เดินมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร เจเรมีชักจะเริ่มเบื่อ ที่ไหนๆ ก็เป็นเหมือนกันหมด เขาไม่เห็นโอเมก้าเลยสักคนด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าพวกนั้นอยู่ด้านในอาคาร หากจะเข้าไปก็ต้องติดต่อพนักงานที่อยู่ทางด้านหน้าอาคารพวกนั้น บอกวัตถุประสงค์ว่ามาเช่าหรือซื้อ จากนั้นพนักงานถึงจะพาเข้าไปเลือก ซึ่งแน่นอนว่าเจเรมีไม่ได้มาเพื่อการนี้ เขาแค่อยากจะมาดูความสกปรกโสมมของระบบความคิดเหล่าอัลฟ่าเท่านั้น
คิดแล้วก็ขยะแขยงตัวเอง ไม่อยากนับรวมว่าเป็นพวกเดียวกับอัลฟ่าที่สร้างวัฏจักรเหล่านี้ขึ้นมาเลย และการที่เขามาอยู่ที่นี่นานๆ ก็เริ่มทำให้คลื่นเ**ยนกับคำว่า ‘เพื่อความสงบสุข’ เสียเหลือเกิน
มันสงบสุขอย่างไร เจเรมีไม่เห็นจะเข้าใจ ถ้าสงบสุขจริงมันต้องหมายถึงผู้คนทุกชนชั้นสิ ไม่ใช่แค่บางกลุ่มบางพวกอย่างนี้!
พลางนึกถึงคำพูดของบิดาที่เคยพูดกับเขาไว้ก่อนที่จะเข้าศึกษาในสถาบันพัฒนาฯ ได้ขึ้นมาฉับพลัน
‘หน้าที่ของทายาทที่มีสิทธิ์ในตำแหน่งหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ปกครองมหานครก็คือการดูแลทุกข์สุขของประชาชน อย่าละเลยความสำคัญข้อนี้เด็ดขาด’
ประโยคนี้ฝังอยู่ในหัวของเขาตลอดมา เจเรมีไม่รู้หรอกว่าที่บิดาพูดนั้นหมายถึงประชากรชาวอัลฟ่าอย่างเดียวหรือเปล่า แต่ที่รู้ๆ คือมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเริ่มออกอาการต่อต้านระบบความคิดดั้งเดิมอย่างรุนแรง
ประชาชนที่เขาคิดถึงคือทุกชีวิตที่อยู่ในมหานครแห่งนี้ ไม่ใช่จำกัดเฉพาะคนบางกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่...
ถึงจะไม่เคยบอกใคร แต่การกระทำของเจเรมีก็สื่อออกมาชัดเจนหลายๆ อย่างว่าเขาพร้อมจะชนกับใครก็แล้วแต่ที่คิดคัดค้าน จนหลายคนเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าตัววุ่นวายในอนาคตอยู่ตรงนี้นี่เอง
“ไม่มีอะไรแล้ว จะกลับเลยไหม” เดินมาจนเกือบสุดทางของตรอกซึ่งเป็นทางทะลุออกไปยังถนนอีกฟาก อัลเบิร์ตก็เอ่ยปากถาม
เจเรมีเห็นดีด้วย คิดจะกลับเหมือนกัน ที่แวะเวียนมาก็แค่อยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของโอเมก้าเท่านั้น ได้ยินชื่อเสียงของตรอกนี้มานาน แต่ไม่เคยได้เห็นด้วยตาตัวเองสักที ก่อนจะพยักหน้า เดินตรงไปกะจะออกอีกทางแล้ววนกลับบ้าน ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นร่างของเด็กหนุ่มร่างบาง ช่วงล่างนุ่งเพียงกางเกงขายาวสีมอขณะที่ช่วงบนไม่สวมเสื้อ... หรืออาจจะสวมแต่ถูกกระชากออกไปแล้วกำลังวิ่งกระหืดหอบมาทางเขา ท่าทางคล้ายกับว่ากำลังวิ่งหนีใครอยู่
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเด็กหนุ่มคนนั้นมีชายอีกสามคนวิ่งตามมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะร่วนอยู่ ในมือของคนที่วิ่งนำหน้าถือผ้าสีขาวด่างๆ เอาไว้ มองปราดเดียวก็เดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเสื้อของคนที่วิ่งหนีมาแน่
เจเรมีอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้ถ้าหากว่านั่นเป็นเพียงการวิ่งเล่นกันของเด็กๆ ไม่ใช่การวิ่งไล่กวดเพื่อล่าของนักศึกษาสถาบันเดียวกับเขา อีกทั้งยังเป็นคนที่ชายหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาดี
เพื่อนร่วมชั้นเรียน...
ศัตรูคู่อาฆาต...
จะเรียกว่าอย่างไรดีล่ะ เอาเป็นว่าหมอนั่นชื่อ ธีโอ แฮร์ริสัน ลูกชายของนายพล หนึ่งในสมาชิกสภาระดับสูงที่สังกัดอยู่ในกระทรวงความมั่นคงแห่งมหานครเพิร์ล ซึ่งไม่ค่อยถูกชะตากับเจเรมีสักเท่าไหร่นักตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆ แล้ว ที่ไม่ถูกชะตาก็เพราะความอวดดี อวดเบ่งด้วยเป็นลูกชายสมาชิกสภาระดับสูงของธีโอ ซัดกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งก็เป็นเรื่องใหญ่ แถมเลือดตกยางออกด้วยกันทั้งสิ้น ล่าสุดเขาก็เพิ่งจะทำธีโอหัวแตกเพราะจับโขกกับโต๊ะระหว่างการบรรยายของวิชาหนึ่งไปเองมั้ง สาเหตุเพราะอีกฝ่ายพูดดูถูกอัลเบิร์ตที่หงอไม่สู้คนจนเพื่อนอย่างเขาทนไม่ไหว และยิ่งเจเรมีเห็นคนที่ตนไม่ถูกชะตาวิ่งไล่เด็กหนุ่มผิวแทนที่ตัวเล็กกว่าโขมาต่อหน้าต่อตาจนล้มลุกคลุกคลานไปบนพื้นอย่างนั้นด้วย เขาก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับกระโดดตัวลอย ส่งฝ่าเท้าเข้าประทับตรงกลางอกของธีโอเข้าอย่างจัง