ตอนที่ 7 จ้าวเทียนอี้ /1

1249 Words
นครฉางอาน ปีที่ 2 ในรัชสมัยจักรพรรดิถังรุ่ยจง เมืองหลวงใหญ่แห่งแผ่นดินต้าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฉางอานมากมาย กำลังยืนมุงเพื่ออ่านแผ่นประกาศของวังหลวง เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้ว ว่าฮ่องเต้ถังรุ่ยจง จะทรงสละราชสมบัติให้กับพระโอรสองค์ที่สามพระนามว่า เจ้าชายหลี่หลงจี ทั้งนี้เพราะเหตุการณ์ในวังหลวงช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายหลังรัชกาลของบูเช็กเทียน สภาพการเมืองภายในราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย เนื่องจากถังจงจงอ่อนแอ อำนาจทั้งมวลตกอยู่ในมือของเหวยฮองเฮา ที่คิดจะยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับบูเช็กเทียน เหวยฮองเฮาหาเหตุประหารรัชทายาท จากนั้นได้วางยาพิษสังหารถังจงจงฮ่องเต้ โอรสองค์ที่สามของถังรุ่ยจง นามหลี่หลงจีภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงไท่ผิงชิงนำกำลังทหารบุกเข้าวังหลวงสังหารเหวยฮองเฮาและพวก ภายหลังเหตุการณ์องค์หญิงไท่ผิงหนุนถังรุ่ยจงขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งหลี่หลงจีเป็นรัชทายาท แต่แล้วองค์หญิงไท่ผิงพยายามเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขัดแย้งกับรัชทายาทหลี่หลงจี ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะมีเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ในปี 712 จักรพรรดิถังรุ่ยจงจึงสละราชย์สมบัติให้กับโอรส หลี่หลงจี เมื่อขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า ถังเสวียนจง “องค์ฮ่องเต้สละบัลลังก์ให้กับพระโอรสในวันนี้แล้วหรือนี่ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็มีฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วสิ” เสียงประชาชนเอ่ยถามทหารที่นำแผ่นประกาศมาติดตรงหน้าพระราชวัง “ใช่แล้ว! ตอนนี้องค์รัชทายาทหลี่หลงจี จะเสด็จขึ้นครองราชย์แทน พระองค์จะต้องนำความเจริญมาสู่แผ่นดินต้าถังอย่างแน่นอน ก็จงคิดสิ ขนาดเหวยฮองเฮากับพวกยังทรงจัดการจนอยู่หมัด แล้วกลุ่มคนที่คิดจะก่อกบฏต่อแผนดินมีหรือจะไม่ทรงกวาดล้างให้สิ้นซาก” ทหารจากวังหลวงประกาศให้ประชาชนของฉางอานได้พากันรับรู้ไปจนทั่ว เสียงเอ็ดอึงของพสกนิกรทุกหมู่เหล่ายังคงโจษขานไปทั่ว จนกระทั่งข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกระจายไปทั่วแผ่นดิน เพราะอีกไม่นานจะมีงานใหญ่ที่ประชาชนต่างตั้งตารอคอยว่าจักรพรรดิพระองค์ใหม่จะมีพระปรีชาสามารถดั่งเช่นถังไท่จงฮ่องเต้หรือไม่ ซึ่งในแผ่นดินต้าถังได้จารึกเอาไว้ว่ารัชสมัยของถังไท่จงคือยุคทองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด จนมีการบันทึกไว้ว่าเป็นยุคเจริญรุ่งเรืองรัชสมัยเจินกวนนั่นเอง ท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงของเหล่าพสกนิกร ภายในกลุ่มคนดังกล่าวปรากฏมีสายข่าวขององค์หญิงไท่ผิงรวมอยู่ในนั้นด้วยและข่าวการสละบัลลังก์ของฮ่องเต้ถังรุ่ยจงมีผลกระทบต่อองค์หญิงของตนอย่างยิ่งยวด สายข่าวมีจำนวนสามคนค่อยๆ เล็ดลอดออกจากกลุ่มคนตรงหน้าประตูเมืองเพื่อนำข่าวสำคัญนี้ไปรายงานเป็นการด่วน หากแต่หาได้รอดพ้นสายตาประดุจพญานกอินทรีของจ้าวเทียนอี้ แม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็นขุนศึกออกรบเคียงข้างกับเจ้าชายหลี่หลงจีมาโดยตลอด ทันทีที่เห็นสายข่าวขององค์หญิงไท่ผิง แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าเรียกทหารสองนายเข้ามาหาทันที “พวกเจ้าสองคนจงตามพวกมันไปห่างๆ จนกว่าจะล่วงรู้สถานที่ประทับขององค์หญิงไท่ผิง หลังจากนั้นค่อยส่งข่าวกลับมาหาข้าเพื่อเข้าถวายรายงานให้เจ้าชายล่วงรู้เข้าใจไหม” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ทหารสองนายรับคำสั่งอย่างแข็งขัน ก่อนจะแฝงตัวเข้าไปปะปนกับฝูงชนทิ้งระยะห่างเป้าหมายที่กำลังติดตามไม่ไกลจากสายตามากนัก จ้าวเทียนอี้กระชับดาบคู่ใจเอาไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อออกจากร้านเหล้าฝั่งตรงกันข้ามก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าเพื่อออกเดินทาง “ท่านแม่ทัพจะไปไหน! เพิ่งกลับมาจากเมืองฟั่นหยาง มิใช่หรือขอ รับ” ทหารคนสนิทเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงด้วยเหตุแม่ทัพของตนตรากตรำทำศึกมาโดยตลอด “ข้าจะไปลั่วหยาง มีราชการที่จะต้องรีบไปจัดการสักหน่อย อย่าอยากรู้อยากเห็นเสียทุกเรื่องเลยหยงอี้ ข้าจะไปไหนมาไหนมีปัญหานักรึ” แม่ทัพใหญ่เอ็ดเสียงดุทหารผู้ติดตามจนเจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างเห็นไรฟันเลยทีเดียว “ปัดโธ่! ก็ท่านแม่ทัพไม่ยอมบอกว่าจะไปลั่วหยาง ถ้าเช่นนั้นข้าขอติดตามไปด้วยนะขอรับ” หยงอี้ทหารรับใช้คนสนิทกล่าวขออนุญาต “จะไปทำไม! ก็บอกให้อยู่เป็นหูเป็นตาแทนที่นี่... มีอะไรจะได้ส่งข่าวข้าให้ล่วงรู้โดยเร็ว” แม่ทัพหนุ่มไม่วายที่จะไล่ตะเพิดทหารคนสนิทอยู่เช่นนั้น จนคนถูกไล่ที่ยิ้มจนแก้มฉีกแทบไปถึงหูเมื่อครู่ที่ผ่านมาเลือนหายไปโดยพลัน “ข้าก็แค่เป็นห่วงท่านแม่ทัพ เดินทางเพียงลำพังจะเป็นอันตรายเอาได้ มีเพื่อนเดินทางยังจะเป็นหูเป็นตากันได้บ้าง อีกอย่างลั่วหยางเป็นบ้านเกิดของข้า นี่ก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านเลยเพราะติดพันการทำศึก มิรู้ว่าท่านพ่อและท่านแม่จะเป็นเช่นไรบ้าง ป่านนี้ท่านทั้งสองคงคิดว่าข้าตายในสนามรบไปแล้วกระมัง คำกล่าวของหยงอี้ทำให้แม่ทัพหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนหลังม้าพร้อมเอ่ยขึ้น “เจ้าจากบ้านมาทำศึกกี่ปีแล้ว นับรวมมาทั้งหมดก่อนที่เจ้าจะมาขึ้นสังกัดอยู่กับข้า จนมียศเป็นถึงนายกองทัพหน้า เชื่อว่าถ้าพ่อและแม่ของเจ้าล่วงรู้จะต้องยินดีไปกับเจ้าด้วยเป็นแน่แท้... เอาเถอะ! ข้าจะให้เจ้าติดตามไปด้วยและถือโอกาสนี้กลับบ้านไปพักผ่อนที่บ้านเกิดของเจ้า เมื่อครบกำหนดที่ข้าจะต้องกลับฉางอานจึงค่อยกลับพร้อมกัน” คำกล่าวของแม่ทัพใหญ่ทำเอาเจ้าตัวที่หน้าสลดเมื่อเพียงครู่แปร เปลี่ยนไปทันทีด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด “ขอบคุณท่านแม่ทัพ! ขอบคุณท่านแม่ทัพ!” หยงอี้โค้งคำนับแล้วคำนับอีก ทันใดนั้นเอง ทหารในวังหลวงกำลังขี้ม้าตรงมาที่จ้าวเทียนอี้ ซึ่งกำลังสนทนากับทหารคนสนิทของตน “ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!” เสียงเรียกรั้งร่างให้แม่ทัพหนุ่มหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมาตามเสียงเรียกดังกล่าว พร้อมๆ กับทหารจากในวังมาถึงตรงหน้าพอดี “เจ้ามีการสิ่งใดกับข้าเช่นนั้นรึ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชายหลี่หลงจี มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้ขอรับ!” “เช่นนั้นรึ!” แม่ทัพหนุ่มตอบกลับไปเพียงสั้นๆ พลางหันกลับไปสั่งการกับทหารคนสนิท “เจ้าจงรีบไปเตรียมม้าแล้วจัดสัมภาระเพื่อเดินทางไกลมาด้วย อีกหนึ่งชั่วยามไปรอข้าที่หน้าประตูเมือง ข้าจะกลับเข้าในวังเสร็จธุระแล้วจะได้ออกเดินทาง” “ขอรับท่านแม่ทัพ” แม่ทัพหนุ่มรูปงามบังคับม้าให้หันกลับไปทิศทางที่จะต้องเข้าไปในพระราชวัง ก่อนจะขี่ม้าห้อตะบึงบ่ายหน้าเข้าสู่ประตูวังอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD