บทที่ 4

1302 Words
“โธ่!...พ่อเลี้ยงครับ พวกผมเล่นกันนิดๆ หน่อยๆ เองครับ แล้วทุกคนในไร่ก็อยากได้ลายเซ็นของคุณรดากันทั้งนั้น พ่อเลี้ยงดูสิครับพวกมันพากันฝากกระดาษมาให้คุณรดาเซ็นต์เป็นปึกเลยครับ” ชาญยื่นกระดาษแผ่นเล็กสีขาวปึกใหญ่ให้พ่อเลี้ยงดูเป็นหลักฐาน “พวกมึงนี่นา...พากันไปกินข้าวได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า เอาไว้ขอลายเซ็นต์แม่ดาราพรุ่งนี้ก็ได้ กูว่าเขาเจอยานอนหลับของไอ้มะ...เอ๊ย!...ไอ้หมอไปคงยังไม่ฟื้นง่ายๆ หรอก” ธิปรกยิ้มทางสายตาแอบแขวะเพื่อนรักนิดๆ หมอประวิทย์ถึงกับทำหน้าตึงเมื่อโดนพ่อเลี้ยงกัดไม่เลิก “พวกผมไปก็ได้ครับ พ่อเลี้ยงครับผมฝากกระดาษไปด้วยครับถ้าคุณรดาฟื้นแล้วให้เธอหยิบมาเซ็นต์หนึ่งใบนะครับ ใบไหนก็ได้พวกผมเขียนชื่อติดไว้ตรงมุมกระดาษแล้ว อย่าลืมนะครับและถ้าพ่อเลี้ยงกับคุณหมอจะเล่นด้วยพวกผมก็ไม่ว่า…เงินพนันจะได้เยอะขึ้นอีกพวกผมยินดีต้อนรับเสมอ” ชาญยื่นกระดาษใส่มือพ่อเลี้ยงแล้วก็กระโดดผลุงหลบบาทาของพ่อเลี้ยงที่ยันมาทันทีที่เขาพูดจบ ลูกน้องตัวแสบทั้งหลายต่างก็พากันหัวเราะเสียงดังชอบใจแล้วรีบวิ่งลงไปจากเรือนอย่างรวดเร็ว “ไอ้!...ไอ้!...” ธิปรกไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าพวกลูกน้องตัวแสบดี หมอประวิทย์เห็นลูกน้องหยอกล้อพ่อเลี้ยงก็ได้แต่หัวเราะฮึๆ ด้วยความขบขำ เขารู้ว่าพ่อเลี้ยงทำเป็นด่าลูกน้องไปยังงั้นเอง จริงๆ แล้วพ่อเลี้ยงรักลูกน้องทุกคน คนงานในไร่ก็รักและเคารพเกรงกลัวพ่อเลี้ยงเหมือนกัน ธิปรกส่ายหน้าอย่างระอามองลูกน้องที่พากันวิ่งลงไปจากเรือน เขาเปิดประตูห้องเข้าไปโดยมีหมอประวิทย์เดินตามหลังมาด้วย ชายหนุ่มทั้งสองพากันยืนมองร่างคนเจ็บที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ “ไอ้หมอ มึงแน่ใจนะว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก” ธิปรกเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจเพราะเห็นหน้าหญิงสาวซีดขาวราวกับกระดาษที่เขาถืออยู่ บนหน้าผากมลก็มีผ้าพันแผลติดอยู่ผืนใหญ่ “มึงเชื่อกูเถอะน่า แต่ถ้าเธอฟื้นแล้วกูอยากให้มึงพาเธอไปเช็คสมองอีกทีเพราะกูไม่แน่ใจว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือเปล่า” “ยุ่งฉิบหาย! ทำไมต้องมาชนหน้าไร่กูด้วยวะ ไอ้หมอมึงก็เช็คสมองเธอให้เรียบร้อยเลยสิวะ” ธิปรกสบถเสียงดัง หงุดหงิดที่จะต้องมาดูแลคนเจ็บที่เขาไม่รู้จักสักนิด “ไอ้ธิปรก กูเป็นหมอหมาเหมือนที่มึงพยายามยัดเยียดให้ กูไม่ใช่หมอรักษาคนโดยตรงแล้วอีกอย่างกูก็ไม่มีเครื่องมือด้วย ถือว่าช่วยคนเจ็บเอาบุญก็แล้วกันวะ ถ้ายังไงมึงให้ใครมานอนเฝ้าเธอสักคนนะ ถ้าอาการเธอไม่ดีขึ้นมึงโทรไปตามกูได้เลยกูจะเปิดมือถือสแตนบายรอตลอด 24 ชั่วโมง” ประวิทย์ตบบ่าเพื่อนหนักๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง “ไอ้หมอ ถ้างั้นมึงก็ย้ายเธอไปรักษาต่อที่ฟาร์มมึงเลยก็หมดเรื่อง” ธิปรกเดินตามประวิทย์ออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา “เฮ้ย!...ไม่ได้ กูยังไม่อยากเคลื่อนย้ายเธอตอนนี้ให้เธอนอนรักษาตัวที่นี่ดีแล้ว มึงไม่เห็นหรือไงว่าลูกน้องมึงเขาชอบเธอจะตายขืนกูย้ายเธอไปที่ฟาร์มมีหวังโดนให้พวกนี้ไล่กระทืบตายแน่” “ไอ้หมอปากหมา ลูกน้องกูไม่ได้โหดขนาดนั้น” ธิปรกปกป้องลูกน้องตนเองเต็มที่ “แต่กูว่าจริงว่ะ เท่าที่กูสังเกตดูลูกน้องมึงนิสัยเถื่อนๆ ไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่เลยวะไอ้ธิปรก” ประวิทย์หัวเราะสะใจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถที่จอดอยู่หน้าเรือนกล้วยไม้ “ไอ้หมออยู่กินข้าวด้วยกันก่อนไหม” ธิปรกเอ่ยชวนเพื่อนรักจับประตูรถไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะปิดลง “ไม่วะ ฟ้าสวยกำลังจะตกลูกกูต้องไปเฝ้ามันก่อน” ประวิทย์หมายถึงแม่ม้าพันธุ์ดีที่เขาเลี้ยงไว้ที่ฟาร์ม “ขอบใจมากที่มึงอุตส่าห์มาเป็นธุระให้ ขับรถดีๆ นะมึง อย่าต้องให้ลูกน้องกูไปงัดมึงออกมาจากรถเป็นรายที่สองละ” ธิปรกยิ้มบางๆ ปิดประตูแล้วถอยออกมาก้าวหนึ่งให้ประวิทย์ขับรถออกไป พ่อเลี้ยงหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นไปบนเรือนแล้วเข้าไปดูหญิงสาวที่ห้องอีกครั้ง ชายหนุ่มมองร่างบางที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าตัวโคร่งคงจะเป็นชุดของป้าอ้วนที่เอามาเปลี่ยนให้ ร่างสูงใหญ่คล้ำแดดทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงพลางเอื้อมมือไปแตะตรงผ้าพันแผลที่มีเลือดซึมออกมา เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากบาง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือเปล่า เขาอยากรู้ว่าที่หญิงสาวประสบอุบัติเหตุเป็นเพราะเมาเหล้าหรือแค่อุบัติเหตุธรรมดา พ่อเลี้ยงธิปรกสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างบางทำให้ถึงกับเผลอตัวก้มหน้าลงไปหอมแก้มเนียน แต่พอรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรลงไปพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับมองร่างบางที่นอนเจ็บอยู่ด้วยความโกรธ ทั้งๆ ที่คนเจ็บไม่ได้รับรู้ด้วย เขาลุกขึ้นยืนทำหน้ายังกับโกรธใครมาสักสิบปีก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ดังเจื้อยแจ้วเข้ามากระทบประสาทหู ร่างบอบบางบนเตียงนอนขนาดใหญ่ครางเบาๆ พลางขยับตัวอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเจ็บระบมไปทั้งตัว เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง คิ้วโก่งงามดุจคันศรขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสภาพห้องที่ไม่คุ้นเคย หญิงสาวยันกายพิงเตียงนอนก่อนจะหย่อนเท้าลงกับพื้นแล้วเลื่อนตัวลง เท้าที่ไร้เรี่ยวแรงและบวมเป่งจากการกระแทกกับรถยนต์ไม่สามารถรองรับน้ำหนักเจ้าของได้ พอหญิงสาวยืนขึ้นทิ้งน้ำหนักลงข้อเท้าก็ต้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นห้อง รดา นอนทำตาปริบๆ พยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจอ้าปากค้างด้วยความกลัวเมื่อเห็นชายร่างยักษ์คมเข้มหล่อเหลาเดินกระแทกเท้าเข้ามาในห้องจากนั้นก็สอดแขนเข้าใต้หัวเข่าก่อนจะยกวืดเดียวเหมือนเธอเป็นวัตถุไร้น้ำหนักและวางบนเตียงนอนอย่างกระแทกกระทั้น แค่นั้นยังไม่พอ...เจ้าของแขนแข็งแกร่งคล้ำแดดยังจ้องมองด้วยใบหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจ สายตาส่อแววรำคาญอย่างเห็นได้ชัดจนหญิงสาวต้องขมวดคิ้วอย่างงงๆ ว่าเธอทำอะไรผิดหรือเปล่า กำลังจะอ้าปากเอ่ยถามว่าเขาเป็นใครเธอก็ถูกตวาดต่อว่าเสียก่อน “รู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่จะรีบลุกจากเตียงทำไม” ธิปรกยืนจังก้าเท้าสะเอวต่อว่าหญิงสาวที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง เขาเบือนหน้าหนีใบหน้าหวานที่กำลังทำตาตื่นๆ เหมือนกวางสาวตื่นนายพราน เขาแอบถอนหายใจยาวไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกน้องตัวแสบแต่ละคนถึงได้ทำท่าคลั่งไคล้หญิงสาวนักหนา ตอนที่หญิงสาวหลับพริ้มดูว่าสวยแล้ว ในขณะนี้ยิ่งดูสวยชวนพิศน่าหลงใหลมากกว่าเดิมหลายเท่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD