บทที่ 5
เมิ่งเมียวชิงหันหน้าเข้าหาจวนราชครูหลี่ ตอนนี้นางอยู่ในร่างของหลี่เลี่ยงหรงจึงไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือหวาดกลัวสิ่งใดเหมือนที่หญิงสาวเจ้าของร่างอาจจะเป็น
และแม้ร่างนี้จะบอบช้ำจากบาดแผล แต่จิตใจของเมิ่งเมียวชิงยังคงหนักแน่นมั่นคง ความเจ็บปวดทางกายนั้นหญิงสาวทนได้สบาย ๆ อยู่แล้วเพราะเคยผ่านการฝึกยุทธอย่างหนักมาก่อน
แต่สิ่งที่กังวลคือจะต้องทำอย่างไรให้ใครต่อใครไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงหรือสงสัย นางไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ว่าวิญญาณที่แท้จริงในร่างนี้ไม่ใช่หลี่เลี่ยงหรงอีกต่อไปอย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงวันสมรสอย่างที่คนในรถม้าว่า
สถานการณ์ในตอนนี้บังคับให้นางต้องเปลี่ยนแผนจากที่คิดจะหนีและซ่อนตัวให้หายดีก่อนจะกลับมาแก้แค้น เป็นการเปิดเผยและอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ถึงเวลา แม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุใดชายหนุ่มในรถม้าถึงต้องการให้หลี่เลี่ยงหรงอยู่รอดจนถึงวันสมรส แต่จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็คงหมายจะช่วยนางแต่ก็อาจจะคิดใช้เป็นเครื่องมือด้วย
ไม่ว่าจะทางไหนเมิ่งเมียวชิงก็คิดว่าคุ้มที่จะเสี่ยง เพราะตอนนี้สิ่งที่นางต้องการเพิ่มขึ้นมาอีกคือตำแหน่งและอำนาจที่อีกฝ่ายน่าจะให้กับนางได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่าง หากหลี่หลันฮวากลับมาถึงเรื่องราวต่าง ๆ คงไม่ง่ายแน่ ๆ
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวยืนอยู่หน้าจวนพักใหญ่คล้ายจะกำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาเลยโยนป้ายประจำตัวไปให้นาง
“แม่นางหลี่เลี่ยงหรง” ทันทีที่เมิ่งเมียวชิงหันไป ป้ายหยกชั้นดีก็เกือบจะถึงหน้านางอยู่แล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นรับอย่างรวดเร็วปฏิกิริยานั้นรวดเร็วจนน่าแปลกใจ แต่เมิ่งเมียวชิงแก้ไขท่าทางได้ทันที นางทำเป็นตกใจเล็กน้อยราวกับหญิงสาวที่บอบบาง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เจือความสงสัย แต่ไม่แสดงออกมากเกินไป
“ป้ายนี้อาจช่วยเจ้าได้...ในยามจำเป็น” หานเย่เอ่ยพลางมองด้วยสายตาที่สื่อความหมาย
เมื่อเมิ่งเมียวชิงก้มลงดูป้าย รถม้าก็ขยับไปแล้ว อีกฝ่ายเป็นองค์ชายหานเย่อย่างที่นางคิดจริง ๆ หญิงสาวนึกเมื่ออ่านชื่อที่ปรากฏบนหยกเนื้อดี เมิ่งเมียวชิงเก็บป้ายไว้ในอกโดยไม่พูดอะไรเพิ่ม แน่นอนว่าป้ายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์นี้ของนาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางต้องเล่นบทเป็นหลี่เลี่ยงหรงให้สมจริงที่สุด การปลอมตัวเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญวิทยายุทธอย่างเมิ่งเมียวชิง แต่ความชำนาญของนางทำให้นางซ่อนทุกอย่างไว้ได้ดีเยี่ยม
แค่ละครบังหน้าฉากหนึ่ง
ขณะที่นางก้าวเข้าสู่จวนราชครู ในใจของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยการวางแผน การอยู่ในร่างนี้เป็นความท้าทายที่นางยินดีรับแม้มันจะเกิดขึ้นเพราะการรับปากส่ง ๆ ที่ไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ไม่คิดว่าจุดมุ่งหมายปลายทางนางจะได้รับประโยชน์ตอบแทน คุ้มแก่การช่วยเหลือเสียจริง ร่างบางยกยิ้มเพียงครู่ก่อนจะปั้นสีหน้าอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง แม้แต่การหายใจยังรู้สึกหนักหนาเกินไปสำหรับนาง ดวงตาของร่างหลี่เลี่ยงหรงหม่นหมอง
เท้าเล็ก ๆ ของนางค่อย ๆ ลากขาเดินอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกว่าทุกก้าวที่ย่างไปเป็นดั่งการลากชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
เมื่อเมิ่งเมียวชิงในร่างของหลี่เลี่ยงหรงเดินเข้าจวน เสียงหวีดร้องของสาวใช้ที่เห็นสภาพบอบช้ำของนางก็ดังก้องไปทั่ว คนในจวนต่างพากันแตกตื่นรีบวิ่งเข้ามาดู เมิ่งเมียวชิงรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่ตน ทั้งสงสัย ตกใจ และหวาดกลัวรวมถึงบางคนยังมีท่าทางเย้ยหยันแปลก ๆ หญิงสาวพยายามฝืนทำท่าทางอ่อนแอให้เหมือนในความทรงจำของหลี่เลี่ยงหรงเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์
สาวใช้คนหนึ่งรีบประคองคุณหนูของตนเอาไว้และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณหนู เป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมสภาพถึงเป็นอย่างนี้”
เมิ่งเมียวชิงทำหน้าตื่นตระหนกตามบทที่ต้องเล่น นางพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่รู้...ข้าจำอะไรไม่ได้เลย...รู้สึกตัวอีกทีก็กำลังโดนถูกทำร้าย แต่โชคดีที่องค์ชายหานเย่ช่วยข้าไว้ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่รอดแล้ว” คำพูดราวบทงิ้วหลุดออกจากปากนาง
เสียงอุทานดังขึ้นรอบข้างทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อขององค์ชายหานเย่ แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ฮูหยินเอกมารดาของหลี่หลันฮวาผู้ที่รู้แผนการทุกอย่างของลูกสาวตัวเองกลับนิ่งไป ใบหน้าของนางซีดเผือดเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตมาถึงจวนได้
ความกลัวในสายตาของหญิงมีอายุปิดไม่มิด ขณะที่คนอื่น ๆ รีบเข้ามาถามไถ่อาการอย่างร้อนรน ฮูหยินเอกกลับมองลูกเลี้ยงของตนอย่างระแวง
ในตอนนั้นราชครูหลี่ที่เพิ่งกลับมาถึงก็รีบเข้าไปดูบุตรสาว เขางุนงงกับสภาพของเลี่ยงหรงและสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้าจึงกล่าวด้วยเสียงไม่แน่ใจ
"หรงเออร์เจ้าคิดไปเองหรือเปล่า องค์ชายหานเย่จะมาช่วยได้อย่างไรมิใช่ตอนนี้พระองค์อยู่ที่แคว้นไป่หลง” ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์ชายหานเย่นั้นมิได้พำนักอยู่ในเมืองหลวงนี้ เพราะฮ่องเต้สั่งให้ไปคุมกองทัพที่แคว้นหน้าด่าน
เมิ่งเมียวชิงหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะยกป้ายประจำตัวที่หานเย่ทิ้งไว้ขึ้นมาแสดงให้ทุกคนดู เมื่อได้เห็นป้ายหยกเนื้อดีเหล่าสาวใช้ก็นิ่งรวมถึงฮูหยินเอกของราชครู ท่านหญิงหนานจ้าวด้วย
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปพักเถอะ ฮูหยินตามหมอมาดูแลหรงเออร์ที” ราชครูหลี่ไม่อยากซักไซ้บุตรีไปมากกว่านี้เพราะสภาพที่เห็นก็คงบอกได้แล้วว่าเจอมาหนักหนาเพียงใด แต่ที่แปลกใจคือบุตรสาวอีกคนมากกว่า
“แล้วหลันฮวาล่ะไม่ได้กลับมากับเจ้าด้วยเหรอ” ฮูหยินเอกรีบเดินไปหาสามีตน
“นางส่งข่าวมาว่าหลงกับพี่สาวจะค้างที่โรงเตี๊ยมก่อนเดินทางกลับเจ้าค่ะ”
เมิ่งเมียวชิงอยากหัวเราะให้กับคำโบ้โป้ปดของอีกฝ่าย แต่ก็ยังต้องเล่นบทเป็นหลี่เลี่ยงหรงผู้อ่อนโยนและหัวอ่อน