"เหม่ยเอ๋อร์!" เขาทำเสียงแข็งกำราบนางที่นางเริ่มไม่เชื่อฟังคำของเขา
"ก็ได้เจ้าค่ะ ถึงอย่างไรท่านก็ต้องหาทางทราบเรื่องนี้อยู่ดี เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มิควรนำมาใส่ใจนัก และท่านแม่ทัพก็มิควรมากล่าวโทษหาความผิดจากใคร "”
"เหม่ยเอ๋อร์!"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ข้าเพียงแค่อยากไปดูแบบชุดที่ช่างตัดเย็บนำมาให้ฮูหยิน แต่ข้าไม่กล้าไปคนเดียวนี่เจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าฮูหยินร้ายกับข้าอย่างไร ข้าเลยชวนอี๋เหนียงใหญ่ไปเป็นเพื่อน แต่ไม่คิดว่านางจะชวนคนอื่นๆ ด้วย พอ…พอไปถึงข้ายังไม่ทันได้ดูแบบชุด ก็โดนจางฮูหยินต่อว่าข้า หาว่าข้ากักตัวท่านแม่ทัพเพียงผู้เดียว ไม่ยอมให้ท่านไปเรือนอื่นๆ แต่ข้าเปล่านะเจ้าคะ"
"ข้ารู้ๆ เจ้าไม่ผิด เป็นเพราะข้าเอง"
"ใช่! เป็นความผิดของท่านแม่ทัพ แต่..แต่ไม่มีใครเชื่อนี่เจ้าคะ หากจางฮูหยินไม่เอ่ยต่อว่าข้าและโยนเผือกร้อนส่งมาให้ข้าเช่นนั้น และบังเอิญท่านแม่ผ่านมาได้ยินจนเลยถูกลงโทษ และทำให้อี๋เหนียงต่างเข้าใจผิดและมาต่อว่าข้า หาว่าข้าเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องถูกลงโทษ ข้ายังไม่ได้กล่าวสิ่งใดหรือแม้แต่จะโต้แย้ง ความผิดทุกอย่างก็ตกมาที่ข้า ข้ามันไม่ดีเองเจ้าค่ะ คิดมิรอบคอบ ข้าน้อยไม่ควรคิดอยากได้ชุดใหม่เสียเลย"
"เจ้าอย่าคิดโทษตัวเอง เจ้าพักผ่อนให้มาก หากไม่หายข้าคงพาเจ้าไปเที่ยวงานเฉลิมฉลองไม่ได้แน่ๆ"
"ได้ไงเล่าเจ้าคะ ท่านสัญญากับข้าแล้วนะท่านแม่ทัพ"
"แต่ขาเจ้ายังเจ็บอยู่เลยนี่ ต้องรักษาร่างกายให้หายขาดเสียก่อน"
"หากข้าเดินไม่ถนัด ท่านก็ต้องอุ้มข้าไป หรือให้ข้าขี่คอท่าน ไม่รู้แหละท่านสัญญาแล้ว ห้ามพลิกลิ้นเด็ดขาด"เขาเอ่ยตอบและเป็นจังหวะเดียวกับที่ผิงผิงถือชามยาเข้ามา
"ได้ๆ งานกว่าจะเริ่มก็อีกตั้งสองวัน และงานจัดถึงเจ็ดราตรี เจ้าคงหายทัน ดื่มยาที่ผิงผิงต้มมาให้และพักผ่อนเสีย ข้าจะไปทำงานเสียก่อน” "
"แล้ว...แล้วคืนนี้ท่านแม่ทัพจะมาเรือนไผ่หยกหรือไม่เจ้าคะ"
"หากงานเสร็จก็จะมา เจ้าดื่มยาและพักผ่อน อย่าดื้อเล่า"
"เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยผู้เป็นอนุต้องการให้ท่านแม่ทัพป้อนยาให้ได้ไหมเจ้าคะ" นางเงยหน้าจุมพิตที่ปลายคางของสามี เอ่ยอ้อนวอนให้ได้ราวกับเด็กร้องขอขนมหวาน การกระทำของนางมิสนใจว่ามีสาวใช้อยู่ด้วย จนผิงผิงต้องก้มหน้าเพราะอายแทน ส่วนเขาก็จุมพิตที่ไรผมนางตอบและรับชามยาจากมือผิงผิงมาและจะใช้ช้อนตักยาป้อนให้ หากแต่นางส่ายหน้าไม่รับยา
"ผิงผิง เจ้าออกไปก่อน" เมื่อได้ฟังคำสั่งผิงผิงก็หมุนกายจากไป ทิ้งให้นายทั้งสองอยู่กันภายในเรือน จางหยูเยี่ยนรู้สึกแปลกใจที่นางป่วย แต่ไม่ยอมดื่มยา ทั้งยังไล่สาวใช้ออกไป เขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
หรงเซียะเหม่ยยิ้มตอบคำ
"ข้าน้อยไม่ให้ท่านป้อนวิธีนี้เจ้าค่ะ"
"เจ้าไม่ให้ป้อนวิธีนี้ แล้วเจ้าจะให้ข้าป้อนอย่างไร" เขาถามด้วยความกังขายิ่ง นางรู้ว่าเขาสงสัยว่านางจะสื่ออะไร จึงคว้าชามยาจากมือเขามาไว้กับตัวแล้วใช้ช้อนตักยาที่มี ป้อนยาเข้าไปยังปากของจางหยูเยี่ยน จากนั้นนางก็ประกบปากตนเพื่อดื่มน้ำยาที่อยู่ภายในปากของเขาจนเขาตาค้าง ไม่อยากเชื่อว่าสตรีของเขาจะกล้าแสดงออกถึงเพียงนี้
"ท่านแม่ทัพป้อนข้าน้อยด้วยวิธีนี้ได้ไหมเจ้าคะ ยาทั้งเหม็นทั้งขม แต่เพราะริมฝีปากและลิ้นของท่านหวานนัก ข้าน้อยจะได้ไม่ต้องฝืนดื่มยาและอมน้ำตาลตาม"
"ร้ายนักนะเจ้า!"
"ข้าร้ายเพราะมีท่านเสี้ยมสอน แต่หากให้ร้ายเรื่องอื่นท่านแม่ทัพต้อง... "
"ได้! ข้าจะป้อนยาเจ้าทีละน้อย ยาจะได้ซึมไปถึงที่ที่เจ้าบอบช้ำ"
"ข้าน้อยรออยู่เจ้าค่ะ" จางหยูเยี่ยนเมื่อได้ฟังคำของนาง ในใจรู้สึกคันยุบยิบ ยิ่งคำนางท้าทายยิ่งทำให้เขารู้สึกลำพองใจ ยกชามยาเข้ามาดื่มและกดริมฝีปากตนเข้ากับริมฝีปากบาง เพื่อให้นางได้ดูดดื่มน้ำยาผ่านปากของเขา มือสตรีผู้ช่ำชองรสรักเริ่มไม่อยู่สุข ค่อยๆเปลื้องผ้าทีละชิ้นของบุรุษออกและเขาก็เต็มใจ จวบจนอาภรณ์ด้านบนไร้สิ่งหุ้มกาย แต่ยาในชามยังเหลืออยู่ นางรับชามที่เขาป้อนเวลานานแต่มิพร่องชามไปไว้ที่มือตน
"ขอโทษนะเจ้าคะ"
หรงเซียะเหม่ยผลักชายร่างแกร่งให้นอนราบลงเตียง นางคร่อมตัวเขาอย่างท้าทายและน้ำยาในชามถูกรินลงยังร่องอกแกร่ง เขาถึงกับผงะแต่เมื่อมองสายตาเจ้าเล่ห์ของสตรีก็ถึงกับยิ้มออกมาแทนที่จะโกรธเคือง นางก้มลงลิ้มรสยาที่อยู่ตามร่างกายของเขา ลิ้นนุ่มนิ่มโลมเลียผิวกายจนเขาสั่นสะท้านไปหมด และความอดทนที่นางเป็นผู้เริ่มก็สิ้นสุด ชายชาตินักรบต้องตกเป็นรองเขาไม่ยอม เขาจะสั่งสอนนางให้รู้ว่าสตรีต้องให้บุรุษเป็นผู้จัดการทุกเรื่อง คิดได้เช่นนั้นจึงจับนางพลิกลงใต้ร่างเขาแทนพร้อมปลดอาภรณ์ของหรงเซียะเหม่ยราวผู้หิวโซกระหายในกามรส จิ้งจอกเก้าหางอย่างหรงเซียะเหม่ยย่อมยินดีกับการกระทำของเขา
ซิ่นหนิงเยว่ถูกคนของฮูหยินผู้เฒ่าจับแต่งตัวตั้งแต่ยามปลายยามอุ้ย [1] เพราะวันงานมีขึ้นยามซวี [2] เมื่อใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยผงแป้งและชาด พร้อมผมที่ถูกจัดแต่งให้เหมาะสมกับการไปงานเฉลิมฉลองภายในงาน โดยแรกนางคิดว่าเครื่องประดับผมดูจะมากเกินไป แต่ก็ถูกท้วงติงด้วยว่างานนี้ค่อนข้างใหญ่ จึงมีคำสั่งให้เหล่าฮูหยินทั้งหลายตกแต่งให้สวยงาม
หยวนเพ่ยก็นำชุดที่ช่างตัดเย็บกิมฮวงนำมาส่งเมื่อเช้าวานมาสวมใส่ให้กับซิ่นหนิงเยว่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อเห็นว่านายสาวของตนงดงามอย่างมาก แต่ก็มิกล้าเอ่ยเสียงดัง เพราะกลัวว่าตนจะถูกกล่าวหาว่ามิมีมารยาท และจะพานไปต่อว่าถึงคุณหนูของตนว่าอบรมสาวใช้มามิดี
อีกฝ่ายผู้ต้องร่วมเดินทางไปกับซิ่นหนิงเยว่นั้นดูจะมิได้รีบเร่งแต่อย่างใด ด้วยเขาเพิ่งกลับมาจากราชสำนัก ผู้คุ้นเคยในวังหลวงเยี่ยงเขาย่อมรู้ดีว่างานเฉลิมฉลองนี้จัดขึ้นด้วยเป็นวันครบรอบวันประสูติของไทเฮา และจัดเวลาใด ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้จัดงานใหญ่ทั้งในวังและนอกวัง หวังเพื่อให้ประชาชนครื้นเครงไปด้วย เขาจึงพลาดมิได้จึงสั่งการกับคนของตนให้ดูแลตามจุดต่างๆ
"เหม่ยเอ๋อร์ เจ้ามีอะไรหรือ? "จางหยูเยี่ยนเห็นหรงเซียะเหม่ยเดินเข้ามายังเรือนของตน โดยที่เขากำลังจะเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย
"ข้าน้อยอนุภรรยาต้องการช่วยท่านแม่ทัพอาบน้ำแต่งตัวเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพมิว่ากระไร" นางตอบจางหยูเยี่ยนด้วยใบหน้าละอายใจที่ตนเองถือวิสาสะเข้ามาภายในเรือนของเขาทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต อีกเน้นย้ำตำแหน่งของตนอนุของตนให้ชายคู่สนทนาระลึกว่านางเป็นเพียงอนุที่มิได้เดินเคียงคู่ออกงานสำคัญ ความผิดต่างๆ ไม่ใช่อยู่ที่นางแต่เป็นเขาที่ไม่หยิบยื่นให้เอง
"ดีเหมือนกัน มาสิข้ากำลังอยากหาคนช่วยอยู่พอดี" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมเดินมาจูงหรงเซียะเหม่ยเข้าไปยังฉากกั้น
[1] ยามอุ้ย หมายถึงเวลา 13.00-14.59 น.
[2] ยามซวี หมายถึงเวลา 19.00-20.59 น.