“หน้าไร่ครับป้า พวกเรากำลังจะกลับเรือนแต่ได้ยินเสียงรถชนก็เลยพากันไปดูแล้วก็เห็นคุณผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บอยู่ ป้าอ้วนช่วยเช็ดตัวให้เธอหน่อยสิ สักครู่หมอประวิทย์คงมาถึงจะได้ทำแผลให้เธอเลย”
“เอ็งพาคนงานออกไปให้หมดก่อน เดี๋ยวป้าจะเช็ดตัวให้แม่หนูเอง ไอ้ชาญเอ็งไปเอาน้ำอุ่นมาให้ข้าที”
ป้าอ้วนหันไปสั่งชาญที่ยืนเมียงๆ มองๆ ดูอาการหญิงสาวที่พวกเขาช่วยมา พอเจอคำสั่งของป้าอ้วนก็รีบวิ่งไปเอาน้ำอุ่นมาให้ทันที
ป้าอ้วนไล่ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วก็เอากรรไกรตัดเสื้อที่หญิงสาวใส่อยู่ จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆ ค่อยๆ เช็ดคราบเลือดออกจากหน้าผากใบหน้า และตามลำคอ จากนั้นก็เอาผ้า
ขนหนูอีกผืนชุบน้ำแล้วมาเช็ดตามตัวจนร่างบางสะอาดไม่มีคราบฝุ่นคราบเลือด
ป้าอ้วนเอาเสื้อตนเองที่ถือติดมาด้วยสวมให้หญิงสาว จากนั้นก็นั่งมองผลงานตัวเองก่อนจะพิจารณาใบหน้างามของหญิงสาวที่ยังหลับอยู่
ป้าอ้วนตบหัวเข่าตัวเองดังฉาดด้วยความดีใจก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างบางรอหมอมาตรวจ เสร็จแล้วก็วิ่งตุ๊บตั๊บออกไปหน้าเรือน พอเห็นพวกคนงานยังพากันอออยู่หน้าเรือนกล้วยไม้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ยิ้มหวานให้เหมือนนางสาวไทยที่เพิ่งได้สวมมงกุฎ จากนั้นก็เริ่มประกาศเรื่องที่ตนเองรู้มา
“พวกมึงรู้ไหมว่าแม่หนูที่นอนเจ็บอยู่ในเรือนเป็นใคร”
คนงานทุกคนต่างก็ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็มีเสียงตะโกนถามมาเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ ป้าอ้วนยิ้มหวานอีกครั้งก่อนจะเฉลย
“คนที่นอนเจ็บอยู่คือแม่หนู ‘รดา’ นางเอกชื่อดังไง”
จบคำเฉลยของป้าอ้วน คนงานทุกคนทั้งชายทั้งหญิงต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดาราสาว
ใครบ้างจะไม่รู้จัก ‘รดา’ นางเองชื่อดังของเมืองไทย ไม่ว่าจะมีละครออกมากี่เรื่องก็ดังเป็นพลุแตกไปเสียทุกเรื่อง เสียงวิจารณ์ยังดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็บอกเคยเห็นตัวจริงมาแล้ว บางคนก็บอกว่ามีรูปหญิงสาวติดอยู่ที่ห้องนอน บางคนก็พูดถึงละครของหญิงสาวที่กำลังฉายอยู่ที่กำลังเป็นที่นิยมสุดๆ
บางคนก็ยิ้มหวานเมื่อนึกถึงตอนนักข่าวมาสัมภาษณ์ดาราที่ไร่และเผลอๆ พวกเขาก็อาจจะได้ออกทีวีด้วย เสียงคนงานที่แย่งกันคุยจนฟังไม่ได้ศัพท์มีอันต้องยุติลงและวงสนทนาที่กำลังออกรสมีอันต้องแตกหือเหมือนผึ้งแตกรัง เมื่อรถแลนด์โรเวอร์ของพ่อเลี้ยงวิ่งเข้ามาจอดหน้าเรือนกล้วยไม้
ณ ห้องแกรนบอลรูมภายในโรงแรมชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในห้องมีการจัดตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพรรณจนดูสวยงามละลานตาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานลูกชายพ่อเลี้ยงธีรพลเศรษฐีผู้กว้างขวางประจำจังหวัด ด้านหน้าห้องมีคู่บ่าว-สาวยืนต้อนรับแขกอยู่ พ่อเลี้ยงธิปรกเป็นหนึ่งในแขกคนสำคัญของงานที่พ่อเลี้ยงธีรพลอุตส่าห์ไปเชิญด้วยตนเองถึงไร่ ด้วยเหตุผลสำคัญที่ต้องการได้พ่อเลี้ยงธิปรกมาเป็นลูกเขย
ธิปรกเดินเลี่ยงออกมาจากงานด้วยอาการเบื่อๆ เขาไม่ชอบมางานเลี้ยง เขาเบื่อที่จะต้องมาคอยปั้นหน้ายิ้มให้กับผู้คนทั้งหลายในงานและโดยเฉพาะงานเลี้ยงที่จัดโดยพ่อเลี้ยงธีรพล
เขารู้ดีว่าพ่อเลี้ยงธีรพลต้องการเป็นทองแผ่นเดียวกันกับเขาโดยพยายามให้ ‘ริสา’ ลูกสาวคนสวยเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งริสาก็ทำได้ดีเกินคาด เธอจะไปหาเขาที่ไร่ธิปรกอย่างน้อยอาทิตย์ละสี่ครั้ง พยายามชวนเขามากินข้าวที่บ้านของเธอทุกวันทั้งๆ ที่ไม่เคยชวนได้สำเร็จ
แต่ริสาก็ไม่เคยละความพยายามและตั้งแต่เขาเข้ามาในงานเลี้ยง ริสาก็คอยเดินเกาะแขนยังกับลูกลิงจนเขารู้สึกรำคาญร่ำๆ ที่จะสะบัดแขนหนีตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ติดที่ว่าในงานมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับหน้าถือตาค่อนข้างหลายท่าน ป่านนี้เขาคงได้จับยัยริสามัดไว้กับเสาไปตั้งนานแล้ว
ธิปรกล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเมื่อได้ยินสัญญาณจากมือถือดังขึ้นเขามองเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ของรามก็กดรับสายทันที
“ว่าไงไอ้ราม มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงกรอกเสียงลงไปโดยที่ต้นทางยังไม่ทันได้พูดออกมา
“พ่อเลี้ยงผมเองครับ สนครับ”
“ว่าไงไอ้สน มึงมีเรื่องด่วนอะไร หรือว่าพวกมึงเมาทะเลาะกันอีก” พ่อเลี้ยงธิปรกเอ่ยถามอย่างรู้นิสัยของคนงานในไร่ดี เมื่อไหร่เหล้าเข้าปากได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ
“แฮ่ะๆ ไม่ใช่ครับ คือว่าพี่รามให้โทรมาบอกว่ามีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ขับรถชนต้นไม้หน้าไร่อาการสาหัส พี่รามเลยอยากให้พ่อเลี้ยงรีบกลับมาที่ไร่ครับ”
“ไอ้ห่...ถ้าอาการสาหัสแล้วทำไมพวกมึงไม่พาไปส่งที่โรงพยาบาลวะ แล้วตอนนี้พวกมึงพาคนเจ็บไปที่ไหน”
“โธ่! พ่อเลี้ยงอย่าเพิ่งด่าสิครับ พวกผมพาไปที่เรือนกล้วยไม้ครับ จากไร่ไปโรงพยาบาลมันไกลตั้งห้าสิบกิโล ถ้าให้พวกผมพาคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลผมเกรงว่าเขาจะตายก่อนสิครับ”
“เออ...ท่าจะจริงของมึง ระยะทางจากไร่ไปโรงพยาบาลมันก็ไกลเอาการเหมือนกัน” ธิปรกบ่นพึมพำก่อนจะเอ่ยถามต่อ “พวกมึงโทรตามหมอหรือยัง”
“โทรตามแล้วครับ พ่อเลี้ยงรีบมานะครับ”
“เออ...” ธิปรกรับคำเสร็จแล้วก็กดวางสายไป ดีเหมือนกันเขากำลังหาทางเลี่ยงกลับไร่ มีเรื่องด่วนแบบนี้จะได้มีข้ออ้างกลับไร่ได้ง่ายๆ หน่อย
ธิปรกสอดสายตาหาริสาว่าอยู่ใกล้กับพ่อเลี้ยงธีรพลหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นลูกลิง...เขาก็รีบสาวเท้าไปหาพ่อเลี้ยงธีรพลแล้วเอ่ยขอตัวกลับทันที
“พ่อเลี้ยงธีรพลครับ เห็นทีผมต้องขอตัวกลับก่อน พอดีมีเรื่องด่วนที่ไร่ ผมลาละครับ”
พ่อเลี้ยงธิปรกไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทักท้วงพอพูดเสร็จก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาจากงานเลี้ยงทันที