1
วิวาห์พาฝัน
‘หมาคาบไปแดกของจริง’ เฌอลิณณ์ล้วงหยิบการ์ดงานแต่งในกระเป๋า ออกมาอ่านดูชื่อเจ้าบ่าวอีกรอบ กลทีป์ เปรมอนันตกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ บริษัทเปรมอนันต์จำกัด(มหาชน) ลูกชายคนโตของ นายอชิระ เปรมอนันตกุล ประธานกรรมการบริษัท
กลทีป์เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นเขาทำงานอยู่ในบริษัทลูกที่ต่างประเทศ เขาค่อนข้างเก็บตัวทำงานอยู่บนยี่สิบชั้นห้า ขณะที่ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เฌอลิณณ์ทำงานอยู่ชั้นสิบสอง โอกาสเจอกันนั้นแทบเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ แต่ใครจะคิดล่ะว่า เธอกลับได้เจอกับกลทีป์ที่ร้านกาแฟใต้ตึกเป็นประจำ และแอบมองเขาอยู่ทุกวันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรักด้วยซ้ำ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“น้องคะขอพี่แก้วหนึ่ง”
พนักงานเสิร์ฟหยุดอยู่กับที่ เพื่อให้หญิงสาวได้หยิบแก้วไวน์จากถาดในมือของตนเอง
เฌอลิณณ์กระดกทีเดียวหมดแก้ว ก่อนจะคว้ามาอีกแก้วเดินออกจากห้องโถงจัดงานไป ใครมันจะไปทนมองคนที่ตัวเองแอบรักแต่งงานกับผู้หญิงอื่นได้ล่ะ เจ็บนี้ใครมันจะมาเข้าใจหัวอกของเธอ หญิงสาวปลีกตัวออกจากงานมานั่งอยู่ด้านนอก เห็นพนักงานเสิร์ฟเดินผ่านเธอก็กวักมือเรียก
แก้วแล้วแก้วเล่าจนเมาได้ที่ สมองสั่งการให้กลับขึ้นไปนอนบนห้องของโรงแรมได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้หลับคาโต๊ะด้านนอกห้องโถงแต่งงานเป็นแน่ อึดใจหนึ่งมีเสียงคนกรูออกมาจากงาน ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย รีบสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนเมา แต่ไม่เป็นผลเอาเสียเลย พยุงร่างที่กำลังโซเซได้ที่เดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสิบเก้า ภายในลิฟต์เธอพิงศีรษะตรงผนังกระจก มือยึดราวจับเอาไว้แน่น ๆ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
เฌอลิณณ์ได้รับมอบหมาย ให้มางานแต่งของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง งานจัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาวสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ คนเป็นพ่อแม่ไม่อยากให้ลูกสาวต้องขับรถกลับบ้านดึกดื่น จึงฝากให้ญาติหาห้องพักในโรงแรมที่จัดงานแต่ง ให้เลือกโซนเดียวกันกับญาติคนอื่น เพื่อให้เฌอลิณณ์ได้พักค้างคืนที่นั่น
“แม่คะลิณณ์ขับรถกลับเองได้ค่ะ ไม่ต้องไปรบกวนคุณอาเขาหรอก เขาต้องเตรียมงานแต่งยุ่ง ๆ กันอยู่” หญิงสาวไม่เห็นด้วยกับการค้างคืนในโรงแรมที่จัดงานแต่ง
“ไม่เป็นไรหรอกลิณณ์ คุณอาวรภาเขาบอกว่าแล้ว ว่ายังไงต้องจัดห้องพักให้ญาติที่มาจากต่างจังหวัด เพิ่มมาอีกห้องได้แบบสบาย ๆ” นางปานใจโน้มน้าวลูกสาวคนเดียวให้ค้างกับญาติ ๆ ที่โรงแรม จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเดินทางตอนกลางคืนคนเดียว
“ลิณณ์ยี่สิบแปดแล้วนะคะไม่ใช่สิบห้า” หญิงสาวทำหน้างอเง้าใส่ทั้งคู่ โรงแรมก็อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ได้เปลี่ยวอะไรเลย ทำไมต้องห่วงกันขนาดนี้ด้วย
“เอาน่าลิณณ์ พ่อกับแม่เองก็ติดงานศพผู้ใหญ่ที่เคารพเสียด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้ไปงานแต่งพร้อมลิณณ์แล้ว พักที่โรงแรมนั่นแหละนะ ไม่ต้องขับรถกลับบ้านมาดึก ๆ ดื่น ๆ หรอก” นายสุเมธให้เหตุผลลูกสาวพร้อมแสดงความเป็นห่วง
“ทำเหมือนลิณณ์ไม่เคยกลับบ้านดึกดื่นเลยนะคะ”
“ลิณณ์ถ้าลูกดื่มเหล้าไปสักแก้ว ก็น่าเป็นห่วงหมดนั่นแหละ” คนเป็นพ่อยิ้มอ่อนแบบคนเหนื่อยหน่ายใจเช่นนี้ มีหรือเฌอลิณณ์จะกล้าขัด เธอคออ่อนจริงนั่นแหละ
“ก็ได้ค่ะค้างก็ค้าง”
งานแต่งของนภาวดีซึ่งเป็นลูกสาว ของลูกพี่ลูกน้องของบิดาเธออีกที เป็นญาติที่ไม่ได้สนิทกันมากนัก จึงให้ลูกสาวอย่างเธอไปแทนได้ หญิงสาวเปิดการ์ดงานแต่งขึ้นมาอ่านดู กลทีป์ & นภาวดี เธออ่านแค่ชื่อไม่ได้ดูตรงนามสกุลตัวเล็ก ๆ ที่เขียนติดไว้ด้านล่าง ถ้าเห็นก่อนหน้าคงไม่เซอร์ไพรส์หนักขนาดนี้
คืนวันงานเฌอลิณณ์อยู่ในชุดชีฟองสีชมพูโรสโกลด์ เป็นเดรสแบบเปิดไหล่ใส่แขนพองทั้งสองข้าง ปล่อยผมสีน้ำตาลลอนหยักใหญ่เต็มกลางหลัง เธอเข้าไปทักทายคุณอาวรภากับสามีคุณอาเด่นภูมิ ที่ซุ้มประตูทางเข้า จากนั้นเข้าไปทักทายญาติผู้ใหญ่ทั้งหมด แม้จำได้ไม่ครบทุกคนก็ตามที เธอจำต้องปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ แทบไม่มีคนรู้จักของเธอเลยจริง ๆ จนกระทั่ง
“อ้าวคุณลิณณ์มางานนี้ด้วยเหรอครับ”
ศิวกรหัวหน้าแผนกฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของเธอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ในงานแต่งแห่งนี้ได้ล่ะ
“ค่ะหัวหน้า ลิณณ์มางานแต่งญาติค่ะ”
“แล้วคุณลิณณ์เป็นญาติฝ่ายไหนเหรอครับ”
“ฝ่ายเจ้าสาวค่ะ” เฌอลิณณ์ไม่ได้ถามเขากลับ คิดว่าเขาคงเป็นญาติฝ่ายเจ้าบ่าว
“หลังจากวันนี้ไปคุณลิณณ์คงได้เป็นญาติกับผอ.ฝ่ายการตลาดแล้ว ยังไงได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมหัวหน้าคนนี้นะครับ” ศิวกรทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เพราะลูกน้องคนสวยของเขาคนนี้ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
“พูดอะไรคะหัวหน้าลิณณ์ไม่เห็นจะเข้าใจ ว่าไปแล้วโต๊ะตรงโน้นหน้าคุ้น ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” เฌอลิณณ์เพิ่งเห็นว่าตรงโต๊ะหน้าเวทีนั้น เหมือนจะเป็นผู้บริหารบริษัทที่เธอทำงานอยู่ทั้งหมด
“ก็ผู้หลักผู้ใหญ่ของบริษัทเราทั้งนั้นแหละครับคุณลิณณ์”
“จริงเหรอคะเนี่ย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ เหมือนมีบางเรื่องที่เธอไม่รู้มาก่อน
“อะไรกันคุณลิณณ์ อย่าบอกนะครับว่าคุณไม่รู้จริง ๆ เจ้าบ่าวคืนนี้คือผู้บริหารของบริษัทตัวเอง” ศิวกรทำตาโตตามลูกน้องไปด้วย
“ก็จริงซิคะ ลิณณ์มางานแทนพ่อกับแม่ค่ะ ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าบ่าวของงานเป็นใคร” พูดแล้วก็ชะเง้อคอมองดูคนโน้นทีคนนี้ที
“คุณไม่ดูนามสกุลของเจ้าบ่าวเลยเหรอคุณลิณณ์” ศิวกรทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ตัวเล็กแบบนั้นใครจะไปสังเกตเห็นล่ะคะ”
ยังไม่ทันที่ศิวกรจะได้พูดต่อ มีบางคนในกลุ่มผู้บริหารยกมือส่งสัญญาณเรียกเขาแล้ว
“งั้นผมขอตัวก่อนนะคุณลิณณ์ ต้องไปนั่งกับผู้บริหารคนอื่น ๆ เขา”
“ตามสบายเลยค่ะหัวหน้า”
เฌอลิณณ์มาไม่ทันตอนคู่บ่าวสาวถ่ายรูป บริเวณหน้าประตูทางเข้างาน เธอมัวแต่ไปทักทายญาติที่อยู่ในห้องโถงรวมก่อน ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ กะพริบ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันแน่น เพราะเจ้าบ่าวที่เดินจูงมือเจ้าสาวขึ้นเวทีอยู่นั้น ช่างคุ้นตาเธอเหลือเกิน คิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าหล่อเหลาปานดาราแถวหน้านั่น ใช่เขาคนนั้นจริง ๆ คุณสุดหล่อ คนที่เธอเฝ้าแอบมองเขามาตลอดหนึ่งปีเต็ม
สถานการณ์ปัจจุบัน
ตึ๊ง ! ประตูลิฟต์เปิดกว้างออก เฌอลิณณ์มุ่งหน้าไปยังห้องหมายเลขเก้า แต่ไขกุญแจเท่าไรก็ไขไม่ออกสักที สมองเริ่มจับภาพตรงหน้าได้แบบเบลอ ๆ
“มานอารายวะเนี่ย สรุปห้องหนายหว่า อุ๊ !”
‘ยัยภาจองไว้ทั้งชั้นเลยพักห้องไหนก็เหมือนกันแหละลูก’
คุณป้าคนหนึ่งพูดกับเธอแบบนี้ แปลว่าห้องไหนก็ได้สินะ คนเมาหันไปทางห้องที่อยู่ถัดไป ยังไม่ได้ไขกุญแจดูเลย แค่ลองหมุนลูกบิดดูบานประตูก็เปิดออกได้แล้ว
เฌอลิณณ์รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ คุกเข่าจับขอบชักโครก โก่งคออาเจียนแบบเอาเป็นเอาตาย อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ถึงได้พยุงตัวลุกขึ้นมา บ้วนปากล้างหน้าล้างตาทว่าไม่สดชื่นขึ้นสักนิดเลย สมองหมุนเคว้งไปหมด ดื่มไม่เก่งซ้ำยังคออ่อนอีกต่างหาก ดันซัดไปเสียหลายแก้ว เธอแทบคลานออกมาจากห้องน้ำเพื่อปีนขึ้นเตียงนอน
‘ดอกไม้อารายวะเกะกะชะมัด’ เตะสิ่งพันแข้งพันขาทิ้งลงข้างเตียงไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าบ่าวสุดหล่อเดินโซซัดโซเซมายังห้องหอของตัวเอง มือหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป อยากนอนหลับพักผ่อนเอาแรงเสียก่อน เหล้าที่กินเข้าไปไม่ช่วยให้เขาหายโกรธได้ ยิ่งไม่บรรเทาความร้อนในอก ที่แทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ นี้ได้
แต่แล้ว...เขาหรี่ตามองแม่สาวขาอ่อน โผล่พ้นกระโปรงเดรสบนเตียงนอนในห้องหอของตนเอง ไม่ใช่เจ้าสาวของเขาสักหน่อย แม่นี่เป็นใคร ความเมาทำให้เขาต้องขยี้ตาแรง ๆ อีกรอบ เขาตาลายจนมองเห็นผู้หญิงบนเตียงนอนหรือยังไงกัน เดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อดูให้ชัดว่าใคร
‘ครายวะหน้าคุ้น ๆ’
“นี่คุณ คุณคร้าบ” เขาแตะแก้มแดง ๆ ของคนบนเตียงเบา ๆ
“อือ อย่ากวนคนจานอน”
“คุณคร้าบนี่มันห้องผมนะ คุณเป็นครายเนี่ย เอิ้ก ! มานอนที่นี่ได้ยังงาย”
แปะ ๆ ตบแก้มไปอีกสองที
“โอ๊ย บอกว่าอย่างาย” คนหลับปัดมือทิ้งอย่างรำคาญ
“ไม่ตื่นผมจาปล้ำแล้วนะ” กลทีป์ถอดสูททิ้งลงข้างเตียง ปีนขึ้นไปคร่อมบนตัวหญิงสาว
เพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็ลืมตาพรึ่บขึ้นมามอง ดวงตากลมโตจ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะคลายรอยยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปาก ยกมือขึ้นทาบหน้าเขาทั้งสองข้าง เอียงซ้ายเอียงขวาคล้ายคนโง่งม
“เอ๋ คุณสุดหล่อนี่เอง”
“ใช่คร้าบผมสุดหล่อเอง คุณนี่ตาถึงจริง ๆ ฮะฮะ” คนพูดตาประกายเยิ้ม มองคนด้านล่างแบบปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด
“ฉันฝานอยู่แน่ ๆ คุณสุดหล่ออยู่ตรงนี้ อืม ฝันแบบนี้มันดีจัง” เฌอลิณณ์คล้องท่อนแขนโอบรอบคอของเขาเอาไว้ นัยน์ตาหวานฉ่ำด้วยความรู้สึกดี ความฝันแบบนี้เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม อีกทั้งลมหายใจยังอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ อิอิ เหมือนเธอไม่มีผิด
“คุณสุดหล่อคุณก็มาวเหรอคะ” เฌอลิณณ์ย่นจมูกทำเสียงอ้อแอ้ถามเขา
“คร้าบผมมาวมาก มาวจนเห็นคุณคนสวยอยู่บนเตียงด้วย” กลทีป์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าหญิงสาว
“คุณคนสวย บ้าน่า อิอิ ก็สวยจริงแหละค่า” แค่เขาบอกว่าเธอสวย เธอคงนอนตายตาหลับได้แล้วล่ะ ฝันอะไรกันทำเธอแก้มแทบแตกได้ด้วย
“งั้นเรามาทามอารายดี ๆ กันไหมคร้าบ”
“เยี่ยม !” เธอลดมือลงมายกนิ้วโป้งให้เขาทั้งสองข้าง จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังใส่กัน ก่อนที่เฌอลิณณ์จะน้ำตาคลอเบ้าเบะปากใส่เขาอย่างน้อยใจ
“เป็นอารายปายคร้าบคุณคนสวย” เขาป้ายคราบน้ำตาออกให้อย่างแปลกใจ ทั้งที่สติพร่ามัวไปหมด
“ฮะ...ฮรึก คุณสุดหล่อแต่งงานแล้วนี่คะ ฉันอุตส่าห์เฝ้ามองแอบจองคุณไว้ตั้งหนึ่งปี หนึ่งปีเลยนะ ฉันน่าจะบอกว่าฉันรักคุณ น่าจะพูดก่อนที่คุณจาแต่งงาน” นิ้วชี้จิ้มลงบนอกเขาแรง ๆ ส่งเสียงสะอื้นไห้เหมือนคนอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก
“ผมม่ายแต่งแล้ว”
“โกหก”
“จริง”
“ฮะฮึก” เฌอลิณณ์ส่ายหน้าไม่ยอมรับ
“คุณรักผมจริงเหรอคร้าบ”
“จริงสิจะโกหกทำมาย ฉันนะแอบมองคุณสุดหล่อที่ร้านกาแฟใต้ตึกทู้กวันเลย” ร้องไห้ไปก็ปวดหัวไปด้วย ความฝันเธอเหมือนจริงเกินไปไหม แม้แต่ตัวเขาก็ยังอุ่น
“แอบมอง หืม ได้ยินแล้วชื่นใจจัง แต่วันนี้ผมปวดใจมาก คุณคนสวยช่วยปลอบจายผมได้ไหม”
“อื้ม” ตอบแบบไม่ต้องคิด
“จูบได้ไหม”