บทที่ 2 สามีกับตั๋วเงิน ข้าเลือกตั๋วเงินเจ้าค่ะ

3237 Words
เสียงหายใจสม่ำเสมอของหวังลี่เจินบอกได้ว่าเด็กสาวนั้นหลับสนิทไปแล้ว ทำให้คนเป็นพี่สาวนั้นได้แต่อมยิ้มกับความมืด วันนี้หวังลี่เจินใช้กำลังหาบเอาถังของเสียมากกว่าหกรอบ เด็กวัยเพียงสิบสี่กินอิ่มย่อมต้องหลับเป็นตายทันที “แล้วเจ้าเล่าเคยคิดว่าจะแต่งงานออกไปบ้างหรือไม่ เช่นไรขออภัยที่ต้องถามเจ้าอายุเท่าใดแล้ว” คนบนเตียงเอ่ยถามเด็กสาวคนพี่ที่นางนั้นคาดว่าอีกฝ่ายคงยังไม่ได้หลับไปเช่นคนเป็นน้องอย่างแน่แท้ เพราะเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายยังหนักแน่นมิได้ผ่อนคลายเช่นแม่นางหวังคนน้อง “เรียนท่านป้าหลิว ข้าอายุสิบแปดเต็มไปเมื่อเดือนก่อนเจ้าค่ะ” สตรีวัยสิบแปดปีของชาวโยวโจวนับว่าถึงเวลาต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว แต่หญิงสาวกำพร้าอาศัยอารามแม่ชีเป็นที่ซุกหัวนอน ทำงานรับจ้างมันเสียทุกอย่างแม้นแต่ลอกหลุมส้วมของคนรวย ยังจะมีคุณชายสกุลใดมาแต่งกับนางกัน ถึงมีก็เป็นเพียงอนุภรรยา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นหวังลี่จูยอมอยู่เป็นโสดเลี้ยงน้องสาวไปจนตายจะยังดีเสียกว่า นางมีสมองกับสองมือและสองเท้า ไยจึงต้องง้องอนให้บุรุษมาดูแล เพราะนางคิดว่าตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตนแล… “แล้วเจ้าไม่คิดแต่งบ้างหรือ” “ไม่เจ้าค่ะ ลี่จูเป็นเพียงสตรีต่ำต้อย หากคิดแต่งงานก็คงเป็นได้เพียงอนุภรรยานางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นข้าขออยู่เป็นโสดไปจนตาย ทำมาหาเลี้ยงลี่เจินตลอดไปเช่นนี้ย่อมดีกว่าเจ้าค่ะ” คำตอบของเด็กสาวมั่นคงยิ่งนัก ช่างน่าสนใจเกินไปแล้วเด็กสาวผู้นี้ นิสัยเช่นนี้ถูกใจถูกชะตาของหลิวไทเฮาอย่างยิ่ง …มิได้เป็นที่หนึ่งก็ไม่ยอมก้มศีรษะให้ผู้ใดเด็ดขาด!!!... ช่างเป็นสะใภ้ในฝันของนางเสียจริง ชาติกำเนิดคนเราเลือกเกิดมิได้ แต่หวังลี่จูคือสะใภ้เล็กที่นางมองหามานาน ใจแกร่ง สู้คน ไม่ย่อท้อ แถมยังสู้ยิบตาหากเจอสถานการณ์เลวร้าย นางใจกว้าง นางเข้มแข็ง สตรีที่จะเคียงข้างชินอ๋องจ้าวจวินหลางต้องเป็นสตรีเช่นหวังลี่จูเท่านั้นจึงจะเหมาะสม ส่วนเจ้าตัวกินเก่งหลับง่ายอายุคงเพียงสิบสามสิบสี่เท่านั้นคงต้องดูกันไปอีกนานว่าตำแหน่งฮองเฮาสมควรเป็นหวังลี่เจินหรือไม่ บุตรชายสองคนนางเลี้ยงดูมากับมือ คนใดนิสัยเป็นเช่นไรย่อมทราบได้ เขาชอบกินสิ่งใด ชอบอาภรณ์สีใด จวบจนไปถึงสตรีบุตรชายของนางทั้งสองชอบแบบใด นางมีหรือจะมิแจ้งแก่ใจ หวังลี่เจินสดใสน่ารักอยู่ใกล้แล้วมีแต่รอยยิ้ม สตรีเช่นนี้เหมาะที่จะดูและบุรุษที่มีงานมาก ทั้งวันทั้งคืนล้วนมีแต่ราชกิจและราชกิจ ส่วนหวังลี่จูเข้มแข็ง อดทน ขยัน คิดการณ์ไกล ที่สำคัญนางไม่ใช่คนยอมคน สตรีเช่นนี้จึงจะสยบบุรุษทระนงเช่นจ้าวจวินหลางได้ราบคาบ บุตรคนเล็กของนางเป็นพวกปากร้ายใจดี ที่สำคัญพ่ายแพ้ก็มารยาสตรีง่ายเกิน หากปล่อยให้เขาเลือกชินหวางเฟยเองย่อมไม่พ้นบุตรีของท่านเจ้ากรมกลาโหมผู้นั้นที่ภายนอกนุ่มนิ่มอ่อนหวานเอาใจเก่ง แต่ภายในนางล้วนมักใหญ่ใฝ่สูงสนใจเพียงพวกพ้องพี่น้องเท่านั้น เรียกว่าในสายตาของคนเป็นมารดา สตรีนางนั้นมันก็นางอรสพิษดี ๆ นี่เอง “แล้วเจ้าไม่ห่วงใยน้องสาวของเจ้าหรือ?” หวังลี่จูนั้นเข้าใจดีว่าหญิงชราบนเตียงหมายความว่าอย่างไร นางอายุนับรวมกับชาติก่อนด้วยบัดนี้ก็ใกล้ยี่สิบ และยี่สิบในยุค 2022 นั้นไม่ใช่ดังคนยุคสมัยนี้ นางคิดได้ไปไกลกว่านั้นจึงเข้าใจที่ท่านป้าหลิวกำลังจะสื่อ “หากมีแล้วไม่ได้ดีก็มิสู้อย่ามีให้เดือดร้อนทั้งกายและใจจะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะท่านป้าหลิว สามีเราไม่มีย่อมอยู่ได้ ทว่าหากขาดเงินทอง และที่อยู่ที่กินนั่นจึงตายแน่นอน ดังนั้นสำหรับข้ากับน้องสาวไม่มีสามีจึงไม่ตาย ขอเพียงมีบ้านหนึ่งหลัง มีที่ทำกินหนึ่งผืน ไม่ต้องมากมายย่อมพึงใจแล้ว” ความคิดเช่นนี้หลิวรุ่ยเซียงเพิ่งเคยได้ฟังจากปากของสตรีแห่งโยวโจว แม้นแต่ดินแดนที่นางอยู่มาจนใกล้จะหกสิบปีในอีกไม่กี่เดือนก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังสตรีวัยเพียงสิบแปดปีมีความคิดเช่นนี้ นับว่านางมาวัดในคราวนี้ได้เปิดโลกในยามชราโดยแท้ ‘ไม่มีสามีไม่ถึงตาย แต่หากไม่มีกินนั่นจึงอดตายแน่นอน’ อา...ช่างเป็นประโยคเด็ดที่นางฟังแล้วคาดว่าตายแล้วเกิดใหม่สักสิบชาติคงยากจะลืมเลือน... “แล้วหากสามีผู้นั้นร่ำรวย มีฐานะ มียศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งใหญ่เล่า เจ้ายังคิดว่ามีเงินมีทองยังดีกว่ามีสามีหรือไม่” หลิวไทเฮานั้นอายุขนาดนี้แล้วไม่เคยรู้สึกว่าพูดคุยกับผู้ใดแล้วสนุกอีกทั้งเท่าทันกันได้เท่าเด็กสาวแซ่หวังนางนี้เลยจริง ๆ “ยิ่งมากยศถาบรรดาศักดิ์ และมีฐานะร่ำรวย สตรีย่อมแย่งชิงวุ่นวายปวดศีรษะหนักกว่าบุรุษชาวไร่ชาวนาตัวดำยากจนเสียอีกเจ้าค่ะ บุรุษยิ่งมีฐานะ เขาร่ำรวย ย่อมไม่ทราบความยากลำบาก สตรียิ่งง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ อันใดล้วนได้มาง่ายดายในความรู้สึกของพวกเขา จึงคิดเอาว่าตนเองยิ่งใหญ่ในใต้หล้านี้เขาล้วนกำเอาไว้ได้ในกำมือตนเองได้จนสิ้น คุณค่าของภรรยาในสายตาของเขาจะมีได้เท่าเศษธุลีหรือไม่ข้าเองยังไม่แน่ใจเลยเจ้าค่ะ” ...เปิดใต้หล้ายิ่งนัก....ช่างเปิดโลกอันคับแคบของนางอย่างยิ่ง!!!... สตรีวัยเฉียดหกสิบปีอยากจะลุกขึ้นมาตบหัวเข่าของตนเองสักหลายฉาดอย่างพึงจิตพึงใจกับวาจาและแนวคิดที่ไม่เหมือนผู้ใดของหวังลี่จู อายุของนางสิบแปดปีและยากจน ทว่าความคิดกลับร่ำรวยปัญญาจนคุณหนูสกุลใหญ่ทั้งหลายพ้นสายตาของหลิวไทเฮาทันที ฐานะยากจนแล้วอย่างไร? ก็บุตรชายสองคนของนางร่ำรวยจนตายแล้วเกิดใหม่มาใช้ทรัพย์สินเหล่านั้นหมื่นชาติมิอาจจะหมด แล้วนางยังอยากจะได้คนมีฐานะร่ำรวยไปอีกไย “เจ้าเคยเชื่อเรื่องสวรรค์บันดาลหรือไม่?” สำหรับนางนั้นกลับเชื่อไปเกือบสิบส่วน เพราะไหว้พระขอพรหลายวัดมานั้นล้วนเฝ้าวิ่งวอนขอให้สวรรค์ประทานสตรีซึ่งคู่ควรกับบุตรชายคนเล็กของตนเองที่กำลังจะเสียทีพลาดท่าให้แก่สกุล ‘หลวน’ เต็มทน คุณหนูหลวนจิ้งอวี่ผู้นั้นมันอสรพิษ ไม่เหมาะสมกับบุตรชายของนางเลย เป็นจริงที่บุรุษย่อมมองเพียงสตรีรูปโฉมงดงาม และหลวนจิ้งอวี่นั้นงดงามนิ่มนุ่มถูกใจจ้าวจวินหลางยิ่งนัก แต่หวังลี่จูนี้หากกินดีอยู่ดี อาบน้ำแร่แช่น้ำนมแพะ ขัดถูผิวพรรณ ประทินโฉมด้วยเครื่องหอมของสตรีชั้นสูง ไม่ต้องตากแดดกรำงานหนักถึงขนาดไปลอกส้วมเช่นนี้ ไม่เกินสามเดือน ให้สิบหลวนจิ้งอวี่ก็ย่อมพ่ายแพ้ให้แก่ไข่มุกมากคุณค่าเช่นหวังลี่จู่ผู้นี้เป็นแน่ สตรีแก่เช่นนางมองสตรีนางในมานับพันย่อมแยกออกว่าผู้ใดจะงดงามหยาดฟ้ามาดินตั้งแต่กำเนิด และผู้ใดงดงามหยาดเยิ้มจากการปรุงแต่ง! “สวรรค์บันดาลหรือเจ้าคะ? ...ตอบจากใจลี่จูรู้จักเพียงหนึ่งสมองกับสองมือ และสองเท้าบันดาลเจ้าค่ะท่านป้าหลิว” ทุกคำตอบเรียกได้ว่ามิใช่เพียงแค่ ‘ผ่าน’ สำหรับตำแหน่งชินหวางเฟยแห่งเป่ยหนิง และแผ่นดินโยวโจว ทว่าหากมีคะแนนสิบส่วนหวังลี่จูนั้นก็ทำคะแนนนั้นได้ถึงยี่สิบส่วนเลยทีเดียว สตรีผู้เคียงข้างผู้ควบคุมกองทัพอันเกรียงไกรของโยวโจวที่สามดินแดนแปดชนเผ่ากริ่งเกรงจะต้องมีปัญญาที่ล้ำเลิศ นางไม่ต้องการสตรีผู้มีเพียงฐานอำนาจจากสกุลเดิมแต่โง่เขลา นางต้องการสตรีซึ่งจะเป็นคู่คิดของสามีได้ด้วยมิใช่เป็นเพียงคู่นอนเท่านั้น ราตรีนั้นสองพี่น้องสกุลหวังหลับลงไปด้วยเพราะร่างกายเหนื่อยยากมาตลอดทั้งวันจึงหลับสนิท ทว่าหลิวรุ่ยเซียงนั้นกลับนอนไม่หลับ อาจเพราะนางเข้าวัยชราแล้วก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็คือนางจะบีบบังคับบุตรชายคนเล็กเช่นจ้าวจวินหลางได้อย่างไรต่างหาก เขามันสมดังชื่อที่บิดาประทานให้ สุนัขป่าผู้เกรี้ยวกราดในยามที่ไม่พึงใจ หากเป็นจ้าวจวินข่ายนางผู้เป็นมารดานั้นจะไม่คิดมากเลย คำกล่าวโบราณนานมานั้นย่อมจริงแท้ ในยามโคถึกกำลังคึกพิโรธย่อมยากจะไปขัดขวาง บัดนี้จ้าวจวินหลางกำลังหลงใหลใคร่รักหลวนจิ้งอวี่มากล้น น้ำกำลังเชี่ยวเกรี้ยวกราดนางจะเอาฟืนผุไปขัดขวางย่อมพังย่อยยับเท่านั้น ยิ่งเด็กสาวเช่นหวังลี่จูไม่ได้สนใจความร่ำรวยรวมไปถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของบุรุษอีกด้วย นางจะผูกด้ายแดงให้สองคนนี้อย่างไรนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประการที่ทำให้หลิวไทเฮานอนไม่หลับจวบจนต้นยามอิ๋นมาเยือนสองพี่น้องแซ่หวังก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว “เหตุใดพวกเจ้าจึงเร่งตื่นตั้งแต่ต้นยามอิ๋นเช่นนี้ ต้องไปสวดมนต์ที่หอพระคัมภีร์หรือ?” หลิวไทเฮาที่เพิ่งจะเผลอตัวงีบหลับไปเล็กน้อย แต่คนแก่แล้วหูย่อมว่องไว ต่อให้สองพี่น้องแซ่หวังนั้นจะขยับกายแผ่วเบาอย่างระมัดระวังเพียงใดนางก็ยังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจนได้ “ขออภัยท่านป้าหลิวแล้วที่พวกเราสองพี่น้องรบกวนการนอนของท่าน เอ่อปกติพวกเรามิใช่ซือไท่จึงไม่จำเป็นต้องไปสวดมนต์ที่หอพระคัมภีร์ใหญ่ แต่พวกเราต้องเร่งลงเขาไปรับจ้างตัดผักและเข็นผักไปส่งให้พวกแม่ค้าที่ในตลาดด้านล่างเขาไห่เหมี่ยวเจ้าค่ะ” หวังลี่จูตอบคนบนเตียงเสียงเรียบพลางหันไปเติมฟืนให้อีกฝ่าย เพราะคาดว่าท่านป้าหลิวนั้นคงจะนอนต่อ สตรีสูงศักดิ์นั้นคงไม่จำเป็นต้องตื่นก่อนไก่เช่นพวกนางสองพี่น้องเป็นแน่ หวังลี่เจินหลีกไปล้างหน้าขัดฟันแล้วเตรียมข้าวของสำหรับลงเขา เช่นเดียวกับหวังลี่จูที่หันไปหยิบอาภรณ์เก่าขาดแต่สะอาดถูกนำมาสวมทับให้แก่น้องสาวอีกชั้น แล้วเตรียมจะออกจากห้องนอนแห่งนี้ไปทำเอาหลิวรุ่ยเชียงนั้นต้องเร่งเรียกทั้งสองเอาไว้แทบไม่ทัน “เดี๋ยวก่อนลี่จู ลี่เจิน ข้ายังไม่ได้ตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้ากับสาวใช้ทั้งสี่คนเลย” สองกายเล็กหันกลับมามองหญิงสูงวัยที่ยังดูสาวและดูงดงามกว่าวัยบนเตียงด้วยสายตาลังเล แต่สุดท้ายหากสตรีตรงหน้าจะตอบแทนพวกนางเป็นเงินก็สมควรรับมิใช่หรือไม่ พวกนางมิใช่จอมยุทธ์ต้องกินต้องใช้ และต้องเก็บเงินไปซื้อที่ดินสักผืนสร้างบ้านหลังน้อยอีกหนึ่งหลัง เช่นนั้นพวกนางย่อมไม่ปฏิเสธ ‘เงิน’ อยู่แล้ว “หากท่านป้าหลิวสะดวกใจที่จะตอบแทนพวกเราสองพี่น้องเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะก็ ข้ากับลี่เจินขอเป็นเงินก็แล้วกันเจ้าค่ะ แต่จะเป็นเท่าใดก็ตามที่ท่านป้าหลิวเห็นสมควรเถิด” หวังลี่จูฉลาดมากพอที่จะไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากเรียกร้องจำนวนออกไป เพราะคนเรานั้นความคิดแตกต่าง คุณค่าของชีวิตก็เช่นกัน นางจะไม่เอาการช่วยชีวิตของอีกฝ่ายไปเรียกร้องให้มันสูงค่า เพราะหากทำเช่นนั้นนางเองจะต่างอันใดกับเจ้าโจรอ้วนและผอมในวันวานนี้กันเล่า “เจ้าไม่ต้องการเป็นอย่างอื่นหรือ? ...อย่างเช่นแต่งงานมาเป็นสะใภ้ของข้า บุตรชายของข้าทั้งสองนั้นถึงผู้หนึ่งจะมีอนุภรรยามากสักหน่อยแต่เขาก็ยังมิได้แต่งฮูหยินเอก ซึ่งหากเจ้าไม่ชอบมีอนุภรรยามาก บุตรชายคนเล็กของข้านั้นยังไม่มีทั้งอนุภรรยาและสาวใช้อุ่นเตียง หากเจ้าพึงใจข้ายินดีแต่งเจ้าไปเป็นฮูหยินเอกของบุตรชายคนเล็กก็ได้นะลี่จู” หลิวรุ่ยเซียงลองกล่าวอีกครั้ง เพราะคำว่าอนุภรรยานางจำได้ว่าคนเช่นหวังลี่จูนางไม่ยินดีจะแต่งงานออกไปเป็นเด็ดขาด เช่นนั้นเป็นฮูหยินเอกนางอาจไม่ปฏิเสธก็เป็นไปได้ “ต้องขออภัยที่ลี่จูคงต้องทำให้ท่านป้าหลิวผิดหวังแล้วเจ้าค่ะ หากเป็นเงินเป็นทองลี่จูยินดีน้อมรับ ทว่าสามีนั้นอย่างที่กล่าวแก่ท่านป้าไปนับจากเมื่อคืนว่ามีเอาไว้ก็มากเรื่องปวดศีรษะ หากท่านป้าหลิวจะตอบแทนด้วยสามีเห็นทีลี่จูคงต้องขอรับเอาไว้ด้วยใจแล้วเจ้าค่ะ” เด็กสาวคนพี่โค้งกายลงต่ำจนศีรษะนั้นแทบโขกกับกรอบประตู อย่าได้กล่าวเลยว่าหลิวไทเฮานั้นอึ้ง ทว่าแม้แต่คนที่จะถูกยกให้เป็นของตอบแทน ‘บุญคุณ’ เช่นจ้าวจวินหลางที่มาถึงอารามไห่เหมี่ยวได้ครู่ใหญ่ และแอบอยู่บนหลังคานั้นก็สะดุ้งจนแทบพลัดตกจากหลังคาอารามเลยทีเดียว ...สตรีเสียสติอันใดเช่นนี้ให้เป็นสะใภ้คนรวยนางขอน้อมรับด้วยใจ!!!... “นี่ก็สายมากแล้วเห็นทีคงต้องลาท่านป้าหลิวที่ตรงนี้นะเจ้าคะ” สองพี่น้องโค้งกายให้คนบนเตียงอีกครั้งอย่างเตรียมลาจากตรงไปยังสวนผักแล้วจริง ๆ ทว่า... “เดี๋ยว!” หลิวไทเฮาเห็นว่าจะไม่ได้การแล้ว จึงเรียกทั้งสองเอาไว้แล้วเร่งก้าวลงจากเตียงเร็วไวด้วยกลัวว่าตนเองจะ ‘พลาด’ โอกาสสุดท้ายที่จะตอบแทนเด็กสาวทั้งสองไปเสีย “ที่ตัวของข้ามีเพียงตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น หากเจ้าไม่คิดมากช่วยรับเอาไว้ด้วยเถิดลี่จู อ้อ นี่ ๆ ยังมีกำไลหยก กับแหวนหยกนี้ ข้าให้กำไลแก่เจ้านะลี่จู ส่วนเจ้าลี่เจินเอาแหวนวงนี้ไป มันใหญ่ข้าจึงต้องใส่สร้อยคอสวมเอาไว้ รับไว้นะ...รับไว้...” หวังลี่จูกับหวังลี่เจินหันมองหน้ากัน แต่เงินตั้งพันตำลึง เพียงเท่านี้พวกนางก็มีเงินมากพอจะไปซื้อที่ดินซึ่งหมายตาเอาไว้ได้แล้ว ไม่รับย่อมโง่เขลายิ่งกว่าลาเท่านั้น! “ขอบคุณท่านป้าหลิวเจ้าค่ะ อันที่จริงเพียงตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงนี้ก็มากเกินพอแล้วนะเจ้าคะ กำไลหยกกับแหวนหยกนี้ไม่ต้องแล้วก็ได้เจ้าค่ะ” หวังลี่จูกล่าวออกไปจากใจ เพราะชีวิตหญิงสาวที่เรียกได้ว่าเป็นคนชั้นต่ำของแผ่นดินโยวโจวแล้วตั๋วเงินพันตำลึงเงินนี้พวกนางสองพี่น้องทำงานเก็บออมไปอีกยี่สิบปีก็อาจจะไม่มีวันได้จับก็เป็นไปได้ แล้วยังมาให้กำไลหยกสีชมพูกับแหวนหยกสีดำนั่นอีกราคาคงหลายพันตำลึง พวกนางไม่กล้าสวมเด็ดขาดเพราะกลัวจะถูกทุบศีรษะชิงทรัพย์เอาเท่านั้น “นี่มิได้มากมายเลยสำหรับชีวิตทั้งสี่ของพวกข้า ขอให้พวกเจ้าสองพี่น้องจงรับเอาไปเถิด หากมีโอกาสข้าได้ขึ้นมาไหว้พระขอพรอีก แล้วจะมาหาพวกเจ้าอีกนะลี่จู ลี่เจิน” สามคนด้านล่างล่ำลากันด้วยความซาบซึ้งใจ ทว่าคนที่แอบซุ่มดูเหตุการณ์ทุกสิ่งแล้วยังได้เห็นและได้ยินทุกคำนั้นแค้นจนแทบกระอักออกมาเป็นโลหิตเลยทีเดียว เพราะตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงหญิงสาวผู้นั้นกลับยอมรับด้วยกิริยามือไม้สั่น ทว่าในยามที่มารดาของเขาเสนอฐานะฮูหยินเอกของบุตรชายคนเล็กซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นเขา นางกลับกล่าวออกมาอย่างไม่ละอายปากสักนิดว่าขอรับเอาไว้ด้วยใจ ...นี่ข้าเป็นถึงชินอ๋องแห่งเป่ยหนิงเชียวนะ มิใช่คนล่าสัตว์ตัดฟืนที่ใด!!!... ยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าเขาก็บังเกิดความไม่ชอบใจนางไปถึงแปดส่วนแล้ว เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านสิ้นบิดาไร้มารดาบ้าน ซ้ำก็ยังต้องมาอาศัยที่ของอารามไห่เหมี่ยวอยู่กลับบังอาจมาปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นหึ!... ความงามของนางจะได้สักปลายเล็บเท้าของหลวนจิ้งอวี่สตรีที่เขาพึงใจหรือไม่ อย่าได้กล่าวถึงตำแหน่งชินหวางเฟยแห่งเป่ยหนิงเลย เป็นเพียงนางกำนัลเทกระโถนขับถ่ายเขายังต้องขอคิดดูก่อนหากจะรับนางเข้าจวนจวินหลางที่เป่ยหญิงของตนเอง “เสด็จแม่ ท่องเที่ยวสนุกพอแล้วหรือไม่ หากพอแล้วก็กลับวังกันเถิด” พอสองพี่น้องแซ่หวังนั้นจากไปจ้าวจวินหลางก็พลิ้วกายลงมาจากหลังคาที่อาศัยนั่งรอมารดาตื่นมาร่วมหนึ่งชั่วยาม ซึ่งยังดีว่าจ้าวจวินหลางนั้นได้ยินเพียงประโยคยอมรับฐานะ ‘สะใภ้เล็ก’ ด้วยใจของนางเท่านั้น เกรงว่าหากเขาได้ยินความคิดความอ่านที่หวังลี่จูกล่าวแก่หลิวไทเฮาทั้งหมด บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีคงกระอักออกมาเป็นโลหิตจริงแท้... “ข้าจะไปสวดมนต์ยังหอพระสักสามถึงสี่ชั่วยาม เจ้ารอได้ก็รอ หากรอไม่ได้ก็ลงเขาไปเถิด หญิงชราเช่นข้าหรือจะสำคัญเท่าสตรีสาวงดงามเช่นหลวนจิ้งอวี่!” กล่าวแล้วหลิวไทเฮาก็สะบัดใบหน้าซึ่งยังงดงามเดินตรงไปยังเรือนพักของหัวหน้าแม่ชีเหยียน ฝ่ายของจ้าวจวินหลางนั้นถึงกับยืนเซ่อเพราะยังไม่ทันได้พูดจากันกี่คำตนเองก็ถูกมารดานั้นแสดงกิริยาแง่งอนใส่กันเสียยิ่งกว่าดรุณีน้อย จนเขาต้องหันไปหาองครักษ์คนสนิทเช่น ‘ลู่เจิง’ คล้ายอยากจะถามว่าตนเองไปทำสิ่งใดผิดเข้ามารดาจึงแง่งอนใส่กันเช่นนี้ “ข้าผิดอันใดลู่เจิง?” “อาจทรงลงมาจากหลังคาผิดจังหวะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” “???”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD