เช้าวันต่อมา…
พะพายตื่นนอนมาทำอาหารเช้าเพราะเธอเหนื่อยกับมาวินที่รังแกเธอทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอน ส่วนเขานั้นหลับสบายอยู่บนเตียงมันน่าตีจริงๆ
“คอยดูเถอะถ้าไม่รักษาสัญญาล่ะก็น่าดูแน่!”
หญิงสาวบ่นออกมาก่อนจะทำเมนูง่ายๆอย่างเช่นหมูกระเทียมไข่ดาว เธอทำเผื่อเขาด้วยหนึ่งจานกินเสร็จจะได้แยกย้ายไม่ต้องมาเจอกันอีก แต่ก็ต้องเจออยู่ดีเพราะว่าเขาทำงานที่เดียวกันกับเธอ
“ตื่นเช้าจังเลยทำอะไรอ่ะตัวเอง”
“ตัวเองอะไร…ไม่ต้องมาเรียกแบบนี้เลยนะ”
พะพายหันไปดุชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาเธอในห้องครัวแถมยังมาเรียกเธออย่างกับคู่รักอีก ตัวเองบ้าอะไรกล้ามากนะที่มาเรียกแบบนี้
“หิวอ่ะขอกินด้วย”
หญิงสาวแบ่งใส่จานไว้สองจานก่อนจะถือไว้สองมือแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะย้ำในสิ่งที่เขารับปากเธอไว้เมื่อคืนนี้
“รับปากแล้วนะคะว่าจะลืมเรื่องทุกอย่างแล้วไม่บอกใครทั้งนั้น มันจะจบในคืนที่ผ่านมาคืนเดียว คุณต้องทำตามที่สัญญาไว้ด้วย”
เธอจ้องหน้าเขาอย่างกดดันให้เขารับปาก ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเธอต้องทำใจให้ได้แล้วเดินหน้าต่อ
“ผมไปสัญญาตอนไหนอ่ะจำไม่เห็นได้เลย”
“นี่คุณ! ลืมไปแล้วเหรอไงก็เมื่อคืนคุณสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแล้วก็จะลืมเรื่องทุกอย่าง อ๊ะ!”
เธอนิ่งไปอย่างใช้ความคิด เมื่อคืนนี้เธอพูดกับเขาไปทั้งหมดเขาไม่ตอบรับอะไรเลยนี่ทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากเท่านั้น นี่เขา…
“เอ้าตกลงยังไง ผมไปสัญญาตอนไหน”
เขายิ้มมุมปากออกมาอย่่างเจ้าเล่ห์ เมื่อคืนเขาไม่ได้สัญญาอะไรกับเธอทั้งนั้นและไม่มีทางที่จะพูดแบบนั้นเด็ดขาด
“คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุด”
“มีหลักฐานว่าพูดตอนไหนก็บอกนะจะรอฟัง ว่าแต่หิวอ่ะขอกินหน่อย”
เขายื่นมือจะไปหยิบจานข้าวแต่หญิงสาวไม่ให้ เธอเสียรู้คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาไปซะได้ แล้วที่ยอมเมื่อคืนไปทั้งหมดเพื่ออะไร.. โอ๊ย พลาดแล้วพะพายเอ้ย
“ไม่ต้องกิน คนเจ้าเล่ห์แบบคุณฉันไม่น่าไปหลงกลเลย”
พะพายเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะถือจานเดินไปนั่งลงตรงโต๊ะ เธอใช้ช้อนตักกินของตัวเองก่อนจะตักอีกจานกินด้วย
“หิวก็ทำกินเองแล้วกัน ชิ”
เขาไม่สนใจเดินมาลงข้างเธอก่อนจะแย่งช้อนของเธอไปตักกินเองบ้าง พะพายอ้าปากค้างมองชายหนุ่มอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเอาช้อนของเธอไปใช้ต่อ
“อร๊าย ฉันใช้ไปแล้วนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เมื่อคืนจูบกันแลกน้ำลายกันเยอะกว่านี้อีกไม่เห็นจะรังเกียจเลย”
“หยุดพูดนะ”
หญิงสาวตีแขนชายหนุ่มหลายทีอย่างหมั่นไส้ เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะตักกับข้าวตรงหน้าต่ออย่างหิวโหย เธอทำได้เพียงแค่กระทืบเท้าปึงปังแล้วเดินไปหยิบช้อนใบใหม่พร้อมกับน้ำเย็น หญิงสาวเดินมานั่งลงตรงหน้าเขาก่อนจะกินของตัวเองบ้าง
“กินเสร็จก็กลับไปเลยนะ”
“รู้แล้วน่ากลับอยู่แล้วต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่อ แต่ว่าเดี๋ยวจะเอามาเผื่อด้วยซักสองสามชุดดีป่ะ”
เขาตีมึนเอ่ยถามหญิงสาว พะพายเงยหน้ามองเขาอย่างงุนงงไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ
“หมายถึงอะไรคะ”
“ก็เผื่อมานอนค้างกับเมียไง”
“คุณมีเมียแล้วเหรอ มีแล้วยังมานอนกับฉันเนี่ยนะจิตใจคุณทำด้วยอะไร ถ้าเธอรู้ขึ้นมาไม่เสียใจแย่เหรอ เลวที่สุด”
แค่กๆ
หญิงสาวชี้หน้าด่าชายหนุ่มยกใหญ่ เขาถึงกับสำลักอาหารรีบยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะรีบอธิบายกับเธอให้เข้าใจใหม่จะได้ไม่เข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“เห้ยๆผมโสดครับไม่ได้มีเมียที่ไหน”
“อ่าว แล้วบอกไปนอนกับเมียทำไม”
“ก็นี่ไงเมีย”
เขาชี้นิ้วมาตรงหน้าหญิงสาวอย่างแกล้งหยอก เธอปัดมือเขาออกก่อนจะหน้าบึ้งตึงทันที
“อย่ามาพูดแบบนี้นะเราสองคนจบกันแค่คืนนี้เท่านั้นจะไม่มีการสานต่อความสัมพันธ์อีก เพราะฉะนั้นห้ามมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
“แต่ว่าเราต้องทำงานด้วยกันน้า จะมองหน้ากันติดรึเปล่า”
เขามองหญิงสาวตาแป๋วก่อนจะตักอาหารกินต่อ ตอนนี้คงต้องตามน้ำไปก่อน เธอให้ห่างก็ห่างตามใจแหละพูดอะไรเยอะจะทะเลาะกันเปล่าๆ
“เรื่องนั้นฉันมืออาชีพพอค่ะไม่ต้องห่วง”
“โอเคงั้นเรามาเป็นคู่แข่งกันเนาะ ผมจะทำยอดขายเดือนนี้แซงคุณให้ได้เลย”
พะพายหลุดขำออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เดือนนี้เธอยอดขายทะลุไปหลักสิบล้านแล้วเขาจะเอาอะไรมาแซงเธอล่ะ
“เอาเป็นเดือนหน้าแล้วกันค่ะ เดือนนี้คงยาก”
“โอเคเดือนหน้าก็ได้ ผมก็ยังไม่อยากให้มันแซงไวๆเหมือนกัน”
เขาอมยิ้มก่อนจะตักกับข้าวกินต่อ กำลังมีของเล่นชิ้นใหม่เข้ามาจะรีบออกไปรับตำแหน่งทำไม อยู่แกล้งเธอที่แผนกดีกว่าน่าสนุกกว่าเยอะ
“มั่นใจในตัวเองสูงเนาะ”
พะพายแขวะชายหนุ่มก่อนจะนั่งทานข้าวต่อจนอิ่มจากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไป ชายหนุ่มเดินทางกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน คุณแม่ที่ตื่นนอนแต่เช้าก็เอ่ยทักทายลูกชายทันทีที่ลงมา
“เมื่อคืนไม่กลับบ้านลูกไปค้างที่ไหนมา”
“ก็มันดื่มแล้วผมไม่อยากขับรถกลับก็เลยนอนค้างคอนโดครับ”
“งั้นเหรอ”
คุณแม่มองลูกชายอย่างจับผิด ไม่รู้ว่าแอบไปซุกสาวที่ไหนตั้งแต่โตมาจนอายุ28ปีเธอยังไม่เคยเห็นลูกชายพาใครมาแนะนำให้คนที่บ้านนี้รู้จักเลย ไม่รู้ว่าแอบซุกไว้แล้วปิดเงียบรึเปล่า
“ผมไปก่อนนะครับ”
“ไม่กินข้าวก่อนเหรอไง”
“ไม่ครับผมกินมาแล้ว”
เขาโบกมือให้คุณแม่อย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินผิวปากหมุนกุญแจรถเล่นออกไปยังลานจอดรถ คุณแม่มองตามก่อนจะนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ
“แปลกๆนะลูกชายคนนี้ อารมณ์ดีผิดปกติ”
เมื่อมาถึงที่ทำงานมาวินก็เข้าไปนั่งตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง ส่วนพะพายที่มาถึงก่อนก็นั่งทำใบเสนอราคาส่งให้ลูกค้าช่วงบ่าย แอรินเดินเข้ามาในสภาพบึ้งบูดอารมเสียที่เมื่อคืนชายหนุ่มแอบหนีเธอหายไปไหนก็ไม่รู้กลับไปเอากุญแจที่โต๊ะแป๊บเดียวเอง ทำให้เธออดได้กินเขาเลย
“มาวินขาเมื่อคืนคุณกลับยังไง แอรินบอกว่าจะไปส่งแต่ออกมาก็ไม่เจอคุณแล้ว”
มาวินกับพะพายสะดุ้งพร้อมกัน เธอหันขวับไปมองหน้าชายหนุ่มจ้องหน้าเขาอย่างกดดันไม่ให้พลั้งปากพูดออกมา
‘อย่าคิดพูดออกมาเชียวนะ’
มาวินยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าแอรินที่รอฟังคำตอบจากเขาอยู่
“เมื่อคืนผมกลับแท็กซี่นะแล้วก็ไปนอนค้างกับ…”
เขาเหลือบสายตามองพะพายที่ตอนนี้เริ่มอยู่ไม่นิ่งก็อดขำออกมาไม่ได้ เขาชอบเวลาที่เธอโมโหอ่ะมันมีเสน่ห์น่ารักดีนะ
“นี่! บอกไปสิว่าไปนอนกับเพื่อน”
“นี่อะไรพะพาย ฉันถามมาวินยะไม่ได้ถามหล่อนไม่ต้องยุ่ง”
พะพายอ้าปากค้างอย่างพลาดที่เผลอเอ็ดเขาไปก็รีบเอามือปิดปากตัวเองก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาอมยิ้มก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“ไปนอนค้างคอนโดเพื่อนครับ”
แอรินพยักหน้าอย่างพอเข้าใจแต่ก็อดเสียดายไม่ได้โอกาสมาตรงหน้าแล้วแท้ๆเธอพลาดซะได้ พะพายได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่เธอจะต้องคอยกังวลแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ถ้ามีคนรู้ขึ้นมาเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
‘ผู้หญิงใจง่ายเมาแล้วไปได้เสียกับผู้ชาย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น’