จางอ้ายเหรินหัวใจเต้นรัวเมื่อถูกถามอย่างใกล้ชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังรดต้นคอระหง เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้งทำนางขนลุกซู่ หวนคิดถึงสัมผัสแสนวาบหวามบนเรือ หญิงสาวไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่กลับเบือนหน้าหนี ทว่าชายผู้เย็นชาก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ
“ฝ่าบาทจะทำอะไรเพคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเสียงหลงเมื่อถูกรุกรานจนนั่งแทบไม่ติด
“จะทำอะไรได้เล่า” จมูกคมฝังจมลงบนผิวเนียนพร้อมสูดกลิ่นดอกไม้จนสุดปอด ความหอมละมุนบนเนื้อตัวนุ่มนิ่มนี้ทำให้ฮ่องเต้ผู้ด้านชาอดใจแทบไม่อยู่
“ไม่ได้นะเพคะ เชิญเสด็จกลับไปเถิด หม่อมฉันจะพักผ่อน” สองมือเล็ก ๆ ยังคงดันแผงอกแกร่งให้ถอยห่างก่อนจะเกินเลยไปมากกว่านี้
“พักผ่อนไปพร้อมกันอย่างไรเล่า”
“มะ ไม่ได้เพคะ!”
แม้ว่าปากจะเอ่ยปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าร่างกายของนางกลับตอบสนองเขาในทุกสัมผัสที่ชวนคิดไปไกล ใบหน้าขาวนวลเริ่มแดงระเรื่อเมื่อแพรพรรณที่ถูกถักทออย่างดีสมฐานะสนมฮ่องเต้ถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาว
มือหนาล้วงเข้าไปสัมผัสผิวอ่อนตรงส่วนต้องห้ามจนนางสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ ยกมือเล็ก ๆ ทุบแผงอกแกร่งเบา ๆ ราวกับแรงของลูกแมวน้อย ขณะที่ริมฝีปากหยักยังคงล้อเล่นอยู่บนลำคอระหงด้วยความเพลิดเพลิน กลืนความหอมหวานเข้าปอด ดึงรั้งผิวเนียนจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนระคนรู้สึกหวามในทรวงส่งผลให้ช่วงล่างเริ่มตอบสนอง
หัวใจของจางอ้ายเหรินเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อนิ้วเรียวยาวหมุนวนบนจุดอ่อนไหวเปิดปากอ่าวให้พร้อมออกศึก
การกระทำแสนอันตรายนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้หยางมู่เฉินเริ่มคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อผู้ที่นอนอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนด้วย นางเริ่มหอบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ช่องรักบีบรัดเป็นจังหวะเพราะต่อมความต้องการบนร่างกายกระตุกวาบสั่นไหวตอบสนองการเล้าโลมอย่างเลี่ยงไม่ได้
จางอ้ายเหรินพยายามยันกายหลีกหนีความน่าอายที่กำลังจะเกิด พร้อมกัดเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงน่าอายที่จะเล็ดลอดออกมาประจานตน ทว่าแรงของหยางมู่เฉินกลับมีมากกว่า เขากดตัวนางให้นอนนิ่งด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
สายน้ำไหลล้นปากอ่าว ในที่สุดเสียงน่าอายก็หลุดออกมาจากปากจนได้
“อ้า!”
“ไหนว่าไม่เอา” หยางมู่เฉินยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะพลางใช้นิ้ววนตวัดเกี่ยวจุดกระสันเป็นจังหวะ ยิ้มชอบใจเมื่อเห็นร่างอ่อนประสบการณ์กระตุกตอบสนองด้วยความขัดเขิน
“เอาออกไปนะเพคะ”
“เอาอะไรออกไปเล่า พูดให้ชัด ข้าไม่ค่อยเข้าใจ” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นข้างหู
พวงแก้มนุ่มร้อนฉ่าเมื่อให้คำตอบไม่ได้ ดวงตากลมโตหลบเลี่ยงสายตาหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ใช้กลอุบายไล่ต้อนแกะน้อยให้จนมุม
“ว่าอย่างไร กุ้ยเฟยประสงค์จะให้เจิ้นเอาสิ่งใดออกจากร่างกายเจ้ากันล่ะ”
“นะ นิ้ว...นิ้ว”
“นิ้ว...นิ้วข้ามันทำไม หืม...เข้าไปอยู่ส่วนใดของเจ้า” ไม่พูดเปล่า หยางมู่เฉินกดนิ้วที่เปียกชุ่มของตนแทรกเข้ากลีบบางไปอย่างไม่สนคนต่อต้าน ก่อนจะขยับเป็นคลื่นเล็ก ๆ อยู่ด้านในจนได้ยินเสียงครางหวานปนเสียงดุด่า
“ฝ่าบาท...อ๊ะ!”
จางอ้ายเหรินร้องออกมา เมื่อลำนิ้วเรียวที่ขยับเป็นคลื่นเล็ก ๆ อยู่ภายในเนื้อกำมะหยี่อวบอูมแสนฉ่ำกระตุกโดนจุดอ่อนไหวจนเกินจะรับได้
จางอ้ายเหรินกำผ้าปูผืนบางจนยับคามือ ยอมปล่อยให้ฮ่องเต้ล่วงล้ำเข้าเขตหวงห้ามของนางจนสมใจเขา ไม่นานนักร่างกายบางก็ถูกกระตุ้นจนเสร็จสม นวลเนื้อบริเวณนั้นกระตุกวาบสั่นสะท้านไปทั่วช่องรัก รสหวามลามขึ้นมาถึงท้องน้อยเต้นตุ้บ ๆ กระตุกเกร็งครู่หนึ่งก่อนจะปลดปล่อยนทีแสนหวานล้ำจนไหลอาบทั่วนิ้ว
ลำนิ้วถูกถอนออกพร้อมริมฝีปากอุ่นปล่อยนางให้เป็นอิสระ หยางมู่เฉินลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมกับเหลือบมองหญิงงามที่กำลังลุกตามขึ้นมานั่งต่อหน้าเขาด้วยท่าทางเขินอาย
“เจิ้นจะกลับแล้ว” หยางมู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหตุใดถึงกลับไปทั้งอย่างนี้เล่าเพคะ”
นัยน์ตาคมปรายตามองดวงหน้าขาวนวลก่อนจะเอ่ย “เจิ้นนอนที่นี่กับเจ้าไม่ได้หรอก” หยางมู่เฉินตระหนักถึงภัยร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น หากว่ามีผู้ล่วงรู้ว่าเขาได้หลับนอนกับหลิวกุ้ยเฟยแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่การผิดใจกับคนในตำหนักน้อยใหญ่ แต่หมายถึงการผิดใจของสองตระกูลที่รั้งอำนาจในวังอีกด้วย อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดเข้าไปใหญ่
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดจากหน้าที่สามีที่พึงปฏิบัติต่อฮองเฮา หากฮองเฮายังไม่ได้ให้กำเนิดโอรสสวรรค์ พระสนมคนอื่นก็ไม่อาจให้กำเนิดบุตรคนแรกได้ มิเช่นนั้นประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย
“โอสถที่ขันทีหม่าเอามาให้ พระสนมกินให้หมดเสีย”
“โอสถบำรุงอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“แค่โอสถบำรุงร่างกายน่ะ เจิ้งไท่เฟยเอามาให้ เจิ้นจึงเห็นว่าควรแก่เวลาที่ทุกคนจะตั้งครรภ์ได้แล้ว” หยางมู่เฉินถอนใจ
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะรับไว้เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วง” จางอ้ายเหรินไม่ได้ทูลเรื่องที่ตนสงสัยแก่ฮ่องเต้ เพราะกลัวว่าความสงสัยเล็กน้อยที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ของตนจะกลายเป็นการใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน
“ดี ๆ เช่นนั้นเจิ้นไปละ ดูแลตัวเองด้วย”
“เพคะ”
ขายาวรีบก้าวออกมาจากตำหนักหลิวกุ้ยเฟยด้วยท่วงท่าที่ดูเยือกเย็น ด้วยกลัวว่าจะเผยพิรุธให้แก่สตรีที่ตนรัก ทันทีที่กลับมาถึงตำหนักร่างสูงใหญ่ก็แทบจะทรุดลงไปกับพื้น ทำเอาทั้งขันทีและองครักษ์เข้ามารับไว้แทบไม่ทัน ก่อนจะรีบลนลานปิดประตูตำหนักเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ใครมาพบเห็น
“ทรงทำใจไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีมู่ถามอย่างรู้ใจ
“เจิ้น...ทำอย่างนั้นอาจจะต้องฆ่าลูกของตัวเองไปด้วย” หยางมู่เฉินจำใจต้องกลืนน้ำตาลงคอไป ตามจริงแล้วหากในคืนนี้เขาอยากจะมานอนกับสนมที่โปรดปรานก็ย่อมทำได้ไม่ติดขัด แต่เกรงว่าความต้องการนี้จะถูกไท่เฟยเฒ่าขัดขวาง โดยอ้างสิทธิ์ความเท่าเทียมที่สนมคนอื่นควรได้รับ
“เวลาเพิ่งผ่านไปไม่เท่าไร หากกุ้ยเฟยทรงมีพระครรภ์จริง ยาขับเลือดนี้คงไม่ได้ทำอันตรายถึงแก่ชีวิตหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่มีฤทธิ์เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของตัวอ่อนแล้วจะขับเลือดให้ออกมาราวกับว่ามีรอบเดือนของสตรีเท่านั้น จะไม่เกิดอันตรายกับพระสนมอย่างแน่นอน กระหม่อมขอเอาหัวเป็นประกันพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีมู่ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ส่งข้ารับใช้เข้าไปในตำหนักหลิวกุ้ยเฟยเพิ่ม หาคนที่รู้เรื่องโอสถเป็นอย่างดี เจิ้นต้องแน่ใจว่าจะไม่มีเหตุใดเกิดขึ้นกับนางเด็ดขาด”
“น้อมรับพระบัญชา”