บทที่ 6
เมื่อไปถึงเรือนพัก หมอประจำจวนถูกเรียกตัวมาแต่เมิ่งเมียวชิงสังเกตได้ทันทีว่าการดูแลของหมอนั้นไม่ได้เอาใจใส่มากนัก หมอที่มาก็ดูแลนางไปตามมีตามเกิดเหมือนแค่ทำตามหน้าที่ ฮูหยินเอกที่ยืนดูอยู่ก็ไม่ปริปากสั่งให้ใครทำอะไรเพิ่มเติมราวกับไม่ต้องการให้หญิงสาวในร่างนี้หายดีแต่เมิ่งเมียวชิงไม่สนใจ
นางมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรและยังมีพลังปราณที่ใช้รักษาได้ดีกว่ายาและการรักษาชุ่ย ๆ ที่หมอคนนี้กำลังทำอยู่ซะอีก
“ต้มยานี้ให้กินทุกวัน” กลิ่นของยาที่ได้รับทำให้เมิ่งเมียวชิงเบ้หน้า ชัดว่ามียาพิษผสมแต่สาวใช้ที่ไม่รู้ความของนางก็รับเอาไปอย่างดี
“นอนพักซะแล้วก็อย่าออกไปเพ่นพ่านให้เกิดเรื่องอะไรอีกล่ะ” เสียงของฮูหยินเอกเอ่ยสำทับราวกับเรื่องที่เกิดนี้เป็นเพราะตัวของเลี่ยงหรงเอง
เมิ่งเมียวชิงที่เชี่ยวชาญวิทยายุทธรู้ดีว่าอาการบาดเจ็บของหลี่เลี่ยงหรงนั้น หากมีปราณของนางก็ไม่สาหัสถึงขั้นเป็นอันตราย แต่สิ่งที่สงสัยมากคือทำไมทุกคนในจวนดูไม่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของหลี่เลี่ยงหรง และฮูหยินเอกเองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่านางไม่ต้องการให้หลี่เลี่ยงหรงหายดีเร็วนัก แม้แต่ในความทรงจำก่อนหน้านี้ก็ไม่รุนแรงถึงเพียงนี้หรือไม่คิดที่จะแสดงอีกต่อไปแล้ว
เมิ่งเมียวชิงจำต้องนอนนิ่งบนเตียง แสร้งทำเป็นอ่อนแอเหมือนหญิงสาวที่บาดเจ็บจริง ๆ ขณะที่ในใจนั้นคิดหาทางออกและวางแผนที่จะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์เพราะยิ่งไม่มีใครมายุ่งกับนาง นางก็ยิ่งขยับตัวทำอะไรได้ง่ายขึ้น
ในยามที่ไม่มีใครมาดูแล หญิงสาวใช้ปราณรักษาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายที่เรียกได้ว่าสาหัสดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ปราณภายในร่างค่อย ๆ ไหลเวียนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ความเจ็บปวดจากบาดแผลก็เริ่มจางลงทีละน้อย พร้อมกับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นทุกวันแม้ร่างกายนี้จะอ่อนแอก็ตาม
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัดเมิ่งเมียวชิงฉวยโอกาสแอบออกจากเรือนพัก นางใช้กำลังภายในเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปราดเปรียวราวกับเงา ไร้ซึ่งเสียงฝีเท้าเพื่อหลบหลีกสายตาของยามและคนในจวนออกไปค้นหาสมุนไพรในป่าหลังจวน
ใช้เวลาไม่นานนักก็เก็บสมุนไพรที่ต้องการได้เพียงพอที่จะนำมารักษาตัวเอง สมุนไพรเหล่านี้มีฤทธิ์ช่วยเสริมปราณและสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว
ในเวลากลางวัน เมื่อสาวใช้ของฮูหยินเอกนำยาต้มมาให้ เมิ่งเมียวชิงก็รับไว้แต่ไม่ได้ดื่ม เพราะสังเกตเห็นกลิ่นและสีของยาที่แปลกเกินกว่าจะเป็นยาที่ดี และแทนที่จะดื่มหญิงสาวแอบเทยาทิ้งลงที่โคนต้นไม้ตรงหน้าต่างใกล้เรือนนอนของตน
และก็เป็นอย่างที่คิดผ่านไปไม่กี่วัน ต้นไม้ที่เคยเขียวขจีค่อย ๆ เหี่ยวเฉาและตายลงอย่างรวดเร็ว เมิ่งเมียวชิงรู้ทันทีว่ายาที่ถูกต้มมานั้นมีพิษแฝงอยู่ เป็นไปได้ว่าฮูหยินเอกตั้งใจจะใช้วิธีนี้เพื่อกำจัดนางอย่างเงียบ ๆ
ในขณะที่อาการของหลี่เลี่ยงหรงดีขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เหล่าสาวใช้เริ่มแปลกใจแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ราชโองการฉบับใหม่จากวังหลวงก็ถูกส่งมาถึงจวนราชครู แม้จะเป็นราชโองการแต่ก็เป็นเรื่องลับ ๆ ที่รู้เห็นกันไม่กี่คนเพื่อแก้ปัญหาข่าวลือที่จะตามมาหลังจากนี้
ระหว่างที่ราชครูต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อจัดการปัญหาระหว่างกัน เมิ่งเมียวชิงกลับสงสัยว่าน้องสาวของหลี่เลี่ยงหรงนั้นหายไปไหน ทั้ง ๆ ที่นางคิดว่าหลี่หลันฮวาจะรีบกลับมาทำตามแผนต่อ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที
คืนหนึ่งในขณะที่เมิ่งเมียวชิงแอบออกไปหาสมุนไพรเพิ่มเติม เมื่อผ่านเรือนของฮูหยินเอกนางก็ได้ยินเสียงสนทนาแว่วมาตามความมืดเงียบสงัด แม้ว่าจะแผ่วเบาแต่กับคนที่มีวิทยายุทธกลับฟังได้อย่างง่ายดาย นางหยุดฟังอยู่หลังม่านต้นไม้ ซ่อนตัวในเงามืด
"บอกฮวาเอ๋อร์ว่าอย่าเพิ่งกลับ...ข้ากลัวว่าหากนางกลับมา เจ้าเด็กมารนั่นเห็นหน้าบุตรีข้าแล้วจะเกิดจำความได้ขึ้นมา" ฮูหยินเอกพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดและอาฆาตแค้น
“แล้วเรื่องราชโองการที่จะสลับตัวต้องบอกคุณหนูด้วยไหมเจ้าคะ”
ท่านหญิงหนานจ้าวส่ายหน้า “ถึงไม่บอกองค์ชายสามก็คงจะบอกกับนางอยู่แล้วช่างเถอะย้ำแค่เรื่องเดียวพอปัญหาของข้าตอนนี้เยอะเกินไปแล้ว”
เมิ่งเมียวชิงที่ซ่อนตัวอยู่ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นในทันที คำพูดของฮูหยินเอกทำให้ทุกอย่างชัดเจน ชีวิตของหลี่เลี่ยงหรงช่างน่าสงสารนัก แต่ไม่รีบก็ดีต่อให้เป็นชายาขององค์ชายสามแล้วจะอย่างไร นางบอกจะแก้แค้นแทนนางก็จะทำ และคนที่ช่วยเหลือ นางก็จะดีกับเขาที่สุด เมิ่งเมียวชิงอดคิดถึงเจ้าของป้ายหยกที่เคยช่วยตนเอาไว้ไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะช่วยเพราะอะไรก็ตาม แต่ช่วยแล้วก็ต้องสำนึกบุญคุณ ส่วนเรื่องความแค้นทั้งของตัวนางและของหลี่เลี่ยงหรงนางจะคืนสนองให้ไม่ขาดแม้แต่นิดเดียว
เมิ่งเมียวชิงกลับไปที่เรือนของตน คืนนี้นางคงไม่ต้องการสมุนไพรแล้ว ปล่อยให้อาการยังไม่หายสนิทก็คงดีเหมือนกันคนเหล่านั้นจะได้ไม่สงสัยไปมากกว่านี้