ตอนที่ 2 แม่หม้ายลูกแฝด
เพล้ง!!!...
เสียงแตกกระจายของถ้วยดินเผาตกกระทบพื้น พร้อมกับน้ำยาสีดำที่ไหลเจิ่งนอง ปู้เฟยเทียนแฝดพี่ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น เศษกระเบื้องกรีดลงบนหัวเข่า เลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผล ซูฮุ่ยหมิงเบิกตามองพร้อมกับเด้งตัวขึ้นหมายจะไปอุ้มเด็กชายขึ้นมา ทว่าบนร่างกายตัวเองก็มีร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงห้อยติดอยู่ เธอชะงักนิ่งพลางยกคิ้วกำลังจะอุ้มเด็กหญิงลง ทว่าเสียงแหบพร่าของเด็กชายก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"แม่ครับ...ไม่ต้องการพวกเราแล้วเหรอครับ พวกเราทำอะไรผิดหรือเปล่า แม่บอกพวกเราได้ไหมครับ" เฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมอง สองมือกำแน่นวางอยู่บนหัวเข่าตนเอง ดวงตาของเขาแดงก่ำจนแทบจะเป็นสีเลือดเช่นเดียวกับหัวเข่านั้น
"แม่คะ...พวกเราจะออกไปขอเงินที่ตลาด พวกเราจะไม่ไปบ้านย่าอีก แม่อย่าเกลียดพวกเราเลยนะคะ" ปู้เฟยหงแฝดน้องกอดรัดร่างอรชรเอาไว้แน่น เด็กน้อยซบหน้าลงที่หัวไหล่พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลจนเปียกชุ่มไปที่เสื้อของคนเป็นแม่
"ต้องไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้ว เด็กดีลุกขึ้นมาก่อนได้ไหม ให้ฉันดูแผลเธอสิ หัวเข่าเลือดไหลไม่หยุดแล้ว" ซูฮุ่ยหมิงอุ้มเฟยหงนั่งลงที่เตียง และเดินไปอุ้มเฟยเทียนที่พื้นขึ้นมาอย่างเบามือ
มองเห็นเลือดสีแดงที่ไหลออกมา หัวใจก็บีบรัดอย่างหนักซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เช่นกันว่า เพราะเหตุใดต้องรู้สึกเช่นนี้ เด็กทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย อยู่ ๆ ซูฮุ่ยหมิงก็ทรุดตัวนั่งลงตรงขาเล็ก ๆ ของเด็กทั้งสอง ภาพตรงหน้าพร่ามัว ศีรษะเอนซบลงบนเตียงเหมือนกับว่าหัวของเธอหนักจนไม่สามารถยกขึ้นได้ เด็กทั้งสองเห็นอย่างนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก ต่างก็ตะโกนร้องเรียกขึ้นมา ทว่าซูฮุ่ยหมิงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ เสียงโหวกเหวกของเด็กน้อยพลันเงียบลง พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของใครบางคนดังขึ้นมาแทน
"ไม่เป็นไรจ้ะ ขอฉันพักแป๊บเดียวนะ" เด็กหญิงเฟยหงยังคงสะอื้นจนตัวโยน ทว่าฝ่ามือด้าน ๆ ของพี่ชายก็วางลงที่มือเล็ก ๆ ของเธอ เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นพี่ชายพูดโดยไม่ออกเสียง
"อย่าร้องแม่ไม่ชอบ เดี๋ยวถูกตี" เฟยหงรีบฮึบตัวเองทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น สองพี่น้องบีบมือกันส่งผ่านกำลังใจให้กันและกัน พร้อมทั้งก้มลงไปมองแม่ที่ยังคงนั่งฟุบหน้าบนขาของพวกเขา ด้วยความหวาดกลัว
ถึงแม้แม่จะชอบด่าและตีพวกเขาอยู่บ้าง แต่แม่ก็ไม่เคยทอดทิ้งพวกเขาไปไหน ครั้งนั้นย่าพยายามจะแยกเขาไปให้บ้านอารองเลี้ยง แม่ก็ไม่ยอมแม่บอกว่า เขากับเฟยหงเป็นฝาแฝดกันให้ตายอย่างไร ก็จะไม่ให้ใครมาแยกออกจากกัน ซึ่งต่อให้ใครต่อใครบอกกับเขาว่าแม่ไม่ดีอย่างไร ที่อยากเก็บเขาไว้เพื่อให้เขาหาเงินเข้าบ้าน แล้วอย่างไรล่ะ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน ก็ต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขากับน้องก็รักแม่มาก หากแม่อยากให้เขากับน้องไปขอเงินที่ตลาด เขาก็จะไป จะไม่ดื้ออีกแล้ว เฟยเทียนกำมือแน่นดวงตาคมเป็นประกายขึ้นมา มาดมั่นตั้งใจเอาไว้แน่วแน่ว่าต่อไปนี้จะต้องหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เด็กทั้งสองจ้องมองแม่ที่ฟุบหน้าพลางตัวสั่น หัวเข่าที่เลือดไหลไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับหัวใจที่หวาดกลัวอีกแล้ว แม่อย่าเป็นอะไรเลย พ่ออย่าพาแม่ไปเลยนะ ขอร้องละ...
ซูฮุ่ยหมิงหน้ามืดได้แต่ฟุบหน้าลง เรี่ยวแรงไม่มีหลงเหลืออยู่อีก ยิ่งภาพต่าง ๆ ไหลเข้ามาในหัวเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งส่งเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดมากเท่านั้น น้ำตาไหลออกจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย เรื่องราวต่าง ๆ ผุดขึ้นมาดังดอกเห็ด ร่างกายที่อ่อนแอนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่นับจากนี้ไปจะเป็นของเธอแล้ว เจ้าของร่างเดิมทิ้งร่างตัวเองไปแล้ว ทว่าวิญญาณกลับยังคงร่ำไห้ ฝากฝังให้เธอดูแลเด็กทั้งสอง แน่นอนว่าเสียงนั้นเด็กน้อยย่อมไม่ได้ยิน เพราะมันดังแค่ในหัวเธอเท่านั้น
'ขอร้องละฝากลูกฉันด้วย ฉันไม่สามารถอยู่กับพวกเขาได้อีกแล้ว'
'แล้วเธอจะไปไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยู่นะ ลูกเธอเธอก็ดูแลเองสิ' ซูฮุ่ยหมิงตอบออกไปอย่างไม่ยินยอม พยายามมองจ้องผ่านความมืดหาหญิงสาวเจ้าของเสียงร้องที่น่าเวทนานั้น ไม่นาน!!!...ร่างกายผอมแห้งใบหน้าซูบตอบก็ออกมาจากเงามืด ทว่าใบหน้านั้นเหมือนเธอยิ่งนัก หญิงสาวตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ คนเรามันจะเหมือนกันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
'ฉันไม่มีเวลาแล้ว เธอต้องดูแลเขาให้ดี รักพวกเขาแทนฉันด้วย ฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีกับพวกเขาเลย ฉันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ถึงฉันจะเป็นแม่ที่ไม่ดี แต่วันที่ฉันคลอดพวกแกมา ฉันไม่เคยเสียใจเลย ตั้งแต่สามีตายทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความจนมันกัดกินจิตใจฉันจนเผลอทำร้ายพวกแก ฉันเสียใจ ขอร้องละทำหน้าที่แม่แทนฉันด้วย' เงาร่างนั้นหยุดพูดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งกอดตัวเองสะอื้นไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ซูฮุ่ยหมิงมองเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตของผู้หญิงคนนั้นจนหมด จะบอกว่าเธอเป็นแม่ที่ไม่ดีก็ไม่ใช่ ยิ่งไม่ควรใช้คำว่าจนมาบิดเบือนจิตใจตัวเอง หากจะให้ซูฮุ่ยหมิงพูดจริง ๆ ละก็ บอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นสารเลวเป็นอย่างมาก คนเป็นแม่ไม่ควรทำอย่างนั้นกับลูก เธอไม่ยกเฟยเทียนให้ย่า เพราะคิดว่าลูกชายหาเงินเข้าบ้านได้ จิตใจที่รักลูกไปไหนหมด ชั่วเอ๊ย!!!...บังคับลูกไปขอทาน นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังผิดความเป็นมนุษย์อีกด้วย ทว่าก่อนที่จะได้ด่าออกไป วิญญาณน่ารังเกียจนั่นก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
'อีกอย่างเธอก็ไม่สามารถกลับไปโลกเดิมได้อีกแล้ว เพราะร่างกายเธอถูกฝังลงดินแล้ว เธอตายไปแล้ว ฉันมอบร่างกายให้เธอ แต่ขอแค่...ดูแลลูกฉันให้ดี ชดเชยสิ่งที่แม่ชั่ว ๆ อย่างฉันทำไม่ได้ ฝากเธอด้วย'
"ไม่!!!...กลับมาก่อน มาคุยกันให้รู้เรื่อง!!!..." เงาร่างนั้นลอยหายไปจากความคิด พร้อมกับเสียงเรียกอย่างไม่ยินดีของเธอ
"แม่ครับแม่เรียกใครครับ" ซูฮุ่ยหมิงดันตัวเองขึ้นมา อาการปวดหัวก่อนหน้านั้นพลันหายไปจนสิ้น เธอสบสายตาเข้ากับเด็กน้อยทั้งสอง ความหวาดกลัว ความสิ้นหวังสะท้อนออกมา อย่างปิดไม่มิด หญิงสาวส่งมือขึ้นไปวางบนศีรษะเล็ก ๆ ของทั้งคู่ทว่าก็เหลือบเห็นบาดแผลบนหัวเข่าเลือดยังคงไหลออกมา พร้อมทั้งเศษกระเบื้องยังคาอยู่ เธอสูดลมหายใจเข้าสะท้านในอก
"ตายจริงเฟยเทียนแม่ขอโทษ ลูกเจ็บหรือเปล่า นั่งเฉย ๆ นะแม่จะทำแผลให้"
"แม่ครับผมไม่เจ็บ เดี๋ยวผมไปล้างน้ำเปล่าเองครับ แม่ขึ้นมานอนพักเถอะ และไม่ต้องขอโทษผม ผมทำตัวเอง" เฟยเทียนรีบดึงแขนเสื้อแม่ของเขาเอาไว้ เขากระโดดลงจากเตียงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เจ็บเลยสักนิด ทว่าซูฮุ่ยหมิงก็ยังเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของลูกชายอยู่ดี เฟยหงเห็นอย่างนั้นก็รีบขยับตัวเองออกจากเตียงบ้าง แม่จะได้นอนพัก
"ใช่ค่ะเดี๋ยวหนูจะไปช่วยอาเทียนทำแผลเอง แล้วเราค่อยต้มยาให้แม่ใหม่นะคะ แม่ขึ้นมานอนเถอะ" เฟยหงเขย่ามือแม่กระตุ้นให้ขึ้นมานอน
หัวใจซูฮุ่ยหมิงปวดหนึบไปหมด ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เด็ก ๆ ต้องเจอเธอก็ยิ่งสงสาร เอาเถอะในเมื่อเธอกลับไปโลกเดิมไม่ได้แล้ว เช่นนั้นเด็กทั้งสองเธอจะเลี้ยงดูเอง เคยอ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง คนอื่นทะลุมิติไปเป็นเมียท่านอ๋องบ้าง ไปเป็นเมียทหารบ้าง แต่เธอดันทะลุมิติมาเป็นแม่หม้ายลูกแฝด แถมผัวก็ถูกงูกัดตายตอนไปหาของป่าอีกด้วย เฮ้อ...จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน ชาติที่แล้วเธอพยายามจะมีลูกเป็นอย่างมาก แต่ก็ตรวจพบว่าเป็นหมัน ในเมื่อชาตินี้เธอมีลูกแล้ว สามีไม่ต้องมีก็ได้ เพราะถ้ามีจริง ๆ ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องใช้ชีวิตกันยังไง หญิงสาวยิ้มออกมา ดวงตาทอประกายอ่อนโยน จนเด็กทั้งสองจ้องมองจนลืมหายใจ ตั้งแต่พ่อตาย แม่ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย ทั้งสองจ้องมองจนเหมือนคนโง่งม รอยยิ้มของแม่สวยถึงเพียงนี้ หากยิ้มบ่อย ๆ จะดีเพียงใดนะ
"เด็กดีเชื่อฟังแม่นะจ๊ะ เสี่ยวเทียนนั่งลงดี ๆ บนเตียง ดูสิเลือดไหลออกเยอะแล้ว และทีหลังห้ามคุกเข่าแรงแบบนั้นอีก ส่วนหนูเสี่ยวหง หนูต้องช่วยแม่จับตาดูพี่ชายให้ดี ๆ ถ้าลงจากเตียงละก็ ฮึ่ม!!!..." เด็กทั้งสองสะดุ้งกับคำขู่ของแม่ ทว่าเสียงหัวเราะที่สวนทางกับคำขู่ก็ทำให้เด็กน้อยงงเป็นอย่างมาก ตกลงแม่โกรธหรือไม่โกรธกันแน่นะ แต่ทั้งคู่ก็ชอบที่แม่ห่วงใยแบบนี้เหลือเกิน ยิ่งได้ยินคำว่าเสี่ยวเทียน เสี่ยวหง ที่แม่ไม่เคยเรียกมาก่อน หัวใจเล็ก ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมา คำเรียกของแม่ ดูรักพวกเขาเป็นอย่างมาก อยากให้แม่เรียกแบบนี้ตลอดไปจังเลย...