งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูหราที่สุดในเมืองหลวง สมกับฐานะของเจ้าของงาน หล่อนกับอินทัชมาถึงงานก่อนที่งานจะเริ่มสิบกว่านาที
เจ้าของงานออกมาทักทายพูดคุยกับอินทัชและหล่อนอย่างเป็นกันเอง โดยที่หล่อนต้องฝืนยิ้มเอาไว้ทั้งๆ ที่ภายในใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ในสายตาของผู้คนรอบกาย มองว่าหล่อนกับอินทัชเหมาะสมกันมาก และเป็นคู่สามีภรรยาแห่งปี แต่ใครจะรู้เล่าว่า อินทัชเป็นแค่สามีในนามเท่านั้น แถมเขาก็ยังต้องการหย่าขาดจากหล่อนให้เร็วที่สุดด้วย
หน้าชื่นอกตรม คำนี้เหมาะสมกับหล่อนเหลือเกิน
“ผมล่ะอิจฉาคุณอินทัชเหลือเกินครับ ที่มีภรรยาสวยขนาดนี้”
คำชื่นชมจากคู่สนทนา และสายตาที่มองมาด้วยความพึงพอใจนั้น ทำให้มิรินดาต้องยิ้มตอบ และกล่าวขอบคุณตามมารยาท
“ขอบคุณมากค่ะ”
แต่สำหรับอินทัชแล้ว เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำชื่นชมนั้นเลย เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆ
หัวใจของหล่อนยิ่งแหลกเหลวมากขึ้น จนทนยืนเคียงข้างสามีไร้หัวใจอย่างอินทัชต่อไปไม่ได้
“เอ่อ... มิรินขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“เดินตรงไป แล้วเลี้ยวขวานะครับ อยู่ด้านในสุดเลยครับ” เจ้าของงานเอ่ยบอกทาง
“ขอบคุณค่ะ”
มิรินดากล่าวขอบคุณ และช้อนตามองบุรุษรูปงามที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยสายตาคาดหวัง หวังว่าเขาจะพูดอะไรสักคำ แต่เขากลับทำนิ่งเฉย ทำเหมือนกับว่าหล่อนเป็นเพียงอากาศเท่านั้น
หล่อนฝืนยิ้มปลอบใจตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินจากไป
อินทัชเป่าลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองตามเรือนร่างบอบบางของมิรินดาไปด้วยสายตาซ่อนความรู้สึกเอาไว้อย่างมิดชิด
“งั้นพวกเราไปด้านในคุยเรื่องธุรกิจกันเถอะครับ”
เมื่อเจ้าของงานเอ่ยขึ้น อินทัชจึงต้องเลื่อนสายตากลับมามอง และเอ่ยตอบ
“ครับ”
“เชิญทางนี้ครับ”
อินทัชพาเรือนร่างสูงสง่าของตัวเองเดินลึกเข้าไปด้านในพร้อมกับคู่สนทนา แม้ว่าลึกๆ แล้วในใจจะอดกังวลเกี่ยวกับมิรินดาไม่ได้ก็ตาม
หลังออกมาจากห้องน้ำ มิรินดาก็เดินกลับเข้าไปภายในงาน แต่แล้วเท้าเล็กก็ชะงักงัน เมื่อสายตามองเห็นว่าสามีของตัวเองกำลังคุยอยู่กับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งด้วยความสนิทสนม
ใจหนึ่งที่หึงหวงอยากจะเดินเข้าไปหาและอาละวาดแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอินทัช แต่อีกใจหนึ่งที่มีเหตุผลกว่าก็ร้องเตือนว่าทำแบบนั้นไม่ได้
หล่อนไม่มีสิทธิ์อะไรเลยในตัวของอินทัช...
น้ำตาเจียนจะไหลออกมาประจานความอ่อนแอ จนต้องรีบกะพริบตาไล่มันให้ไหลกลับเข้าไปด้านใน
ร้องไห้ได้เฉพาะในใจเท่านั้น...
ขณะที่มิรินดาตัดสินใจว่าจะเดินปลีกตัวออกไป แต่อินทัชก็หันมาเห็นเสียก่อน เขาเรียกหล่อนให้เข้าไปหา
หัวใจของหล่อนคล้ายกับถูกจับแช่แข็งเอาไว้ในช่องฟรีซเย็นเยือก แต่ก็จำต้องกัดฟันเดินเข้าไปหาพวกเขา
อินทัชสามีสุดหล่อ...
กับ...
ผู้หญิงหน้าตาสะสวยเหมือนนางฟ้าที่ยืนส่งยิ้มมาให้คนนั้น...
“เอ่อ...”
หล่อนอึกอักเพราะไม่รู้จะพูดคำใดออกไปดี จนหญิงสาวแสนสวยเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมาเสียเอง
“สวัสดีค่ะคุณมิรินดา แก้ม... เป็น...”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย และปรายตามองอินทัชชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ
“แก้มเป็นแฟนของคุณหนึ่งค่ะ”
สิ่งที่ได้ยินจากปากของผู้หญิงตรงหน้า ทำเอามิรินดาถึงกับช็อกค้าง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนเกือบทรุด โชคดีที่มีมืออบอุ่นของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมาประคองเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่ามิริน”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา มองด้วยแววตาตัดพ้อ
นี่เขายังมีหน้ามาถามหล่อนแบบนี้อีกเหรอว่าเป็นอะไร
คนใจร้าย!
“ปะ เปล่าค่ะ”
แวบหนึ่งหล่อนเห็นความอ่อนโยนในดวงตาของอินทัช แต่ไม่นานมันก็จางหายไปในความมืดมิดคล้ายกับหล่อนตาฝาดไปเอง
อินทัชเห็นหล่อนยืนด้วยขาตัวเองได้แล้วก็ปล่อยมือจากตัวของหล่อน และก็พูดในสิ่งที่โหดร้ายออกมาอีก
“นี่ แกมแพร เป็นผู้หญิงที่พี่คบหาอยู่”
ตอนนี้หัวใจของหล่อนแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว
หล่อนช้อนตามองผู้เป็นสามี และผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของตัวเองด้วยสายตาเจ็บปวด
“เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะ พี่หนึ่งถึงบอกว่าไม่มีวันรักมิริน...”
เขาไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่ศีรษะทระนงของเขาขยับขึ้นลงเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่หล่อนคิดคือความจริง
น้ำตาที่พยายามซ่อนเอาไว้ไหลรินออกมาเปื้อนแก้ม จนต้องรีบเช็ด
“มิริน... ขอตัวก่อนนะคะ”
หล่อนไม่อาจจะยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว หญิงสาวฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้กับคนทั้งคู่ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซจากไปอย่างน่าสงสาร
เท้าของอินทัชคล้ายจะขยับตามไป แต่แล้วก็หยุดนิ่ง กรามแกร่งขบกันแน่นคล้ายกับกำลังเจ็บปวด
แกมแพรถอนใจออกมา ก่อนจะพูดกับอินทัชผู้เป็นนายจ้าง
“คุณหนึ่ง... ทำแบบนี้ทำไมคะ แก้มไม่เข้าใจเลยค่ะ”
อินทัชปรายตามองแกมแพร หญิงสาวยากจนที่เขาเจอหล่อนเข้าโดยบังเอิญ
“อย่าถามในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการบอก หน้าที่ของเธอก็คือ ทำหน้าที่ตามคำสั่งของฉันให้สำเร็จเท่านั้นก็พอ”
แกมแพรจำต้องผงกศีรษะขึ้นลงตามคำสั่งของผู้เป็นนายจ้าง
ก็จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อหล่อนต้องการเงินไปรักษาคุณยายนี่นา
“แล้วแก้มกลับได้หรือยังคะ”
“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ก่อนจะหยิบธนบัตรสีเทาส่งให้กับแกมแพสามใบ”
“ค่าแท็กซี่”
“แค่ใบเดียวก็พอแล้วค่ะ” แกมแพรบอก แต่ชายหนุ่มค้าน
“รับไปทั้งหมดนั่นแหละ”
หญิงสาวถอนใจออกมาเบาๆ อย่างไม่มีทางเลือก พร้อมกับยื่นมือไปรับเงินจากผู้เป็นนายจ้าง
“ขอบคุณค่ะ”