Chapter 7 จูบแรกที่ทำให้หวั่นไหว

1369 Words
ไอ้แฟนเก่าหล่อน้อยไม่อยู่แล้ว คาดว่าน่าจะทนดูฉากจูบแบบดูดดื่มไม่ไหวถึงได้ตึงตังเดินออกไป ตอนนี้หลังร้านเลยเหลือแค่ผมกับยัยลูกหมูที่พึ่งละริมฝีปากออกจากกัน “โดนทิมจูบทีเดียววิญญาณออกจากร่างเลยเหรอคะ” ชักสีหน้าใส่เมื่อเห็นยัยลูกหมูเอาแต่หัวเราะ ยอมรับว่าตอนนี้ผมเหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจากเข้าร่าง ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบผู้หญิง แต่ผู้หญิงที่ผมเคยจูบคือผู้หญิงที่ขีดเส้นสถานะไว้ชัดเจน ไม่มีความรู้สึกใดนอกจากความใคร่ในเวลานั้น ซึ่งมันต่างจากเมื่อกี้ที่จู่ ๆ ยัยลูกหมูก็ดึงผมเข้าไปจูบ ผมเลยค่อนข้างสับสนว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไง แถมตอนจูบยังเผลอใจเต้นแรงอีกต่างหาก บ้าบอมาก “มื้อนี้ทิมเลี้ยงแล้วกันค่ะ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ดึงพี่ปั้นมาจูบแบบไม่บอกกล่าว” ยัยลูกหมูพูดหลังจากที่เราเดินกลับถึงโต๊ะ ผมไม่ขัดทำเพียงพยักหน้า รู้สึกตอนนี้ไม่มีอารมณ์เถียง “ว่าแต่พี่ปั้นโกรธทิมรึเปล่า” “เรื่อง?” “เรื่องจูบไงคะ ตั้งแต่เมื่อกี้ทิมยังไม่เห็นพี่ปั้นพูดเลย” ยัยลูกหมูดูคิดหนัก ปากเล็กเม้มแน่นตากลมโตมองผมรอคำตอบ “ไม่ได้โกรธ” ผมจะโกรธทำไมเรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ว่าพึ่งเสียพรหมจันทร์ให้ยัยลูกหมูสักหน่อย อย่างที่บอกว่าตอนนี้ค่อนข้างสับสนกับความรู้สึกของตัวเองก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร “แน่ใจนะคะ เห็นพี่ปั้นไม่พูดแล้วทิมไม่สบายใจ” “หรืออยากให้ฉันโกรธ เอาไหม?” “ไม่เอาค่ะ พี่ปั้นไม่โกรธแล้วน่ารัก” ยัยลูกหมูยิ้มประจบจนตาหยี ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงเบ้ปากใส่แล้วพูดว่า ‘สอพลอเก่ง’ แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกว่ายัยหมูทิมพูดแบบนี้แล้วน่ารัก บ้าเอ้ย! นี่ผมเป็นอะไรของผมเนี่ย! พอกลับถึงคอนโดผมรีบตรงเข้าห้องนอน รู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่สุขจนต้องนัดเพื่อนออกมาเจอที่ผับ “เป็นอะไรของมึงไอ้ห่าปั้น มาถึงก็ซัดเอาซัดเอา” นั่นนะสิ ผมเป็นอะไรทำไมถึงได้อยู่ไม่สุขขนาดนี้ แค่โดนยัยทับทิมขโมยจูบทำให้ผมเป็นบ้าขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ไม่จริงน่า... “กูไปห้องน้ำแป๊บ” “เออ ไม่ต้องรีบ” เป็นอันรู้กันว่าที่บอกไปห้องน้ำหมายความว่ายังไง ผมเดินตามสาวสวยที่สบตากันไม่ถึงนาทีมายังหลังผับ เดินเลยมาอีกนิดก็ถึงลานจอดรถแล้วไม่นานเสียงปลดล็อคก็ดังขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสมส่วนก็ขึ้นคร่อมอยู่บนตัว “แค่ครั้งเดียว” “ตามนั้นค่ะสุดหล่อ” เข็มขัดถูกปลดตามด้วยกางเกงและชั้นในที่ถูกรั้งไว้ที่หน้าขา เบาะถูกปรับให้เอนต่ำ จากนั้นคนด้านบนก็รูดรั้งแพนตี้ผ้าลูกไม้ออกมาจากเรียวขาของตัวเอง ไม่มีคำพูดใดระหว่างเรา เมื่อทุกอย่างดูเป็นใจส่วนกลางกายก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว “อ๊า!” ผมครางแผ่วเมื่อคนด้านบนบดเบียดเข้ามาอย่างรุนแรง ลมหายใจติดขัดเล็กน้อยในยามที่อีกฝ่ายแตะเลียลงมายังกึ่งกลางของหน้าอก สะโพกผายควงวนให้พนังอ่อนนุ่มได้บีบรัดท่อนลำอันแข็งขืน “ลึก ๆ เลยค่ะตัวเอง” ผมพลิกตัวขึ้นด้านบนแล้วจับอีกคนให้นอนคว่ำ จากนั้นก็ช้อนเอวบางให้ยกสูงก่อนที่จะส่งลูกชายตอกอัดเข้าไปไม่เว้นช่วง มือใหญ่บีบคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้าง เสียงกรีดร้องครวญครางทำให้ผมเร่งจังหวะ กดจูบลงไปยังแผ่นหลังบาง ไล่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอีกคนเอี้ยวหน้าหวังจูบแบบดูดดื่ม “เป็นอะไรคะ” ทั้งที่อารมณ์กำลังพุ่งพล่านแล้วแท้ ๆ แต่เป็นผมที่ทำให้ทุกอย่างสะดุด “พอดีไม่จูบ” “โอเค... ไม่จูบก็ไม่จูบ ขอแค่ทำเซ็กส์แบบถึงใจให้ก็พอ” ผมจัดให้ตามคำขอ กระแทกกระทั้นจนอีกฝ่ายตัวโยกคลอน เสียงหน้าขากระทบก้นดังตับตับ รู้สึกเลยว่ารถกำลังเคลื่อนไหวตามการขยับตัว แต่เวลานี้ผมไม่สนอะไรแล้ว นอกจากอยากปลดปล่อยออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อืมมมม” กดแช่ลูกชายให้ปลดปล่อยจนหมดแม็ก จากนั้นถึงดึงออกแล้วรูดรั้งเครื่องป้องกัน “เธอเอวดุมาก เราชอบ” สาวสาวเอ่ยชมแล้วยื่นมือมาติดกระดุมให้ ผมยิ้มขอบคุณแต่ไม่ได้ตอบกลับ “ว่าแต่เธอไม่ชอบจูบตอนมีเซ็กส์?” “ประมาณนั้น” ผมตอบในขณะที่กำลังยกสะโพกเพื่อดึงกางเกงกลับเข้าที่ “มีแฟนแล้วล่ะสิ” “ทำไมคิดงั้น” ผมถามอย่างสงสัย “ก็ส่วนใหญ่ผู้ชายที่ไม่ชอบจูบมักมีแฟนไม่ก็มีคนที่จูบจนติดใจเลยไม่อยากจูบคนอื่นอีก” “จริงเหรอ?” “ส่วนใหญ่ที่เจอมาก็เป็นงั้น” เธอไหว่ไหล่ “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะเราฟินมาก” ขอบคุณเสร็จก็กดจูบลงบนแก้ม “ไปล่ะ” “อือ” ผมมองตามจนเธอเดินหายเข้าผับ เอนหลังกับเบาะแล้วครุ่นคิดเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไว้ก่อนจากไป “ติดใจจนไม่อยากจูบใครอีกอย่างนั้นเหรอ” ไล้มือกับริมฝีปากของตัวเอง ภาพจูบดูดดื่มที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้แววฉายซ้ำอีกครั้ง รับรู้ถึงอัตราการเต้นหัวใจที่กำลังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “ยัยลูกหมู นี่เธอทำอะไรกับฉันเนี่ย!” Tubtim part “ฮัดเช่ย! ใครนินทา” จู่ ๆ ก็จามแบบไม่มีสาเหตุ โบราณบอกไว้ว่าอาการแบบนี้แสดงว่ามีคนกำลังนินทาเราลับหลัง “ลูกชายคุณป้าอยู่ไม่ติดห้องจริง ๆ ด้วย” มองประตูห้องฝั่งตรงข้าม อีกห้านาทีจะเที่ยงคืนแต่ตอนนี้เจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมา รายนั้นไม่ได้บอกหรอกนะว่าจะไปไหน แต่ดูจากการแต่งตัวก็พอเดาได้ว่าคงออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง “พูดไม่ทันขาดคำ” เสียงสัญญาณเตือนหน้าห้องบ่งบอกว่าคนที่พูดถึงเมื่อกี้กลับมาแล้ว ฉันยืนรอกะว่าจะทักท้ายสักหน่อยก่อนเข้านอน แต่ปรากฏว่า... “ยัยลูกหมู!” เปิดประตูมาก็ยกมือชี้หน้า อะไรของเขาเนี่ย “เธอทำอะไรกับฉันห๊ะ!” “เมาแล้วก็เข้าห้องนอนไปพี่ปั้น อย่ามาหาเรื่อง” “ฉันไม่ได้เมา” ไม่ได้เมาอะไรเล่า เดินหน้าสามถอยหลังสองยังกล้าบอกว่าไม่เมา “วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นแบบนี้” ว่าจบก็ย่างสามขุมเข้ามาหา “พี่ปั้นคิดจะทำอะไร” ฉันเดินถอยหลัง รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อคนเมาเอาแต่จ้องตาเขม็ง “ฉันต้องพิสูจน์ ต้องพิสูจน์!” เดินถอยหลังจนชนเข้ากับโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง ด้วยความไม่ระวังทำให้หงายหลังล้มเป็นโอกาสให้คนเมาขึ้นคร่อมตัว “พี่ปั้นออกไปจากตัวทิมเดี๋ยวนี้น่ะ!” พยายามผลักใบหน้าคมที่กำลังดอมดมซอกคอออก “ทิมจะฟ้องคุณป้าว่าพี่ปั้นรังแกทิม” คนเมาชะงัก ถอนหายใจคิดว่าตัวเองรอดแต่ที่ไหนได้... “ฟ้องเลย อยากฟ้องอะไรก็เชิญ ขอแค่ฉันรู้เหตุผลถึงโดนด่าก็คงไม่เป็นไร” เพียงแค่คิดจะพูดริมฝีปากก็ถูกประกบลงมาอย่างรวดเร็ว เรียวลิ้นสากสอดลึกเข้ามาถึงด้านใน มันปัดป่ายไปมารอบโพรงปาก บ้างก็ดูดดึงลิ้นเล็กตวัดเกี่ยวอย่างหยอกเอิ้น “ยัยลูกหมู ยัยปีศาจ เธอมันเป็นยัยแม่มด!” ต่อว่ากันเสร็จก็ฉกจูบลงมาอีก ฉันหมดแรงจะขัดขืนเลยปล่อยไปตามอารมณ์ ความร้อนแรงเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเนิบนาบ ร่างกายของเราแนบชิดกันทุกสัดส่วน เสียงครวญครางดังขึ้นอย่างประสาน พร้อมความเจ็บจี๊ดที่อีกคนฝากไว้บนต้นคอ End part.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD