“เตรียมตัวให้พร้อมทุกเวลา เพราะฉันยังต้องให้เธอมาแสดงเป็นแฟนของฉันอีกหลายครั้ง”
จนกว่ามิรินดาจะยอมเซ็นใบหย่า...
ชายหนุ่มต่อประโยคนี้ภายในหัวใจของตัวเองเบาๆ
“ค่ะ แก้มจะเตรียมตัวให้พร้อมทุกเวลาค่ะ”
อินทัชไม่ได้ตอบแกมแพร เขาหมุนตัวและเดินจากไป
แกมแพรถอนใจออกมาอีกครั้ง ศีรษะเล็กที่เส้นผมยาวสีดำถูกรวบร้อยเอาไว้อย่างประณีตจากช่างมืออาชีพส่ายไปมา
“ทำไมผู้ชายรวยๆ ถึงเข้าใจยากนักนะ”
หล่อนบ่นพึมพำ และเดินออกมาจากโรงแรมหรู ชุดราตรีสั้นแบบเกาะอกสีทองแวววาวทำให้รู้สึกเหน็บหนาวกับอากาศในยามค่ำคืนไม่น้อย
แกมแพรยืนรอรถแท็กซี่อยู่นานเกือบสิบนาที แต่ก็ไร้วี่แววแท็กซี่วิ่งผ่าน ดังนั้นหล่อนจึงเลือกที่จะเดินไปหยุดริมถนนซึ่งห่างจากโรงแรมหรูเพียงร้อยกว่าเมตรเท่านั้น
“ทำไมวันนี้แท็กซี่หายากจังเนี่ย”
ขณะที่หล่อนกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเดียวกับชุด ก็มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบตรงหน้า
ก่อนที่หล่อนจะทันเงยหน้าขึ้นมอง กระจกรถก็ถูกลดลงเสียก่อน พร้อมกับเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ตะโกนข้ามมาจากฝั่งคนขับ
“ค้างคืนเท่าไหร่น้องสาว”
เมื่อได้ยินคำถามร้ายกาจ แกมแพรก็จ้องเขม็งไปที่เจ้าของคำพูด
“อย่ามาพูดจาหมาๆ แบบนี้นะ ฉันไม่ได้ขายตัวย่ะ!”
“แหม นึกว่าพี่จำน้องไม่ได้หรือไง เมื่อเดือนก่อนยังเห็นเต้นยั่วอยู่ในบาร์อยู่เลย”
ใช่.. หล่อนเคยทำงานในบาร์ ก่อนที่จะจับพลัดจับผลูมาเป็นแฟนปลอมๆ ของอินทัช
“ถึงฉันจะเคยเต้นอยู่ในบาร์ แต่ฉันก็ไม่เคยขายตัว เอาปากเน่าๆ ของคุณไปให้ไกลจากส้นรองเท้าของฉันซะ ไปเลย!”
แทนที่ผู้ชายคนนั้นจะขับรถไป แต่เขากลับเปิดประตูรถออกมา และเดินตรงปรี่เข้ามาหาเรื่องหล่อน แกมแพรรีบก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงมาถือเอาไว้ และเงื้อขึ้น
“ก็ลองเข้ามาทำร้ายฉันดูสิ ฉันจะฟาดให้หัวเป็นรูเชียว ลองดู มาสิ!”
“อีกะหรี่ อย่ามาทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลย”
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไสหัวไปเลยนะ!”
เมื่อไอ้คนเมาไม่ยอมที่จะถอยไป และตรงเข้ามาจะทำร้าย หล่อนจึงฟาดรองเท้าส้นสูงใส่หน้าของมันจนเป็นรู เลือดสดๆ ไหลออกมา
“โอ้ยยย ช่วยด้วยครับ อีกะหรี่นี่มันทำร้ายผม”
“หัวเจาะ แล้วปากยังดีอีกนะไอ้สารเลว!”
แกมแพรยกเท้าขึ้นถีบมันเต็มแรงจนกระโปรงสั้นฉีกขาด แต่หล่อนไม่สนใจ ร่างของมันล้มหงายหลังลงไปนอนกับพื้น
ผู้คนที่ผ่านไปมารีบเข้ามาห้ามทัพ และแยกหล่อนออกจากไอ้ผู้ชายปากสุนัข
“ช่วยผมด้วยครับ อีกะหรี่มันจะเรียกเงินผมเพิ่ม พอผมไม่ให้มันก็ตีผมใหญ่เลย”
“ไอ้ชั่ว ใครเป็นกะหรี่ ใครเรียกเงินมึง อย่ามาโกหก ตอแหล หน้าตัวเมียนะมึงน่ะ” แกมแพรตวาดกลับอย่างไม่ลดละ
“ก็น้องนั่นแหละ ก่อนเอากันบอกสองพัน พอเอาเสร็จมาเรียกห้าพัน พอพี่ไม่ให้ก็มาทำร้ายพี่แบบนี้ ทำไมใจร้ายนัก”
มันตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ จนคนอื่นเริ่มมองหล่อนด้วยความไม่ไว้ใจ
แกมแพรทนไม่ไหวตรงปรี่เข้าไปเตะไอ้ผู้ชายเฮงซวยซ้ำอีกสองรอบ โดยที่คนห้ามไม่ทัน และกำลังจะซ้ำอีกให้หายแค้น คราวนี้กลับมีท่อนแขนกำยำของใครบางคนมารวบรัดรอบเอวเอาไว้ และแยกหล่อนออกมา
“นี่ปล่อยนะ ปล่อยสิ!”
หล่อนดิ้นรนสุดฤทธิ์ และเมื่ออ้อมแขนคลายออก หล่อนก็หมุนตัวกลับหลัง ตั้งใจจะซัดให้เละ แต่พอสายตารับภาพเจ้าของอ้อมแขนเต็มๆ ตา ทุกส่วนของกายสาวก็ชะงักงันไปราวกับถูกสาป
เสมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ เพียงแค่ได้สบประสานสายตากับดวงตาคมเข้มสีดำสนิทเท่านั้น
หัวใจก็เต้นแรง...
เต้นแรงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...
นี่หล่อน...
หล่อนกำลังเป็นอะไรไปนะ ทำไม... ทำไมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แบบนี้ล่ะ
หล่อนถามตัวเอง และไม่มีคำตอบใดให้กับตัวเองเลย
รู้เพียงแต่ว่า ผู้ชายตรงหน้าคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้หล่อนรู้สึกประหลาดแบบนี้
แววตาดำสนิทไร้ความรู้สึกกวาดมองร่างกายของหล่อน ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อสูทสีดำ และนำมาพันรอบเอวของหล่อน
แกมแพรทำได้แค่ยืนนิ่งงัน และก็ฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นกายหอมละมุนของผู้ชายรูปงามตรงหน้าเข้าไปเต็มปอด
เขาถอยห่างออกไปเล็กน้อย สีหน้ายังคงเย็นชา แววตายังคงมืดดำ ขณะที่ริมฝีปากหยักสวยขยับขึ้นลงเปล่งคำพูดออกมา
“ผู้ชายคนนั้นยังค้างจ่ายคุณ 3000 ใช่ไหม”
“...”
นี่เขาเชื่อในคำโกหกของไอ้สารเลวนั้นด้วยเหรอ...
หล่อนยังไม่ทันได้ตอบ หรือแก้ตัวอะไรออกไป บุรุษรูปงามตรงหน้าก็หยิบธนบัตรสีเทาสามใบออกมา และยัดใส่มือของหล่อนดื้อๆ
“กลับได้แล้วใช่ไหมครับ เพราะค่าตัวของคุณครบตามที่ต้องการแล้ว”
“มัน... ไม่ใช่...”
“กลับไปก่อนที่ตำรวจจะมา”
คำเตือนของเขาดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงหวอจากรถตำรวจ
ไม่มีเวลาอธิบายอะไรแล้ว
แกมแพรทำได้แค่มองเขาอีกครั้ง และก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่วิ่งมาจอดพอดิบพอดีราวกับนัดหมายเอาไว้
อติพัฒน์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นโสเภณีอีก เขาเดินเข้ามาหาคู่กรณีของหล่อน และช่วยเจรจาจนอีกฝ่ายยินยอมที่จะไม่แจ้งความ จากนั้นเขาก็ขึ้นรถและขับจากไปอย่างไร้ร่องรอย...