วันต่อมา
ล่าสุดฉันติดใบปลิวประกาศตามหาพ่อใกล้ๆ แถวนี้ เผื่อว่าจะมีคนเคยเห็นพ่อมาแถวนี้บ้าง ฉันมีรูปของพ่ออยู่แต่มันเป็นรูปนานแล้ว ผ่านมา 10 กว่าปีฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
แต่ฉันอยากเจอพ่อจริงๆ
“เฮ้อพ่อคะ พ่อไปอยู่ที่ไหน” ฉันนั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง แม่ไม่รู้ว่าฉันกลับมาเมืองไทยเพื่อตามหาพ่อ ฉันไม่อยากให้แม่รู้สึกไม่ดี แต่ฉันก็อยากเจอหน้าพ่อบ้างก็แค่นั้น
ฉันเข้าใจดีว่าแม่รู้สึกยังไง แต่ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของฉันอยู่วันยังค่ำอยู่ดี
รถแล่นผ่านหน้าฉันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้คนที่ฉันเดินผ่านมาถ้านับได้ก็คงจะร้อยคนแล้ว แต่ก็ไม่มีคนไหนที่จะมีวี่แววเป็นพ่อของฉันเลย
ในเมืองนี้มันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนต่างดูเร่งรีบไปหมด แล้วถ้าฉันตามหาพ่อไม่เจอฉันก็คงต้องกลับไปพร้อมกับความผิดหวังสินะ
ฉันบอกกับแม่ว่าฉันจะมาเที่ยวหาเพื่อน เที่ยวผ่อนคลายหลังจากที่เรียนจบประมาณสองเดือน จากนั้นฉันก็จะกลับไปหาแม่
“….” ฉันนั่งกอดเข่าพร้อมกับความรู้สึกผิดหวัง จะออกตามทั่วประเทศก็คงไม่ไหว ฉันไม่รู้อะไรที่ประเทศไทยมากมาย จะประกาศออกไปกว้างกว่านี้แม่ต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันขัดคำสั่ง
ฉันนั่งอยู่ได้อีกสักพักก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนคอนโคของจิน ซึ่งนางไปทำงานยังไม่กลับมาฉันก็เลยอยู่คนเดียว
เวลาต่อมา
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า >>> mom
“ค่ะแม่”
( ทำอะไรอยู่ลูก หาที่พักได้หรือยัง? )
“ได้แล้วค่ะแม่ หนูมาพักกับจินที่คอนโดค่ะ”
( อ๋อ แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูก )
“นั่งเล่นค่ะแม่ อยู่ห้อง จินไปทำงาน”
( ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่ได้นะลูก )
“ค่ะแม่ แม่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ”
( จ้า )
ติ๊ด~
ฉันกดวางสายจากแม่ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปยืนเล่นที่หน้าระเบียง คอนโดของจินอยู่ชั้นที่26นะสูงมาก แถมยังเห็นวิวเห็นบรรยากาศของกรุงเทพอีกต่างหาก
มันสวยนะ แต่ฉันรู้สึกเคว้งคว้างยังไงไม่รู้
มันก็ต้องมีซักที่สิที่พ่อฉันอาศัยอยู่ เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหนแค่นั้นเอง
“เฮ้อ….” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะไล่สายตามองไปเรื่อยๆ และไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง ที่ยืนอยู่หน้าระเบียงเหมือนกับฉัน ผู้ชายคนนี้ดูหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนว่าฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน “นั่นมัน…??”
ถ้าจำไม่ผิดไอ้หมอนี่คือคนที่ให้ลูกน้องลากฉันออกมาจากบ้านของพ่อฉัน กล้ามากนะที่ด่าฉันว่าเป็นคนบ้า เป็นผู้ชายปากหมาที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย ว่าแต่ว่าย้ายมาอยู่ที่นี่อยู่เร็วจัง แต่ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้แก้แค้นให้ตัวเองสักที
จะได้รู้ฤทธิ์เดชของโรสสิริน ผู้หญิงอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาหยามหน้า และก็ไม่ชอบให้ใครมาด่าฟรีๆ ด้วย ผิดจริงฉันยอมให้ด่าแต่ถ้าฉันไม่ผิดแล้วมาด่าฉัน ฉันเอาคืนแน่ ฉันเป็นคนที่แค้นฝังใจ ผ่านไป 10 ปีฉันก็ไม่เคยลืม
เจอดีแน่ไอ้เผือก ( มันขาวไงเลยเรียกว่าไอ้เผือกนี่แหละ )
เวลาต่อมา
ฉันนั่งเล่นอยู่หน้าระเบียงจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด และจินก็เลิกงานกลับมาอยู่ที่ห้องแล้วแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนใจ
คนที่ฉันสนใจคือคนที่กำลังยืนจิบไวน์อยู่มากกว่า มีผู้หญิงมาคลอเคลียเยอะด้วย ดูท่าแล้วคงจะเป็นเสือผู้หญิงเจ้าชู้น่าดูเลยนะเนี่ย
“ยัยโรสแกไม่หิวข้าวหรือไง” จินตะโกนออกมาจากในห้อง
“….” ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปแทน เพราะไม่อยากเสียงดังโวยวายให้ไก่ตื่นซะก่อน “แกกินไปก่อนเลยนะเดี๋ยวฉันมา”
“อ้าว แล้วแกจะไปไหนมันมืดแล้วนะ”
“เอาน่าเดี๋ยวฉันมาแป๊บเดียว” พูดจบฉันก็เดินออกไปจากห้องของจินทันที และมันก็เหมือนฟ้ามาโปรดผู้ชายคนนั้นเดินออกมาจากห้องพอดีเหมือนกัน
พรึบ!
“โอ๊ะ!!” ในมุมมืดฉันกระชากคอเสื้อของผู้ชายคนนั้นมา แล้วชกที่ท้องอย่างแรงสองที จนเขานั่งคุกเข่าลงไปกองกับพื้น ก่อนจะใช้หัวเข่ากระทุ้งเข้าที่หน้าที่นึงจนล้มพับลงไป “อึกก คะ ใครวะ เล่นทีเผลอ มึง!!”
“จำเอาไว้ คราวหน้าคราวหลังอย่ามาหาว่าใครบ้าอีก” พูดจบฉันก็เดินออกมาทันที ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไง
ฉันรู้แรงของตัวเองอยู่หรอก เพราะถ้าฉันใส่เต็มแรงมากกว่านี้คงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลแล้วล่ะ นี่แค่สั่งสอนเท่านั้น
ป๊าให้คนมาสอนฉันเรียนการต่อสู้เอง ไม่ว่าจะการต่อสู้มือเปล่าดาบมีดหรือปืน ฉันก็เรียนผ่านมาหมดแล้วและฉันก็เทควันโดสายดำด้วย
แกร้ก!
“อ้าว ไปไหนมาเนี่ย”
“อืม ไปธุระมานิดหน่อยน่ะ กินข้าวกันดีกว่านะ” ตอนนี้ฉันหายหงุดหงิดแล้วล่ะ พอหายหงุดหงิดฉันก็เริ่มหิวขึ้นมาทันที
“นี่แกเป็นไบโพล่าหรือยังไงกัน เมื่อกี้ยังดูอารมณ์เสียอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงอารมณ์ดีซะแล้วล่ะ ไปทำอะไรมา?” จินมันสมกับเป็นเพื่อนสนิทของฉันจริงๆ นะ สังเกตฉันทุกอย่าง ฉันอารมณ์ไม่ดีเพราะอะไรฉันอารมณ์ดีเพราะอะไร มันจะรู้หมดเลย
“ช่างมันเหอะน่า” ฉันตอบปัดๆ ไป แต่ก็รู้ดีอยู่นั่นแหละว่าจินมันจะพยายามซักไซ้ให้ฉันพูดออกมาให้ได้ “ว่าแต่งานที่บริษัทของแกเถอะ เป็นยังไงบ้าง เจ้านายขี้เนี๊ยบของแก ได้ว่าอะไรแกหรือเปล่า?”
“เจ้านายฉันจะมาว่าฉันได้ยังไง เค้าไปเที่ยวพักร้อนที่ต่างจังหวัดตอนนี้ยังไม่กลับเลย แต่อีกซักสองสามวันก็น่าจะกลับแล้วล่ะ”
“อ้าวเหรอ”
“อื้อ แกเนี่ยเป็นอะไรมากกับเจ้านายของฉันป้ะ? เห็นพร้อมจะบวกกับเจ้านายของฉันตลอดเวลาเลย”
“ฉันสัมผัสได้ไงว่าเจ้านายของแกทั้งเอาแต่ใจ และชอบสั่งงานแบบไม่ดูกำลังชอบ…?”
“พอๆ หยุดพูดได้แล้ว เอาเป็นว่าถ้าแกไม่อยากให้ฉันโดนเด้งออกจากงานก็อย่าทำอะไรที่มันทำให้ฉันเดือดร้อน แกก็รู้ว่าฉันหางานยากแค่ไหน”
“เออๆ รู้อยู่หรอกน่า แต่ถ้าเจ้านายของแกทำอะไรแกขึ้นมาแกรีบมาบอกฉันเลยนะ ฉันจะเป็นคนเฉือนให้เอง”
“จ้า กินข้าวไปเถอะมัวแต่พูดอยู่นั่นแหละเมื่อไหร่จะอิ่ม”
“อื้อจิน ฉันจะออกไปตามหาพ่อที่ไหนดีนะ”
“ฉันก็บอกแกไม่ถูกเหมือนกัน มันต้องรู้ก่อนว่าพ่อของเธอไปอยู่ที่ไหนครั้งล่าสุด มันถึงจะแคบลงและตามหาง่าย เพราะถ้าแกยังตามอยู่แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ”
“ฉันก็ว่าอย่างแกนั่นแหละ”
“จ้างนักสืบสิ”
“แกรู้จักนักสืบด้วยเหรอ?”
“อื้ม ถ้าแกสนใจฉันก็พอที่จะแนะนำให้ได้”
“เออๆ สนใจๆ ช่วยทีนะ แล้วจะพาไปเลี้ยงเหล้า”
“พูดแล้วนะ!”
“จ้า ไม่ลืมหรอก”