Bad Engineer 8 - งานเข้า
“ไหนคาเรนซื้ออะไรมา”
เป็นพี่ไคโรที่ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น เขาเดินไปยืนข้างคาเรน ก่อนจะพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มใสซื่อ
ฉันละ โคตรเกลียดท่าทางจอมปลอมของเขาในตอนนี้ที่สุด
หลังจากนั้นฉันกับพี่ไคโรก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ แถมพี่ไคโรยังดูเหมือนจะพยายามกันคาเรนจาก ฉัน จนแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงอีกต่างหาก
เหอะ คงจะกลัวว่าฉันจะพูดเรื่องของเขาขึ้นมาจริง ๆ สินะ เอาไว้หาทางเจรจาเรื่องคลิปคืนมาก่อนเถอะ ฉันแฉแน่ บอกเลย
ส่วนตอนนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ
หลังจากนั้นพี่ไคโรก็โชว์ความสายเปย์ของตัวเอง ด้วยการพาพวกเราไปเลี้ยงชาบูหม้อไฟชุดใหญ่
ฉันนั่งกินไปเหลือบมองพี่ไคโรเอาใจคาเรนไปหงุดหงิดแต่ทำอะไร พอจังหวะที่เจ้าตัวขอไปเข้ารับสายจากมือถือ (คงจะพวกสาว ๆ นั่นแหละ)
พวกฉันก็รัวคำถามยิบใส่ยัยคาเรนทันที
“ถามจริง นี่แกคบกับพี่ไคโรจริง ๆ เหรอ” ยัยฌิรินตัวแม่เปิดประเด็น โดยมีสไมล์และฉันตามสมทบทันที
“แกก็รู้นี่ว่าพวกวิศวะมอ.เรา เจ้าชู้มาก”
“แกรู้จักเขานานหรือยัง แน่ใจนะว่าเขาเป็นคนดี หล่อแบบนี้โคตรอันตรายอะ”
คาเรนมองหน้าพวกเราทุกคน ก่อนจะทำท่ายักไหล่เหมือนโนสนโนแคร์
“อื้อฉันรู้ รู้หมดนะแหละ แต่แล้วไงก็ฉันรักของฉันแบบนี้ เพราะฉะนั้นพวกแกห้ามยุ่งกับพี่ไคโรของฉันเด็ดขาด” ยัยคาเรนตอบสั้น ๆ ก่อนจะตักชิ้นเนื้อเข้าปากเหมือนไม่ได้สนใจคำเตือนพวกเราเลย
เดี๋ยว!..นี่แกโดนความรักบังตาไปแล้วใช่ไหมยัยคาเรน
“แกรู้ว่าพี่เขาเจ้าชู้ แล้วแกก็ยังจะคบกันอะนะ ถามจริงแกไม่กลัวเสียใจเหรอยัยคาเรน” ยัยสไมล์เอ่ยต่อ มองยัยคาเรนที่เคี้ยวตุ้ย ๆ ดูไม่ทุกข์ร้อน
แล้วพวกฉันก็ต้องนั่งรอให้นางเคี้ยวจนหมดก่อนจะไงถึงจะพูดได้ -.-
“พวกแกจะถามมากทำไมเนี้ย ขี้เกียจตอบ แล้วก็ไม่ต้องเดาอนาคตอะไรด้วย ...รีบกินเข้าเถอะ เนี่ยร้านนี้ฉันเคยกับพี่ไคโรมากินประจำน้ำจิ้มอร่อยมาก”
นางพูดพร้อมกับคีบชิ้นเนื้อใส่จานพวกเราคนละชิ้น แล้วนางก็คีบใสเข้าปากอีกเหมือนเดิม
อะไจะชิวปานนั้นคะคุณเพื่อน
นี่หล่อนกำลังจะโดนหลอกฟันแล้วทิ้งอยู่แล้วแท้ ๆ
เอาไงดีวะ หรือฉันควรจะบอกความจริงให้เพื่อรู้ไปเลย
“นี่ยัยคาเรนฉันขอเตือนนะว่า พี่ไคโรของแกน่ะเขา…” จังหวะที่ฉันตัดสินใจบอก ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เขาเดินกลับมาพอดี อายุยืนชะมัด!
“พี่ทำไมเหรอครับ”
ฉันสะดุ้ง หันไปมองพี่ไคโรที่มาเดินกลับเข้ามา ทั้งยังส่งสายตาคาดโทษฉันอย่างเอาเรื่อง เขาเดินกลับมาที่เก้าอี้ข้างคาเรน แถมยังหยิบทิชชูมายังเช็ดปากให้กัน ราวกับเป็นผู้ชายที่อบอุ่นแบบโคตร ๆ
“กินไม่ระวังเลยนะเรา”
“แหม พี่ไคโรไปนานอะ มาถึงก็บ่นเลย บ่นเก่ง”
“ก็เรา กินไม่ระวังเองนี่นา”
เขาทำยังกับว่า ตรงนี้มีแค่เขากับคาเรนอยู่กันสองคน ส่วนพวกฉันนะเหรอเหมือนพวกรับบทตัวประกอบ ไม่ก็ตัวอิจฉาที่ตาร้อนผ่าว ๆ ที่กำลังมองดูคู่รักสวีทกันหวานแหววอยู่ตรงหน้า
“เออเมื่อกี้ว่าไงครับ เหมือนเมื่อกี้จะคุยถึงพี่อยู่เหรอ^^” พี่ไคโรถามด้วยรอยยิ้มแต่ดวงตาเขาแอบแข็ง ซ้ำยังจ้องเขม็งมาทางฉัน
“อ่า...” พวกเราหน้าเสียมองหน้าเลิ่กลั่ก พากันพูดไม่ออก ดีนะว่าคาเรนพูดตัดบทออกมาก่อน เหมือนช่วยชีวิตพวกเรายังไงยังงั้น
“ไม่มีอะไรคะ เพื่อนพวกนี้ก็ถามไปเรื่อยว่าคาเรนรู้จักพี่ได้ไง แต่จ้างก็ไม่บอกหรอก ให้รู้แต่ว่าคาเรนสำคัญที่สุดสำหรับพี่ไคโรก็พอเนอะ เรื่องอื่นปล่อยไว้เป็นความลับ อิอิ” คาเรนยิ้มกริ่มก่อนยักคิ้วให้พวกเรา “ปะ รีบกินกันดีกว่าจะได้รีบกลับ”
นางดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนดูชิวมาก ส่วนพวกเราได้แต่นั่งก้มหน้ากินชาบูกันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ โดยเฉพาะฉันที่กินไม่ค่อยลงเลย เพราะเงยหน้าทีไรก็เจอสายตาพี่ไคโรจ้องเขม็งอยู่แบบนั้น
ที่สุดแล้วมื้อค่ำก็จบลง พี่โคโรอาสาไปส่งพวกเราทุกคน แต่บ้านสไมล์กับฌิรินอยู่คนละฝั่งพวกนางเลยขอเรียก TAXI กลับกันเอง เว้นก็แต่ฉันซึ่งบ้านน่าจะอยู่เส้นเดียวกับคาเรน
“ไม่ให้พี่ไปส่งจริงดิ พี่วนไปส่งพวกเราได้ทุกคนเลยนะครับ”
รับบทสุภาพบุรุษสุด ๆ
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พวกเราไปคนละทางเกรงใจ” ฌิรินปฏิเสธ
“เอางั้นเหรอ พวกแกไม่ให้พี่ไคโรของฉันไปส่งจริง ๆ เหรอ” คาเรนหันมามองหน้าพวกเราทีละคน ก่อนที่เสียงสไมล์จะพูดขึ้นแล้วมาจบลงที่ฉัน
“อื้อ เอางั้นแหละ เหลือก็แต่นาบีบ้านนางอยู่ทางเดียวกับแกไม่ใช่ งั้นฝากนาบีไปด้วยคนแล้วกัน”
งานเข้าสุด -_-
“มะ ไม่เป็นไร ฉันว่าฉันเรียก TAXI กลับเองดีกว่า” และแน่นอนว่าฉันรีบปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
“ไม่เป็นไรเหมือนกัน ให้นาบีกลับกับฉันละกันตามนี้นะ” คาเรนเอ่ย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังเสียงปฏิเสธของฉันเลยสักคน มัดมือชกแบบสุด ๆ
แต่เอาเถอะมีคาเรนอยู่ด้วยไม่ได้อยู่กับหมอนั่นสองต่อสอง คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่
“เค งั้นตามนี้แยกย้ายไว้เจอกันที่มหาวิทยาลัยพรุ่งนี้” ยัยคาเรนเอ่ยสรุปบอกเพื่อนๆ ในขณะที่ฉันหันไปเห็นมือปลาหมึกของพี่ไคโรที่โอบไหล่ยัยคาเรนอย่างถือวิสาสะ
เห็นแล้วอยากเดินไปดึงมือของเขาออก
แต่ทำไม่ได้ไง ได้แต่คิด
พวกเรารอจน TAXI ที่สไมล์กับฌิรินมารับจนรถเคลื่อนออกไป ก่อนจะกลับมาขึ้นรถของพี่ไคไรด้วยกัน แน่นอนว่าคนที่นั่งหลังเป็นฉัน
ทว่าระหว่างทางที่รถขับออกไปได้สักพัก อยู่ ๆ ก็มีสายจากมือถือของคาเรนดังขึ้น
“อ่อค่ะ รถเสร็จแล้วใช่ไหม โหไวมากเลยค่ะ แต่นี่จะสองทุ่มแล้วอู่ยังไม่ปิดใช่ไหมคะ งั้นฉันไปรับรถได้เลยไหมคะ” คาเรนเอ่ยกับปลายสาย ที่เดาว่าน่าจะโทรมาจากศูนย์บริการรถที่ให้คนไปส่งซ่อมเมื่อเช้า
“โอเค งั้นฉันจะรีบไป” คาเรนกดตัดสายก่อนหันมามองที่ฉันและหันกลับไปมองที่พี่ไคโร
“ไปส่งน้องเอารถหน่อยดิ รถเสร็จละอะ ตอนเช้าจะได้ไม่รบกวนพี่มารับไง”
“แล้วทำไมไม่เอารถตอนเช้าล่ะ เดี๋ยวพี่ให้คนแวะมาเอาให้ก็ได้” พี่ไคโรหันไปตอบ ก่อนที่คาเรนจะเอี้ยวตัวเองไปกระซิบที่ข้างหูของเขา ซึ่งฉันได้ยินแค่ “มีนัด” อะไรสักอย่าง แต่ฟังไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่
“โอเค เอาแบบนั้นก็ได้” พี่ไคโรตอบ ก่อนจะหักพวงมาลัยไปอีกทาง ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเหวอเพราะไม่รู้จะยังไงต่อ
“นี่นาบี ฉันขอแวะไปเอารถที่อู่ก่อนนะพอดีช่างโทรมาว่ารถเสร็จพอดี แล้วเดี๋ยวฉันว่าจะเลยไปทำธุระนิดหน่อย ส่วนแกกลับกับพี่ไคโรของฉันเลยแล้วกัน”
หา!!