่นหนิงเยว่ตวัดตามองไปยังหรงเซียะเหม่ยอย่างเสียมิได้ นางนี่นะจะเป็นอะไร "มะ... ไม่ ไม่เจ้าค่ะ จางฮูหยินมิได้ทำสิ่งใดกับข้าเจ้าค่ะ" "ไม่ทำ เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้" "เอ่อ..." "เจ้ากลับไปก่อนดีหรือไม่ หรงอี๋เหนียง" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ย ทำให้จางหยูเยี่ยนหันมามองนางอย่างไม่พอใจ แววตาหามีความปรานี "ทำไม?หรือเจ้าทำอันใด" เขาเอ่ยถามเพราะคิดว่านางกำลังจะปิดบังเรื่องราวต่างๆ ที่ทั้งสองสนทนากัน และกีดกันสตรีของเขาไม่ให้เล่าเรื่องราวที่นางเผชิญหน้าอยู่ "เฮ้อ! ท่านแม่ทัพข้าเพิ่งฟื้น เรี่ยวแรงที่พอจะเชือดไก่ก็ยังไม่มาก ทั้งร่างข้ายังเล็กกว่ายอดพธูของท่าน แล้วข้าจะทำอันใดนางได้ หรือท่านแม่ทัพจะพิสูจน์โดยให้นางถอดอาภรณ์ที่ปกปิดเรือนร่างภายในเพื่อเผยให้เห็นตรงนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ" "เจ้ากล่าวมากเกินไปแล้ว" "ข้าน้อยผู้เป็นภรรยาก็เพียงปกป้องความบริสุทธิ์ของตนบ้าง แต่การพิสูจน์ย่อมต้องให้เห็นด้วยกันทุกฝ่าย" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยท้วงติงถึงความบริสุทธิ์ของตนและเอ่ยอ้างตำแหน่งของนางเพื่อย้ำเตือนกับบุรุษตรงหน้าให้รับรู้ "ข้าน้อยไม่เป็นอันใดจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ" นางก้มหน้าและเอ่ยเสียงเบาเพื่อไม่ต้องการให้เรื่องราวเมื่อครู่ยุติลง ทว่าจางหยูเยี่ยนยังคงสงสัยว่าเหตุใดนางถึงได้หลั่งน้ำตาได้ หากไม่มีสาเหตุแล้วไยนางจะต้องร้องไห้ด้วย เขาจึงถามนางอีกครั้ง "แล้วเจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดหรือ?" น้ำเสียงอ่อนโยนลงทันทีเมื่อยามที่เขาหันมาสนทนากับหรงเซียะเหม่ย "คือ..." หรงเซียะเหม่ยตะกุกตะกักยังไม่กล้าพูดออกมา ทำให้ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยสวนขึ้น "ท่านถามนางดีกว่าว่าจะอยู่ดูข้ากับท่านเล่นหมากล้อมหรือไม่?" "เจ้าพูดอันใด ใครจะเล่นหมากล้อมกับเจ้า" "ข้าน้อยกำลังเอ่ยชวนท่านแม่ทัพเล่นหมากล้อมกับข้าสักกระดานอย่างไรเล่าเจ้าคะ" "หากข้าปฏิเสธ? " "ข้าน้อยย่อมไม่แปลกใจ เพราะแต่ละครั้งที่ท่านปฏิบัติต่อข้า ก็ราวกับเข็มนับพันทิ่มแทงข้า หากท่านจะยินดีทำตามที่ข้าน้อยร้องขอสักครั้งก็คงเหมือนกับสองมือของโพธิสัตว์ประคองปลาน้อยที่กำลังแดดิ้นอีกไม่อึดใจไว้ และปล่อยลงไปยังสายธารได้หายใจเพื่อต่อชีวิตอีกครั้ง" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยขึ้น มุมปากยกยิ้ม แต่รอยยิ้มมิไปมิถึงดวงตา นางมิรอให้เขาตอบรับ นางแต่เดินสวนเขาไปโดยมิหันกลับมา "เดี๋ยว!" เสียงเรียกที่เอ่ยออกจากปากเขาอย่างยากลำบาก เอ่ยเรียกทำให้นางชะงักฝีเท้า ไม่นานเสียงของเขาก็ตะโกนให้บ่าวข้างกายของเขานามว่า "มู่ไห่" วิ่งไปเตรียมกระดานหมากมาให้ตน ส่วนหรงเซียะเหม่ยได้ออกจากศาลาตามคำสั่งของท่านแม่ทัพจางไปพร้อมกับบ่าวที่ติดตามมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD