Jennie Talk
"พ่ออยากให้ลูกไปอยู่บ้านเพื่อนพ่อสักพัก"
ฉันเงยหน้าจากจานข้าวและมองหน้าพ่อ ฉันเข้าใจในเหตุผลของพ่อนะแต่ก็ใช่ว่าจะเต็มใจทำตามความต้องการของท่าน ในสถานการณ์แบบนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาหนีปัญหา พ่อเป็นห่วงฉันพอๆกับที่ฉันเป็นห่วงพ่อและแม่ ฉันไม่อยากนั่งหลบและรอให้คนอื่นมาคอยปกป้อง
"ไม่ไปได้มั๊ยคะ?"
"พ่อเป็นห่วง"
"แต่หนูทิ้งพ่อกับแม่ไม่ได้"
ฉันเถียงด้วยเหตุผลของตัวเอง ถึงจะแอบหวั่นว่าฮอร์สจะทำอะไรบ้าๆอีก แต่ฉันคงปล่อยให้พ่อกับแม่เผชิญปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้
"พ่อกับแม่จะไปอยู่ที่อื่นสักพัก"
"ที่ไหนคะ?"
ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม่รักและติดบ้านหลังนี้มาก ฉันคิดไม่ออกเลยว่าแม่จะยอมไปอยู่ที่อื่นกับพ่อได้ยังไง
"พ่อจะพาแม่ไปพักผ่อนริมทะเล"
"นานแค่ไหนคะ?"
"จนกว่าแม่จะสบายใจ"
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้แม่ใจเสียมากพอสมควร แม่ซึมเศร้าไปหลายวัน เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องและดูเคร่งเครียดมาก ยิ่งเห็นสภาพเเม่เป็นแบบนั้นฉันก็ยิ่งโกรธและเกลียดไอ้ฮอร์สจนอยากจะฆ่ามันให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ
...ฉันไม่ใช่คนดีที่จะให้อภัยได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้
โดยเฉพาะให้อภัยคนเลวๆแบบไอ้ฮอร์ส ฉันคงทำให้ไม่ได้
"แล้วเพื่อนที่พ่อว่า..."
"เพื่อนสมัยประถมพ่อเอง ไว้ใจได้"
ฉันพยักหน้าแม้ในใจจะยังไม่มั่นใจในตัวเพื่อนพ่อที่ฉันจะต้องไปอยู่ด้วย ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หน้าตาแบบไหน ทำงานอะไร นิสัยใจคอเป็นยังไงแล้วที่บ้านเขามีใครบ้าง ฉันไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากมีเรื่องเข้ามาจุกจิกใจอีก
"ขอลองคิดดูสักพัก"
"พ่ออยากให้ลูกตอบตกลงมากกว่าปฏิเสธ"
เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของพ่อแล้วฉันก็ปฏิเสธไม่ลงได้แต่นิ่งคิดไปสักพักก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า
"เพื่อนพ่อคนนี้ไว้ใจได้ลูกไม่ต้องเป็นห่วง"
พ่อวางมือลงบนไหล่ฉันและเอ่ยขึ้นคล้ายกับรู้ว่าฉันกำลังเป็นกังวล มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอที่คนเราเมื่อต้องออกไปอยู่ที่อื่นก็ต้องคิดมากกันทั้งนั้น ยิ่งบ้านที่ไม่ใช่บ้านของเราแล้วก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวได้ยังไงเหมือนกัน
...หวังว่าเพื่อนพ่อจะใจดีกับฉัน
เราหวังว่าคนที่นั่นจะต้อนรับฉันเช่นกัน ไม่งั้นฉันคงอึดอัดใจแย่
เสื้อผ้าของฉันถูกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่และถูกนำลงมาวางกลางโถงบ้านเพื่อรอคนจากบ้านเพื่อนพ่อมารับ ฉันนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆมีแม่ที่นั่งอยู่ด้วย ท่านชำเลืองมองฉันเป็นระยะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
"ลูกอดทนหน่อยนะ"
แม่เอ่ยเสียงสั่นเครือพร้อมกับกุมมือฉันแน่น
"หนูโอเคค่ะ แม่ไม่ต้องกังวลนะ"
ทั้งที่ในใจไม่รู้สึกโอเคเลยสักนิดแต่ฉันก็ต้องบอกแม่ไปแบบนั้นเพื่อให้ท่านสบายใจมากที่สุด แม่ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาก่อนที่เสียงรถจะดังขึ้นหน้าบ้าน
"มากันแล้วมั้ง"
แม่ว่างั้นพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปดู ฉันลากกระเป๋ามาหน้าบ้านก่อนจะเห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่ตรงหน้าตัวเอง
"เปอร์"
ในใจที่หนักอึ้งเบาลงไปมากเมื่อเห็นว่าคนที่ฉันต้องไปอยู่ด้วยเป็นใคร ตอนแรกฉันเป็นกังวลแทบตาย ถ้ารู้ว่าเป็นครอบครัวเปอร์ที่ฉันต้องไปอยู่ด้วยคงไม่รู้สึกเครียดแบบนี้
ฉันมองคนตัวสูงที่ยกกระเป๋าขึ้นเก็บหลังรถ เขาถอดแว่นตาสีดำออกก่อนจะยกมือไหว้แม่ฉัน ส่วนพ่อกำลังคุยกับพ่อของเปอร์อีกด้านหนึ่งของบ้าน
"ฝากด้วยนะเปอร์"
"ครับแม่"
ในใจฉันรู้สึกพองโตที่ได้ยินสรรพนามที่เขาเรียกแม่ของฉันอย่างสนิทสนม อาจเพราะยังหวั่นไหวอยู่มั้ง ไม่ว่าเปอร์จะทำอะไรก็ดึงดูดความสนใจฉันไปได้หมดนั่นแหละ
"ขึ้นรถก่อน"
ฉันขึ้นมานั่งบนรถกับเปอร์ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่วนฉันก็นั่งมองเขาอีกทีพร้อมกับเผลอยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัวท เมื่อวานฉันยังรู้สึกแย่อยู่เลยแต่ทันทีที่เห็นหน้าเขาความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้นมันก็หายไปในพริบตา
เปอร์เป็นคนที่ฉันสนิทสนมและไว้ใจมาก ขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆไม่ว่าจะต้องเจออะไรฉันก็ไม่หวั่นเพราะฉันเชื่อว่าเขาจะปกป้องฉันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
...ความรู้สึกในใจของฉันมันบอกแบบนั้น
มันเหมือนกับว่าฉันคิดไปเองแต่ฉันกลับรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
"หายเครียดยัง?"
เข้าละสายตาจากจอโทรศัพท์ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
"ก็หายแล้ว"
"พ่อเล่าให้ฟังว่าเธอเครียดมาก"
"ก็นิดนึง"
"ไม่นิดหรอก"
ฉันหลับตาลงเมื่อเปอร์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนที่นิ้วมือของเขาจะแตะลงระหว่างคิ้วฉัน
"หน้ายับเป็นกระดาษแบบนี้ยังบอกว่าไม่เครียดอีก"
"ตอนแรกก็เครียดนั่นแหละ แต่พอเจอหน้านายมันก็หาย"
เขาเลิกคิ้วก่อนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ฉันเผลอยกมือทาบลงบนอกข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัวเพราะการกระทำของเขาที่ส่งผลต่อใจอย่างรุนแรง
...อีตาบ้า!
"ไอ้ฮอร์สมันยังมาระรานเธออยู่หรือเปล่า?"
"ไม่นะ"
หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นฮอร์สก็เงียบๆหายไปไม่ได้มาระรานอะไรฉันอีก แต่นั่นแหละ คนแบบมันจะไว้ใจอะไรได้ ยังไงซะฉันก็ต้องระวังตัวอยู่ดี
...ประมาทคนแบบฮอร์สไม่ได้หรอก
คนชั่วๆแบบมันทำได้ทุกอย่างเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น