ผลัก
เขาสะบัดมือออกจากเสี้ยวหน้าหวานก่อนจะทำท่าราวกับขยะแขยง
“ณิเองไม่เคยอยากได้คุณเต้”
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้ฉันเมาฉันก็เอาเธอไม่ลงหรอกณิชา”
คำพูดตรง ๆ ที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงซ่านทั้งอายทั้งโกรธ เธอกระชับผ้าห่มเข้าหาตัวปิดเรือนร่างอวบอิ่ม แล้วใครกันที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอเมื่อเช้า ณิชาเม้มปากแน่นสองมือกำผ้าห่มสั่นระริก
“รู้ใช่ไหมว่าเมื่อคืนไม่ได้เกิดเรื่องพรรค์นั้น”
“คะ?” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยสี เธอลูบขนลำคอที่ตั้งชันด้วยความกระดากอาย แม้สัมผัสตอนตื่นจะชัดเจนแค่ไหน แต่เธอก็คิดว่าเมื่อคืนเขากับเธอไม่ได้ลึกซึ้งไปถึงขั้นนั้น
เพียงเหลือบดวงตาหวานสบตาเข้า เตวิชญ์ก็ตีความหมายของท่าทีเอียงอายนั้นไปไกล จนเลือดขึ้นหน้าอยากจะตรงเข้ามาบีบคอเธอ
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มัน!”
“ณิคิดว่าเรา...”
“อย่าคิดที่จะเรียกร้องความรับผิดชอบอะไรจากฉันเด็ดขาด”
“ณิไม่เคยคิดเลยนะคะ”
“หุบปากสักทีเถอะ รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ร่างสูงรู้สึกเวียนหัวและอึดอัดแทบบ้า เขาลุกขึ้นไม่สนว่าร่างกายตัวเองจะเปลือยเปล่า อะไรที่ไม่ควรเห็นก็เปิดเผยตรงหน้าเธอ
ณิชากรีดร้องพลางเบิกตาโพลงแล้วหันหน้าหนี
“อย่ากระแดะน่า” เขาด่าออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทั้งที่อยากได้มันขนาดนั้น ฉันสงเคราะห์ให้ก็มองเก็บเอาไว้ฝันสิ”
“คุณมันทุเรศ!”
“เออ!!!”
เตวิชญ์กระแทกเสียงอย่างรำคาญใจ มองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้นด้วยความไม่ชอบใจ นัยน์ตาสีดำสนิทเหลือบมองกางเกง ก่อนจะสวมมันลวก ๆ ไม่สนใจเสียงร้องไห้สะอื้นที่ดังจากหญิงสาวอีกคนบนเตียง
“แล้วอย่ามัวแต่ยื้อเวลาด้วยการร้องไห้ รีบออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”
“คุณก็รีบแต่งตัวก่อนสิคะ”
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันน่าทึ่งจริง ๆ ที่นั่งอยู่เนี่ย อย่าบอกว่ายื้อเวลาให้ไอ้ตุลย์มาเจอ”
“ณิไม่ได้...คุณเต้กรี๊ดดดดปล่อยนะคะ” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างสูงร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรก้าวขึ้นเตียงพรวดเดียว ก่อนสุภาพบุรุษสำหรับญาณินจะกลายเป็นซาตานสำหรับเธอ
เตวิชญ์ตรงดิ่งเข้ากระชากข้อเท้าสวย แล้วลากทั้งณิชาและผ้านวมคลุมกายลงจากเตียง ไม่สนใจว่าร่างนั้นจะเปลือยเปล่าหรือไม่
“ฉันบอกให้เธอลงมาจากเตียงฉันไง”
“ณิโป๊อยู่นะคะคุณเต้ คุณเต้! ปล่อยขาณินะคะ”
ตุบ!
“โอ๊ยยยย!” ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงที่พื้นอย่างไม่ไยดี ยังไม่พอเตวิชญ์ยังไม่สนใจว่าเรือนร่างอวบอัดจะเจ็บหรือไม่ เขาทำเพียงปรายตามอง แล้วคว้าเสื้อในกางเกงในของหญิงสาวโยนใส่หน้าณิชาราวกับคนไร้ศักดิ์ศรี สายตาหยามเหยียดทำให้ขอบตาเธอร้อนผ่าว เมื่อถูกปฏิบัติราวกับเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่เที่ยวล่าผู้ชาย
สายบราตวัดเข้าใบหน้าเล็กจนต้องหลับตาแน่น ความแสบทำให้น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นจากดวงตาสวยเป็นสาย ร่างกายรุมราวกับกำลังเป็นไข้ เมื่อหูและหัวร้อนผ่าวไปหมดเพราะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“คุณมันสวะ!!!”
“คนสวะมันคือคนที่เอาเธอมาวางบนเตียงฉันต่างหาก อย่าโง่หน่อยเลย เธอรีบออกไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว และถ้าใครรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะณิน ฉันเอาเธอตายแน่”
“ณิทราบค่ะว่าคุณแคร์พี่ณินมาก ณิเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน”
“ทราบก็รีบออกไปสิวะครับ! นั่งทำอะไรอยู่”
เสียงตวาดนั้นดังขึ้นพร้อมกับความอดทนของเตวิชญ์ที่หมดลง เมื่อเห็นเขาหมุนตัวหนีไป ณิชาจึงรีบพยุงร่างที่บอบช้ำจากการถูกโยนลงพื้น รีบเก็บเสื้อผ้าก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอยู่ที่ปลายเตียง
ความกรุ่นโกรธเหลือเพียงหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น
เขาไม่ใช่เด็กแรกรุ่นที่ตื่นมาข้างกันแล้วคิดว่ามีอะไรกันแล้ว เพียงแต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมณิชาถึงต้องมานอนกับเขาในสภาพเปลือยเปล่า
ณิชาหลงรักตุลยวัตรพี่ชายคนละแม่ของเขา เธอแสดงออกชนิดที่ว่าใครมองก็รู้ และกำลังจะหมั้นหมายตามความต้องการของผู้ใหญ่ ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปกันใหญ่เมื่อเธอมาอยู่บนเตียงเขา
นิสัยหญิงสาวที่รู้มาบ้างคือเป็นพวกอยากมีอยากได้ของคนอื่น คิดถึงตรงนี้เขาก็แค่นยิ้มสมเพชออกมา
ณิชาเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักและไม่มีท่าทีจะหยุดได้ง่าย ๆ
เธอเด็กเกินไปจนน่ารำคาญ
และเด็กจนคิดจะทำอะไรโง่ ๆ รึเปล่านะ
นัยน์ตาดำสนิทเหลือบมองอย่างระวังตัวราวกับเสือติดจั่น เขามองไปทางประตูทีและหญิงสาวที ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเดรสสีโอลด์โรสบนตัวของหญิงสาว
“เดรสนั่น” เรียวปากของชายหนุ่มเหยียดเป็นเส้นตรง นัยน์ตาเกรี้ยวกราดตวัดมองคนที่กำลังเบิกตากว้างมองมาที่เขา
“เดรสตัวนี้ทำไมเหรอคะ”
“นั่นมันเดรสที่ณินบอกว่าหายไปนี่ แล้วเธอใส่อยู่ได้ยังไง เหลือเชื่อเลยแฮะพวกลูกเมียน้อยนี่...” เขาเอ่ยพลางแค่นยิ้มสมเพช
ตวัดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพบว่าของที่เขาซื้อปรนเปรอญาณินประกอบอยู่บนตัวณิชาเกือบทุกชิ้น เท่านั้นจมูกที่เคยดอมดมเรือนร่างตรงหน้าก็ย่นขึ้น เมื่อคิดถึงกลิ่นน้ำหอมที่คล้ายของญาณินจนแยกไม่ออก ใบหน้าของเตวิชญ์ก็เหมือนถูกสาปให้แข็งค้าง
เขาสบถออกมาอย่างเหลือเชื่อ “พวกลูกเมียน้อยนี่อยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองสินะ”
“ไม่ใช่นะคะ เดรสตัวนี้แม่บ้านหยิบสลับมาไว้ที่ห้องณิ พี่ณินเห็นณิชอบเลยยกให้ณิค่ะ ณิไม่รู้มาก่อนว่ามันมาอยู่ที่ห้องณิได้ยังไง”
ณิไม่รู้! ณิไม่รู้!
“ฮ่า ๆ ฉันโคตรขยะแขยงคนอย่างเธอเลยณิชา รู้ไหมว่า...ฉันขยะแขยงพวกลูกเมียน้อยอย่างเธอแค่ไหน”
หมับ!
“โอ๊ย!” คีมเนื้อคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเล็ก ก่อนจะออกแรงบีบด้วยความโกรธ เขาอยากจะฉีกชุด กระเป๋า รองเท้าตรงหน้าออกให้เป็นชิ้น ๆ
แน่นอนว่าณิชาเลือกเกิดไม่ได้
แต่ไม่ควรเสนอหน้าราวกับเป็นลูกสาวคนสำคัญ เทียบเท่ากับพี่สาวของตัวเอง หรือแม้แต่แย่งของจากลูกภรรยาหลวงไม่ใช่รึไง อย่างน้อยก็ช่วยรับผลกรรมของแม่ตนบ้าง
จะต่างอะไรกับตุลยวัตร พี่ชายต่างแม่ของเขาที่บิดาแอบซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบ เพื่อแต่งงานจดทะเบียนกับมารดาจนมีเขาออกมา ในวัยห้าขวบเขาเพิ่งรู้ว่าตนเองมีพี่ชายที่อายุห่างกันไม่ถึงปี ในตอนนั้นเขาไม่เข้าใจนักรู้แค่ว่าเกลียดใบหน้านั้นจนไม่อยากอยู่ร่วมโลก แต่เมื่อโตมาเขากลับไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เขาถึงยอมรับตุลยวัตรมาเป็นลูกอีกคน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่
คนคนนั้นก็พยายามจะแย่งของเขาทุกอย่างเช่นเดียวกัน
“เธอไม่มีสิทธิ์ใส่มัน”
“แต่ว่าพี่ณินยกมันให้ณิ”
“ฉันเป็นคนซื้อของพวกนี้ให้ญาณิน คนหน้าด้านอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาใส่มัน!”
“คะ?” ณิชาเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ
ของพวกนี้เธอได้มันมาจากญาณินโดยไม่รู้ที่มาสักนิด หญิงสาวตัวสั่นเทาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะสะอื้นบอกเขาทั้งที่น้ำตาเต็มหน่วยตา “ณิขอโทษค่ะ”
“ออกไป”
“ขอโทษค่ะ”
“ฉันสั่งให้เธอออกไปไงณิชา!”
เสี้ยววิหนึ่งน้ำตาหยดใหญ่ก็ร่วงออกมาจากดวงตาคู่สวย ณิชาคล้ายกับสมองถูกฟาดด้วยไม้หนัก ๆ เธอไม่รู้เลยว่ากำลังสวมชุดที่เตวิชญ์ซื้อให้กับพี่สาว ของทุกอย่างแค่เธอเอ่ยปากชมญาณินก็ยิ้มอย่างใจดี และยินยอมแบ่งมันมาให้เธอ
ปลายเท้าก้าวออกไปที่หน้าประตู เพียงแค่เธอหมุนลูกบิดเปิดออกไป ใบหน้าที่ไม่อยากเห็นก็ปรากฏเข้ามาตรงหน้าราวกับถูกปล่อยคิว
“ณินกับพี่ตุลย์กำลังจะ...ณิ...ชา”
“พี่ณิน!!! พี่ตุลย์!!!”