พ่อเลี้ยงธิปรกขับรถออกจากตัวจังหวัดจนมาถึงทางเข้าไร่ก็เห็นสภาพรถเก๋งคันงามที่ชนกับต้นไม้จนด้านหน้ายุบไปทั้งแถบ เห็นสภาพรถแล้วเขานึกไม่ออกว่าคนขับจะได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน
เขารีบเหยียบคันเร่งตะบึงห้อเข้าไปในไร่ พอมาถึงหน้าเรือนกล้วยไม้ก็ชะลอความเร็วรถลงเมื่อเห็นคนงานพากันยืนอออยู่หน้าเรือนโดยมีป้าอ้วนยืนเด่นตระหง่านอยู่บนเรือนเหมือนกำลังประกาศอะไรสักอย่าง พ่อเลี้ยงกระโดดลงจากรถแลนด์โรเวอร์แล้วปิดประตูรถเสียงดังจนคนงานที่ยืนอยู่แถวนั้นพากันสะดุ้งเฮือกตกใจ
“คนเจ็บอยู่ไหนไอ้ราม” ธิปรกถามหัวหน้าคนงานเสียงดังแล้วเดินเข้าไปยืนจังก้าเท้าสะเอวอยู่หน้าเรือน
“อยู่ในห้องนอนติดกับห้องของพ่อเลี้ยงครับ” รามตอบพ่อเลี้ยง
“แล้วนี่พวกมึงไม่ไปกินข้าวกันหรือไงวะถึงพากันมายืนออเป็นไทยมุงอยู่แบบนี้”
ธิปรกตวาดเสียงดัง กวาดสายตาคมดุไปยังคนงานที่พากันยืนอยู่หน้าเรือน พอเจอสายตาคมกริบและน้ำเสียงที่ตวาดดังลั่นเท่านั้นแหละบรรดาไทยมุงทั้งหลายที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก็ต้องมีอันสลายตัวไปตามระเบียบ แต่ละคนพากันวิ่งหนีกระเจิงคนละทิศคนละทาง
“ไอ้ชาญ หมอที่พวกมึงโทรไปตามหาถึงหรือยังวะ” ธิปรกหันมาถามชาญที่ยืนหัวเราะขำเพื่อนร่วมงานที่พากันวิ่งหนีพ่อเลี้ยง
“มาถึงแล้วครับพ่อเลี้ยง ตอนนี้คุณหมอประวิทย์กำลังเข้าไปทำแผลคุณรดาอยู่ครับ”
“ไอ้ชาญ! ใครเสือกให้มึงโทรไปตามหมอหมามารักษาคนวะ ไม่ใช่ป่านนี้ไอ้วิทย์มันฉีดยาแก้หมาบ้าแทนยาแก้ปวดให้คนเจ็บแล้วหรือวะ”
พ่อเลี้ยงธิปรกสบถด่าลูกน้องเสียงดัง เพราะยืนหันหลังให้กับเรือนกล้วยไม้ เขาจึงไม่เห็นว่าหมอประวิทย์ยืนอยู่ข้างหลังและกำลังฟังพ่อเลี้ยงวิจารณ์ตนเองอยู่
“มันจะเกินไปแล้วนะโว๊ยไอ้ธิปรก ถึงกูจะเป็นหมอหมาแต่ก็ยังพอมีความรู้ที่จะรักษาคนอยู่บ้าง อ่ะๆ หรือมึงจะเถียงกู กูจำได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้วมึงเป็นไข้หวัดกูยังมาฉีดยาให้มึงเลยนี่หว่า”
หมอประวิทย์เถียงพ่อเลี้ยงแล้วฉีกยิ้มสะใจเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงทำหน้าอึ้งหาคำพูดตัวเองไม่เจอ
หมอประวิทย์มีฟาร์มเลี้ยงม้าอยู่ติดกันกับไร่ธิปรก เขาเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มและคอยรักษาสัตว์ให้กับชาวไร่ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงด้วย บางทีเวลาคนงานในไร่ธิปรกไม่สบายเล็กๆ น้อยๆ เขาก็จะมารักษาอาการเบื้องต้นให้ เขากับพ่อเลี้ยงธิปรกเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ธิปรกหันมาถลึงตามองเพื่อนรักพร้อมกับด่าไอ้หมอหมาทางสายตาที่บังอาจมาหักหน้าตนเองต่อหน้าลูกน้อง
“เออ...กูไม่ถียงมึงก็ได้วะ แล้วคนไข้ของพวกมึงอาการเป็นไงบ้าง” พ่อเลี้ยงถามอาการคนไข้พลางก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นไปบนเรือนเพื่อจะไปดูคนไข้โดยมีหมอประวิทย์ ราม ชาญ และสนพากันเดินตามมาเป็นพรวน
“อาการภายนอกไม่ค่อยหนักเท่าไหร่วะ กูว่าคุณรดาเคราะห์ดีมาก ตอนเข้ามาที่ไร่กูเห็นสภาพรถแล้วยังนึกว่าอาการเธอคงจะหนักกว่านี้ กูตรวจดูแขนขาไม่หัก แต่อาจจะมีช้ำตามตัวบ้างแล้วก็หน้าผากแตกเย็บไปหกเข็ม กูฉีดยานอนหลับอ่อนๆ ให้เรียบร้อยแล้วคงจะหลับยาวถึงพรุ่งนี้” หมอประวิทย์รายงานอาการคนไข้
“ถ้าอาการไม่เจ็บมากพรุ่งนี้ไอ้รามมึงส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล” ธิปรกเอ่ยสั่งเสียงเข้ม
“ให้นอนต่อสักหน่อยไม่ได้หรือครับ เธอยังไม่ฟื้นเลย”
รามเป็นผู้ตอบพ่อเลี้ยง น้ำเสียงเริ่มเบาลงเพราะรู้ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในเรือนกล้วยไม้โดยเฉพาะผู้หญิง จะมีได้รับยกเว้นคนเดียวก็คือป้าอ้วนที่คอยมาทำความสะอาดเรือนให้
“อ้าว! ถ้ายังไม่ฟื้นแล้วพวกมึงรู้ชื่อเธอได้ไงวะ” พ่อเลี้ยงหนุ่มหยุดเดินแล้วหันหน้ามาถามลูกน้อง
“พ่อเลี้ยงครับ ใครไม่จักคุณรดาก็เชยตายสิครับ” คราวนี้ชาญเป็นคนตอบพ่อเลี้ยงเอง
“เออ...กูยอมรับว่ากูเชย มึงรีบบอกกูมาเร็วๆ ว่าไอ้คุณรดาที่พวกมึงทำท่าปลื้มกันนักกันหนาเป็นใคร ถ้าขืนชักช้า เดี๋ยวพ่อเตะกระเด็น”
พ่อเลี้ยงธิปรกไม่พูดเปล่าเท้าโตๆ ที่หุ้มด้วยรองเท้าหนังแท้ยกขึ้นทำท่าจะเตะไอ้คนพูดมาก ชาญทำหน้าตกใจกลัวรีบกระโดดเข้าไปหลบอยู่หลังร่างใหญ่ของหมอประวิทย์และใช้หมอประวิทย์เป็นโล่กำบังพ่อเลี้ยงไว้
“ไอ้ธิปรก นี่มึงไม่เคยดูละครตอนค่ำบ้างเลยหรือไงวะ” หมอประวิทย์อดที่จะแขวะเพื่อนไม่ได้
“แล้วไอ้ละครตอนค่ำของมึงมันมาเกี่ยวอะไรกับคุณรดาของไอ้ชาญด้วยวะ”
พ่อเลี้ยงธิปรกทำหน้างุนงงไม่เข้าใจว่าละครตอนค่ำจะมาเกี่ยวโยงกับคนเจ็บได้ยังไง นอกจากการดูแลสวนส้มนับร้อยๆ ไร่และพัฒนาสายพันธุ์ส้มให้ได้รสชาติดีเป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว เขาแทบจะไม่มีเวลาสนใจในเรื่องอื่นอีกเลย
“คุณรดาเธอเป็นนางเอกละครครับพ่อเลี้ยง ตอนนี้มีละครออกฉายตั้งสองเรื่อง เธอดังมากๆ เลยนะครับทุกคนที่ไร่รู้จักกันหมดเลย ตอนที่พวกผมไปช่วยเธอเราไม่รู้หรอกครับว่าเป็นใครแต่ป้าอ้วนเข้าไปเช็ดตัวให้แล้วออกมาบอกพวกเราว่าเป็นคุณรดานางเอกขวัญใจพวกเราครับ”
รอบนี้เป็นคิวของสนมั้งที่เสนอหน้าออกมารายงานให้พ่อเลี้ยงรับรู้ คนพูดทำท่าปลื้มตาหวานเยิ้มเมื่อเอ่ยถึงนางเอกที่พวกตนชื่นชอบ
“พวกมึงนี่ท่าจะคลั่งดาราเอามากๆ แล้วไม่กินข้าวกินปลากันหรือไงวะถึงเดินตามกูมาเป็นพรวนแบบนี้”
ธิปรกหยุดชะงักอยู่หน้าห้องที่รดานอนรักษาตัวอยู่เมื่อเห็นลูกน้องยังพากันเดินตามเขามาและทำท่าจะเข้าไปในห้องนอนด้วย
“พวกเราขอเข้าไปดูหน่อยครับว่าคุณรดาเธอฟื้นหรือยัง” รามอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก พยายามยืนให้ห่างรัศมีบาทาของพ่อเลี้ยงที่สุด
“ไอ้พวกตัวดี อย่ามาโกหกกูเลยวะ พวกมึงอยู่กับกูจนกูรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว จะเข้าไปขอลายเซ็นต์แม่ดาราที่พวกมึงช่วยมาใช่ไหม คราวนี้พวกมึงเดิมพันอะไรละ ถ้ากูเดาไม่ผิดพวกมึงคงจะเดิมพันกันว่าใครจะเป็นคนขอลายเซ็นต์ได้เป็นคนแรกถูกมั้ย”
ธิปรกจ้องหน้าลูกน้องแต่ละคนไม่วางตา เขารู้ว่าคนงานในไร่มีการเล่นพนันขันต่อกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเขาก็คอยสอดส่องดูแลไม่ให้เล่นจนติดกันงอมแงม แต่ทุกครั้งที่คนงานในไร่เล่นพนันขันต่อกันก็จะบอกให้เขารับรู้ด้วยทุกครั้งและก็พากันเล่นแบบพอหอมปากหอมคอ