ตอนที่ 19

1293 Words
หรงเซียะเหม่ยรู้สึกปวดระบมที่หัวเข่าทั้งสองข้าง และเมื่อยล้าที่ขาจนมิอยากจะขยับเขยื้อนตัว วันนี้นางจึงไม่ได้ไปทานมื้อค่ำเหมือนกับคนอื่นๆ นางจะลุกเพื่อเดินเหินก็รู้สึกลำบากยิ่งนัก นางอดนึกแค้นตัวเองเสียมิได้ว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้ จู่ๆ ตนเองถูกทำโทษด้วยได้อย่างไร ทั้งที่นางยังมิได้เอ่ยคำใดออกมาทั้งนั้น ไม่เพียงเท่านั้นยังโดนเฟิงหรูงอวี้ต่อว่าต่อขานนางอีกว่าเป็นต้นเหตุให้ทุกคนโดนลงโทษให้นั่งคุกเข่าที่หน้าเรือนฮูหยินผู้เฒ่าถึงสอง ชั่วยาม ทั้งคนพวกนี้เหมือนนกรู้ พ้นฮูหยินผู้เฒ่าพวกนางก็หาผ้าบุนุ่นมามัดที่หัวเข่าทั้งสองข้าง หรือเมื่อใดพวกนางเมื่อยก็ให้สาวใช้มานั่งแทน โดยจะมีคนคอยดูต้นทางให้ ครั้นนางอยากจะทำบ้าง แต่ก็ถูกคนของ เฟิงหรูอวี้กดไหล่เอาไว้ อยุติธรรมแก่นางยิ่ง! อาการปวดขาทั้งสองข้างทำให้หรงเซียะเหม่ย หรืออาจูที่แฝงร่างอยู่นั้น รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และเวียนศีรษะขึ้นมาพานให้อารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพื่อระงับอารมณ์ที่ไม่ปกติในใจ นางจำต้องหลับตาเพื่อลดอาการวิงเวียนศีรษะนี้ นางมิอยากป่วย มันทำให้ตนเองรู้สึกทรมาน นางกลัวว่าตนจะป่วยและต้องทนทุกข์กับโรคเดิมที่ทำให้นางเจ็บปวด แต่ที่นางน่าเจ็บปวดมากกว่าโรคมะเร็งในระยะสองที่เข้าสู่ระยะที่สาม คือเนื้อร้ายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายของอาจู เขาเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นใบหน้าคุ้นตาจนนางเธอเองต้องแอบสะกดรอยตามไปถึงลานจอดรถ เพื่อจะอยากเห็นภาพหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ชัดเจน และภาพสตรีผู้นั้นก็ฉายชัดเมื่อนางเธอหันมา นางเธอคือภรรยาของเขา ภรรยาที่เขาเคยพร่ำบอกนางว่าได้หย่าขาดกันแล้ว พร้อมยังนำใบหย่ามายืนยันต่อหน้านาง อาจู ’ แกรู้ได้ไงว่าเขาเลิกกับภรรยาที่ตบแต่งกันแล้ว" ‘เขาเอาใบหย่ามาให้จูดูแล้วน่า อาม้๊า!’ ‘แล้วแกก็เชื่อ? กี่ครั้งไม่รู้จักเข็ดหลาบ!’ "คุณหนูให้บ่าวช่วยนะเจ้าคะ" สาวใช้ข้างกายเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางอิดโรยของผู้เป็นนายของตน และเสียงนี้ก็ทำให้อาจูลืมตาตื่นกลับขึ้นมากลับสู่โลกที่นางอยู่ในปัจจุบันพร้อมขอบตาที่แดงกับม่านน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามให้ไหลกลับคืนไป ที่นี่เวลานี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่นางจำต้องประชันขันแข่งเพื่อครอบครองหัวใจของบุรุษ บุรุษที่มีใจรักกับเจ้าของร่างนี้ และการเป็นรองอย่างเปิดเผย มิใช่เรื่องยากหากนางจะช่วงชิงมา "อืม" เสียงตอบรับในลำคอทำให้สาวใช้เลิกผ้าขึ้น เพื่อนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบที่หัวเข่าทั้งสองให้ เพื่อให้คลายความเจ็บและลดอาการบวมช้ำ "โอ๊ย!" "คุณหนูอดทนหน่อยนะเจ้าคะ อีกไม่กี่วันก็หายแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช้เอ่ยขึ้นพร้อมมองสีหน้าผู้เป็นนาย เมื่อเห็นนางร้องความด้วยความเจ็บปวดด้วยจนใบหน้าบิดเบี้ยว "แล้วมียาดื่มแก้ปวดฟกช้ำหรือไม่?" นางปรายตามองสาวใช้ที่คุกเข่ากำลังนั่งประคบหัวเข่าของตนอยู่ "มีเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวไปต้มให้นะเจ้าคะ" "อืม! รอท่านแม่ทัพมาก่อนแล้วเจ้าค่อยไปต้ม ข้าดูอิดโรยมากหรือไม่?" นางเอ่ยถามพร้อมยกฝ่ามือลูบไล้ข้างแก้ม "เจ้าค่ะ คุณหนูปวดมากหรือเจ้าคะ" สาวใช้รู้สึกเป็นห่วงนายสาวผู้บอบบางจับใจ "ปวดสิ เจ้าก็เลิกประคบได้แล้ว หันมานวดให้ข้าแล้วก็ลงแรงหน่อย" น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยออกมาอย่างไม่ทันระวัง นางหงุดหงิดที่สาวใช้เอาแต่ประคบที่เข่า ซึ่งนางอยากให้บีบนวดเพื่อลดอาการปวดส่วนอื่นบ้าง "เจ้าค่ะ" สาวใช้รีบทำตามคำสั่ง แม้ในใจยังสงสัยว่าเหตุใดนายสาวของตนถึงต้องทำน้ำเสียงไม่พอใจตนด้วย แต่นางก็มิอาจไต่ถามได้ เพราะนางเป็นบ่าว และหลายเดือนมานี้นับตั้งแต่คุณหนูฟื้นขึ้น นายสาวของตนก็หงุดหงิดบ่อยมากยิ่งขึ้น สาวใช้นามผิงผิงบีบนวดไปทั่วขาทั้งสองข้าง ทำให้อาการปวดของหรงเซียะเหม่ยดีขึ้น ใบหน้าก็เริ่มผ่อนคลาย หัวคิ้วมิได้ขมวดเข้าหากันแล้ว "ผิงผิง เจ้าว่าท่านแม่ทัพรักข้าหรือไม่?" น้ำเสียงที่เอ่ยถามสาวใช้ปนกังวลเล็กน้อยเล็กน้อย แต่ยังแฝงด้วยความผยองอยู่บ้างในที "รักสิเจ้าคะ เหตุใดคุณหนูถึงคิดว่าท่านแม่ทัพไม่รักคุณหนูเล่าเจ้าคะ กว่าท่านแม่ทัพจะขอท่านแต่งเข้าจวนได้ ตามงอนง้อคุณหนูอยู่เป็นนาน กว่าคุณหนูจะยอมแต่งด้วย" "เช่นนั้นข้าก็คลายกังวลอยู่บ้าง แต่ยังมีบรรดาอี๋เหนียงอีกสามกับฮูหยินที่เขายังต้องไปดูแล ทั้งตัวและหัวใจของท่านแม่ทัพไม่ได้อยู่ที่ข้าเพียงผู้เดียว ข้ารู้สึกตัวเองด้อยค่าเหลือเกิน ผิงผิง" น้ำเสียงนางสั่นเครือ กระบอกตาเริ่มแดงและมีน้ำใสคลอ พร้อมชำเลืองมองไปที่ประตูว่าเงาที่ตนเองเห็นใช่เป็นเงาของคนที่ตนเองคุ้นเคยและกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหรือไม่ "บุปผาแม้จะงดงาม แต่ต้องมีสักวันที่เหี่ยวเฉาโรยรา แต่ข้ากลัวว่าข้าจะไม่ถึงวันที่บุปผาโรยรา ก็จะถูกเด็ดทิ้งเสียก่อน" "คุณหนู!" ผิงผิงสงสารนายตนเหลือเกิน แต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ นางได้แต่บีบนวดหรงเซียะเหม่ยได้เท่านั้น "โอ๊ย!" นางร้องเสียงหลงร้องออกมา พร้อมกับการมาของท่านแม่ทัพ ที่แทบจะวิ่งเข้าหานางก็ว่าได้ "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหม่ยเอ๋อร์" จางหยูเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล สายตาแลเห็นหัวเข่าที่เป็นสีเขียวปนม่วง เขารู้สึกเจ็บแทนนางเหลือเกิน เขานั่งลงที่เตียงตั่งแล้วะจับโน้มตัวนางมาโอบกอด ผิงผิงเห็นว่าสามีของนายสาวมาแล้วจึงถอยออก เพื่อไปต้มยาแก้ปวดให้นาง "ข้าน้อยอนุภรรยาไม่เป็นไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพียงเมื่อครู่ผิงผิงบีบโดนเข่าทำให้ข้าสะดุ้งตกใจเท่านั้น" นางเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงข้างแก้ม จางหยูเยี่ยนก้มมองแล้วใช้นิ้วข้างที่ถนัดปาดน้ำตาให้สตรีที่กำลังอิงอกอุ่นกว้างของเขา "ไยเจ้าต้องโกหกด้วย เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ ข้าฟังแล้วปวดใจยิ่ง ข้าเคยรับปากเจ้าว่าจะดูแลเจ้าให้ดี ไหนบอกข้าซิ เหตุใดเจ้าถึงถูกลงโทษไปพร้อมกับพวกนางด้วย" ทั้งๆ ที่เขาได้รับรายงานจากพ่อบ้านแล้ว แต่ก็อยากจะฟังจากปากของนางอยู่ดี แต่นางก็ส่ายหน้าให้เขา "มิมีสิ่งใดหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่เข้าใจผิดกันก็เท่านั้น" หรงเซียะเหม่ยไม่พูดสิ่งใด "บอกข้าเถิด หากเจ้าไม่บอกข้าก็ต้องรู้อยู่ดี ข้าอยากได้ยินจากปากเจ้า" "แล้วถ้าข้าน้อยเล่าเรื่องราว ท่านแม่ทัพต้องสัญญาจะไม่ทำอะไรเด็ดขาดนะเจ้าคะ" "ข้ารับปากมิได้ หากผิดจริงจำต้องลงโทษเพื่อให้หลาบจำ" "แต่ว่า..." "เหม่ยเอ๋อร์!" เขาทำเสียงแข็งกำราบนางที่นางเริ่มไม่เชื่อฟังคำของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD