4
Yoghurt’s part
ฉันนั่งมองหน้าจอสมาร์ตโฟนขณะที่นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีใกล้ ๆ บ้าน มุมปากยกขึ้นยิ้มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ มันอดตลกกับสเตตัสของคนที่เพิ่งแอดไลน์มาไม่ได้จริง ๆ
มันน่าแปลกที่เขาขอ ‘ซื้อ’ ฉันโต้ง ๆ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกกลัวเขาเลย ไม่เกี่ยวกับเงินที่เขาเปย์มาหรอกนะ ต่อให้ไม่เปย์ก็รู้สึกอย่างนั้น เขาดูไม่ใช่คนน่ากลัว เขาดูเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ มากกว่า
สเตตัสไลน์ของเขา ‘คิดถึงอาหารไทยโดยเฉพาะโยเกิร์ต’ ดูสิ ไม่บ้าบอได้ไง ฉันเพิ่งรู้ว่าโยเกิร์ตจัดเป็นอาหารไทยก็วันนี้แหละ และเขาก็ยังไม่ได้บินเลยมั้งแต่บ่นถึงอาหารไทยแล้ว…ฉันก็ไม่ใช่คนใส ๆ ขนาดนั้น ฉันรู้ว่าเขาตั้งใจตั้งถึงฉันนั่นแหละ
ได้ยินว่าจะถึงสถานีปลายทางแล้ว ฉันจึงเก็บสมาร์ตโฟนไว้ในกระเป๋าอย่างเดิม…
กลับมาถึงบ้าน ฉันยังไม่ขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง แต่ไปที่ที่ดินอีกแปลงหลังบ้านซึ่งมีบ้านหลังเล็กแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นอยู่ตรงนั้น
“กลับมาแล้วค่าแม่ยอ” ฉันสวมกอดแม่ยอไว้จากทางด้านหลัง ท่านกำลังคนแกงส้มในหม้ออยู่ มืออีกข้างมีถ้วยน้ำมะขามเปียกอยู่ และในวินาทีถัดมาถ้วยนั้นก็ถูกวางลง
“แม่กำลังจะโทรหาอยู่พอดี”
“โทรหาโยทำไมคะ”
“ก็จะถามว่ากลับถึงบ้านกี่โมงน่ะสิ แล้วนี่โยกินอะไรมาหรือยัง”
“ยังค่ะ เก็บท้องไว้มากินแกงส้มฝีมือแม่ยอ” ฉันกระชับกอดหญิงวัยกลางคนให้แน่นขึ้น เวลาที่เหนื่อยล้าไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจก็มีแต่แม่ยอที่ช่วยเติมพลังให้ฉันได้
“ขี้อ้อนจังนะ” แม่ยอส่งฝ่ามืออบอุ่นมาลูบแก้มฉันอย่างเบามือ “ไปล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวมากินข้าวกันลูก”
“ค่ะ” ก่อนจะเดินไปล้างมือตามคำสั่งของแม่ยอ ฉันกดจมูกหอมแก้มท่านไปฟอดใหญ่
“เพิ่งกลับเหรอมึง” ลูกหมีเดินออกมาจากห้องนอนแล้วเอ่ยทักฉันขึ้นมา
“ช่าย” ฉันตอบพลางแกล้งสะบัดมือให้หยดน้ำที่เกาะอยู่กระเด็นใส่ลูกหมี
“อีโย เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่ว่ามึงเล่นอะไรสกปรก”
“แม่มึงก็แม่กูอะ”
“ไม่ใช่ นั่นแม่กูค่ะ”
“แม่กูจ้ะ แม่กู!” ฉันเท้าเอวลอยหน้าลอยตาเถียงกับลูกหมีอย่างไม่ยอมแพ้ มันเป็นเรื่องปกติที่เราสองคนจะแย่งแม่กัน ไม่สิต้องบอกว่าฉันนี่แหละที่แย่งแม่ของลูกหมี
“อะ ๆ พอ ๆ ลูกแม่ทั้งคู่นั่นแหละ” แม่ยอถือถาดที่มีจานอาหารวางอยู่ 2จานออกมาจากห้องครัว ท่านห้ามศึกด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
“แต่โยรักแม่มากกว่าลูกหมีอีก”
“กูรักมากกว่า!” ลูกหมียังคงไม่ยอมแพ้ จนคนเป็นแม่หัวเราะร่า และพ่อของลูกหมีก็เดินออกมา
“แล้วอย่างนี้พ่อจะมีลูกไหมเนี่ย” อาชาติเอ่ยออกมาอย่างยิ้ม ๆ ลูกหมีก็เลยเข้าไปกอดพ่อแทน
“ลูกหมีลูกพ่อไง นางโยเป็นลูกแม่ไปเลยไป๊” ลูกหมีแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฉัน ฉันก็ไม่ยอมแพ้แลบกลับไปสิจะรอไร!
แต่แล้วฉันก็รู้ว่าไม่ควรไปแลบลิ้นใส่ยายลูกหมี เพราะยายนั่นแกล้งเอานิ้วป้ายลิ้นฉัน
“อี๋ ลูกหมี”
“กูล้างมือสะอาดแล้วเหอะ”
“สะอาดตรงไหน เค็ม!”
“อ๋อลืมไป เมื่อกี้เดินเกาตูดมา”
“ลูกหมี!” ฉันก็รู้ว่ามันแกล้งแต่ฟังแล้วก็จะอ้วกจริง ๆ
ยายลูกหมีรีบวิ่งหนีม้วนหนังสือพิมพ์ที่ฉันง้างทำท่าจะฟาดใส่ ฉันเลยวิ่งไล่จนเราทั้งสองต้องหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู ฉันลดมือลงมาแนบลำตัวพลางสบตากับบุคคลที่กำลังเดินเข้ามา
“พ่อมาทำไม” ฉันถาม แต่ท่านมองผ่านฉันราวกับไม่อยากเห็นหน้าและแทรกกายเข้ามาในบ้าน ฉันจึงต้องร่นตัวถอยหลบให้พ่อได้เดินเข้ามา
“เดี๋ยวไปทำอะไรให้เยลลี่กินหน่อยนะ เห็นว่าจะถึงบ้านสี่ทุ่ม กลับบ้านมาคงจะหิวน่าดู” พ่อบอกกับน้องสาวตัวเอง ซึ่งแม่ยอก็พยักหน้ารับ แม่ยอก็เป็นงี้ที่บ้านใหญ่ให้ทำอะไรก็ยอมทำอย่างว่าง่าย จนไม่มีใครเกรงใจ
“แล้วกับข้าวที่แม่ยอทำไว้ตอนเย็นล่ะ” ฉันถามขึ้นมา ปกติแม่ยอจะช่วยงานบ้านที่บ้านใหญ่ด้วย อาหารการกินแม่ยอจะเป็นคนจัดเตรียม แม่บ้านที่บ้านนั้นมีคนเดียวแม่ยอถึงได้ช่วยดูแลเรื่องที่บ้านด้วย
“เททิ้งไปแล้ว ตอนแรกเยลลี่จะกินมาจากข้างนอก แต่ดันเปลี่ยนใจ”
“งั้นก็ให้ซื้อเข้ามาสิคะ จะให้แม่ยอเหนื่อยอีกทำไม หน้าปากซอยก็มีร้านอาหาร” สี่ทุ่มยังพอมีร้านอาหารเปิดอยู่บ้าง อย่างไรก็ไม่อดหรอก
“น้องกลับมากินที่บ้านก็ดีอยู่แล้ว จะซื้อข้างนอกให้เปลืองทำไม แล้วฉันก็ไม่ได้ให้แกทำ แกไม่ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนอาของแก”
“แม่ยอเหนื่อยมาทั้งวันแล้วค่ะ เกรงใจแม่ยอบ้างสิ ถ้าต้องรบกวนคนอื่นไปทำให้ก็ซื้อกินเหอะ ข้าวกล่องหนึ่งจะสักกี่บาทเชียว”
“ถ้างั้นแกก็จ่ายให้น้องก็แล้วกัน!” พ่อพูดกระแทกเสียง
“ได้ค่ะ” ฉันเชิดหน้าตอบพ่อ มันจะสักกี่บาทกันเชียว ทีอย่างนี้ซื้อไม่ได้ “ถ้าพ่อคอยหาข้าวให้โยกินแบบนี้ก็คงดีนะคะ”
พ่อมองหน้าฉันด้วยสายตาที่แสดงถึงความไม่พอใจแล้วเดินหนีออกจากบ้านไป แม่ยอลูบแขนฉันอย่างเบามือคล้ายกับปลอบประโลมไม่ให้ฉันรู้สึกแย่
“โยกลับบ้านดึกเพราะไปทำงาน แต่ไม่เคยมีอะไรไว้ให้โยกินเลยค่ะ แต่น้องไปรับศิลปิน พ่อรีบมาหาข้าวไว้ให้” ฉันเอ่ยออกมาด้วยความน้อยใจ รู้สึกร้อน ๆ ที่ขอบตาจึงแหงนหน้าขึ้นเพื่อไล่หยาดน้ำสีใสให้กลับเข้าไปไม่ไหลร่วงลง
“ก็แม่จะทำไว้ให้โย โยก็ไม่เอา” แม่ยอคลี่ยิ้มออกมา ฉันรู้ว่าแม่ยอจะเปลี่ยนประเด็นเพื่อไม่ให้ฉันจมอยู่กับความรู้สึกนี้
“อิจฉามึงจังลูกหมี มีทั้งพ่อทั้งแม่ แถมพ่อแม่ยังรักมึงมากด้วย” ฉันหันไปพูดกับลูกหมีพลางแค่นยิ้มออกมาราวกับสมเพชตัวเอง
แม่แท้ ๆ ก็ตายจาก…พ่อแท้ ๆ ก็ไม่สนใจ
“พูดมาได้นะนางโย แม่กูรักมึงจะตาย จนตอนนี้กูต้องทวงความรักคืนมาเนี่ย” ลูกหมีแหวใส่
“อาก็รักโยมากกว่าลูกหมีอีกนะลูก” อาชาติเอ่ยออกมาพร้อมส่งยิ้มให้
“อ้าวพ่อ” ลูกหมีทำหน้างอแล้วเชิดหน้าขึ้น
“ฮ่า ๆ” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ น้ำตาที่ซึมอยู่บริเวณขอบตาแม่ยอก็ช่วยเช็ดออกให้
“เห็นมะกูบอกแล้วว่าพ่อแม่กูรักมึงมากกว่ากูอี๊ก” ลูกหมีพูดยิ้ม ๆ
“กินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด” อาชาติเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร
“กูอยู่ข้าง ๆ มึงเสมอนะ” ลูกหมีคว้ามือฉันไปจับไว้แล้วเอ่ยออกมา ฉันพยักหน้าให้พลางยิ้มแล้วกระชับมือลูกหมีไว้ แกว่งแขนข้างที่ประสานมือกันแล้วพากันเดินเข้าไปในครัวเพื่อที่จะตักข้าวใส่จานแล้วเอาออกมาวางที่โต๊ะ ส่วนลูกหมีตักแกงส้มใส่ชามแล้วถือตามออกมา
หลังจากที่อิ่มท้องแล้วฉันนั่งเล่นกับลูกหมีบนห้องเพื่อที่จะดูร้านเสื้อผ้าร้านโปรดที่ชอบไปแย่งกันจอง
“ทำไมไม่ทำไซซ์ใหญ่ ๆ หน่อยคะพี่ ไม่นึกถึงกะเทยอย่างหนูเลย” ลูกหมีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ชุดรอบนี้ทางร้านบอกว่าฟรีไซซ์แต่มันสั้นและเล็กเกินไปสำหรับลูกหมี ยายนี่ตัวสูงตั้ง 180 ใส่ไม่ได้แน่นอน
“ช่วยกูเอฟสิ” ยายลูกหมีใส่ไม่ได้แต่ช่วยฉันจองได้ งั้นก็จงช่วยกันกดจองซะก่อนที่จะหมด
และในที่สุดลูกหมีก็ช่วยฉันกดจองได้สำเร็จ ระบบดูดเมนต์ฉันและทักมาให้โอนเงิน ฉันรีบเอาสมาร์ตโฟนมากดโอน จึงทำให้เห็นข้อความจากไลน์ที่ค้างอยู่
“โอนสิมึง เดี๋ยวก็ถูกตัดสิทธิ์หรอก” ลูกหมีเอาศอกกระทุ้งสีข้าง ฉันจึงละความสนใจไลน์ไว้แล้วกดเข้าแอปธนาคารจัดการโอนเงินให้ร้าน รีบแจ้งที่อยู่พร้อมแนบสลิปก่อนที่จะเลยเวลา…