Chapter 8 ความทรงจำแสนวาบหวาม

1508 Words
“ทำไมปวดหัวแบบนี้ว่ะ” รู้สึกตัวนานแล้วแต่กลับไม่สามารถพาตัวเองลุกออกจากเตียงได้ ทั้งที่ตอนนี้ลำคอแห้งผากบ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง “เมื่อคืนกูกลับคอนโดถูกได้ไง?” เหตุการณ์ที่ผมพอจำได้คือตอนที่เดินกลับเข้าผับหลังเสร็จกิจ จากนั้นก็นั่งดวลเหล้ากับไอ้เนไอ้ต้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าผมต้องจ่ายค่าเหล้าที่พวกมันแดกเพราะสู้ต่อไม่ไหว แล้วหลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็ตัดไป รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว “ปากแตกได้ไง” ดึงตัวเองเดินเข้าห้องน้ำจนสำเร็จ พอล้างหน้าส่องกระจกถึงได้รู้ว่ามุมปากซ้ายมีรอยแผล “มึงคงไม่ได้เผลอไปวอนตีนใครใช่ไหมปั้น” บ่นตัวเองไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้แผลมาแค่นี้ อีกอย่างผมไม่ใช่คนที่เมาแล้วชอบหาเรื่องใคร มากสุดน่าจะเผลอเดินกระแทกอะไรเข้านั้นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ “มองหน้าทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อพึ่งตื่นนอนรึไง” เลิกคิ้วถามคนที่เอาแต่จ้องกัน ยัยลูกหมูถอนหายใจแล้วกรอกตาทำราวกับเบื่อหน่ายผมนักหนา ซึ่งมันก็เป็นปฏิกิริยาปกตินั่นแหละ แต่ที่แปลกคือทำไมไม่ต่อปากต่อคำทั้งที่ผ่านมามีหรือจะปล่อยผ่านคำพูดผม “ผีเข้าเหรอ” “อะไรของพี่” “ก็วันนี้เธอไม่เถียง แปลก ๆ วะ” ผมหลี่ตาอย่างจับผิด ยัยทับทิมยังคงเงียบก้มหน้าทานข้าวไม่ปริปาก “แล้วคอไปโดนอะไรมา” พอได้ยินผมถามยัยลูกหมูก็ทำหน้างง “ตรงนี้” ผมแตะคอตัวเองบริเวณเดียวกับจ้ำแดงบนลำคอของทับทิม จากที่สังเกตเหมือนจะมีรอยเขี้ยวจาง ๆ ปนอยู่ด้วย “โดนหมากัด” “หมากัด?” “อือ” ยัยทับทิมครางตอบ “ถามดี ๆ ก็ตอบดี ๆ จะโกหกเพื่อ” หมาที่ไหนจะมากัดสูงขนาดนี้ “ไม่ได้โกหก ทิมโดนหมากัดมาจริง ๆ มันตัวใหญ่แต่แปลกที่ดันโง่” แล้วทำไมตอนพูดคำว่าโง่ต้องมองหน้าผมด้วยว่ะ คงไม่ได้กำลังหลอกด่าผมอยู่ใช่ไหม “แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโดนมันกัดได้” เมื่อวานก็กลับห้องมาพร้อมกันแล้วเอาเวลาไหนไปเล่นกับหมา “ทิมลงไปซื้อของหน้าคอนโด แล้วจู่ ๆ ก็มีหมาตัวใหญ่กระโดดใส่ ไม่ทันตั้งตัวเลยล้มแล้วโดนมันงับเข้าที่คอ” “แล้วเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า” ผมลากสายตาสำรวจ พอยัยลูกหมูส่ายหน้าก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก ไม่อย่างนั้นแม่ได้ฆ่าผมตายแน่ข้อหาดูแลหลานสาวสุดที่รักท่านไม่ดี “เธอต้องไปหาหมอนะ ไปให้หมอฉีดยากันพิษสุนัขบ้า แล้วรู้ตัวเจ้าของไหมจะได้ตามไปเอาเรื่อง” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” “หมายถึงจะไม่เอาเรื่องเจ้าของหมา?” “เปล่าค่ะ หมายถึงทั้งสองเรื่อง” “ไม่ได้! เธอไม่กลัวตัวเองติดเชื้อตายรึไง” ใจดีไม่เอาเรื่องเจ้าของหมาพอเข้าใจ แต่เรื่องไม่ไปฉีดยาไอ้ปั้นรับไม่ได้ วันดีคืนดี้เกิดคุ้มคลั่งกลัวน้ำขึ้นมาจะทำไง ตายห่ากันพอดี “หมาตัวนี้ไม่มีเชื้อบ้าหรอกค่ะนอกจากเชื้อโง่” “รู้ได้ยังไง มันบอกเธอ? คุยกับหมารู้เรื่อง?” “ก็พอคุยได้” ยัยทับทิมไหว่ไหล่ “แต่คุยบ่อยไม่ดี พูดกับหมาหมาเลียปาก” “อะไรของเธอ” พูดเองเข้าใจเองรึไง ไม่คิดจะพูดให้ผมเข้าใจเลยว่างั้น “สรุปจะไม่ไปโรงพยาบาล?” “ค่ะ ไม่ไป” “เค ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน” ในเมื่อพูดแล้วไม่ฟังผมก็ไม่เซ้าซี้หรอก โต ๆ กันแล้วพูดครั้งเดียวพอ “ว่าแต่เธอเห็นไหมว่าเมื่อคืนฉันกลับมาตอนไหน” มือที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ยัยลูกหมูมองผมแวบหนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า “หมาตัวนี้โง่จริง ๆ ด้วย” “ว่าไงนะ พูดดัง ๆ สิไม่ได้ยิน” พึมพำอยู่คนเดียวแล้วคิดว่าคนที่พึ่งตื่นแถมยังแฮงค์เหล้าอย่างผมจะฟังออกไหม “ทิมบอกว่าไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงกุกกักแล้วก็โวยวายว่าเดินชนขอบประตู” “อ๋อ...” ที่แท้แผลตรงมุมปากก็มาจากการเดินชนขอบประตู ไอ้ปั้นนะไอ้ปั้น เมาจนจำอะไรไม่ได้เลยไอ้ห่า ครั้งหน้าสัญญาว่าจะไม่แข่งดื่มกับพวกแม่ง กินยังไงก็ไม่เมาคอแข็งสัส! “ข้าวเหลือไหม ทำไม... ก็คนหิว” แค่ถามว่ากับข้าวเหลือรึเปล่าทำไมต้องใช้สายตามองเหมือนผมพึ่งไปฆ่าใครตายมา “ตัวปัญหาจริง ๆ เลย” “ได้ยินนะเว้ยยยย” พูดตามหลังคนที่ลุกเดินไปยังครัว ถึงเมื่อกี้ยัยลูกหมูจะพึมพำแต่ผมก็ได้ยินเต็มสองหู พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน ทิ้งตัวแผ่หลากลางโซฟา รู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าอยากอ้วก “อะไรวะ” หลับตาลงได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้ง “ฝัน?” จะว่าฝันก็ไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ผมยังไม่หลับ แล้วทำไมภาพลาง ๆ เหมือนผมกำลังนัวเนียกับใครบางคนถึงแวบเข้ามาในหัว มันเหมือนจริงแล้วก็เหมือนว่าพึ่งเกิดขึ้น ทั้งสัมผัสวาบหวามทั้งน้ำเสียงครวญครางผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่ภาพที่ทำกับผู้หญิงคนนั้นที่ลานจอดรถ แต่มันเหมือนว่าผมทำในห้องนี้แล้วก็ทำบนโซฟาตัวนี้ด้วย “เมาจนบ้าไปแล้วกู” ในเมื่อคิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยเลิกคิด หลับตาลงอีกครั้งแต่ไม่นานภาพเหมือนเมื่อครู่ก็ผุดขึ้นมาอีก ภาพที่ผมกำลังใช้ปากกดจูบลงไปยังแอ่งชีพจรบนต้นคอขาวของใครสักคน เธอเป็นผู้หญิงหุ่นบางแต่ทุกอย่างกลับเต็มไม้เต็มมือ โดยเฉพาะส่วนนุ่มนิ่มทั้งสองเต้าที่ผมกำลังฟอนเฟ้นอย่างเมามัน กลิ่นหอมอ่อนที่โชยมาจากตัวเธอทำให้ผมรู้สึกคลั่ง ดอมดมตั้งแต่ช่วงลำคอลากไล้เลื้อยต่ำลงมายังกลางกาย “หอมว่ะ” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ใบหน้าของผมจะมุดหายเข้าไปกลางหว่างขา ได้ยินเสียงครางหงุงหงิงดังออกมาอย่างแผ่วเบาสลับเสียงเจ๊าะแจะที่เกิดจากการทำรักด้วยริมฝีปากและปลายลิ้น ก่อนที่ไม่นานเสียงครางหวิวจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง “ไอ้เหี้ย!” คราวนี้ผมไม่ได้แค่สะดุ้ง แต่ลูกชายผมเริ่มผงกหัวจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องนอน “ไม่ใช่ความฝันแน่” มันเหมือนจริงเกินไปจนเชื่อไม่ลงว่าจะเป็นแค่ความฝัน กลิ่นรสสัมผัสผมยังจำได้อยู่เลย ความรู้สึกละมุมลิ้นตอนกวาดตอนน้ำสีใสเข้าโพรงปากก็หวานล้ำเกินกว่าจะเป็นแค่เพียงจินตนาการ อีกอย่างผมก็ไม่เคยฝันแบบนี้เพราะผมไม่เคยทำรักให้ใครด้วยปากเลยสักครั้ง “ไม่ ๆ ต้องไม่ใช่” ผมส่ายหัวรัวเร็ว พยายามปัดความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว “ยัยนั่นก็บอกอยู่ว่าแค่ได้ยินเสียงไม่ได้เดินออกมา” ไม่มีเหตุผลอะไรที่ยัยลูกหมูต้องโกหก นิสัยไม่ยอมคนแบบนั้นไม่มีทางอยู่เฉยแน่ถ้าหากว่าโดนผมทำขนาดนั้น “ช่างมันปั้นช่างมัน อาจจะเป็นแค่เรื่องที่มึงจินตนาการเองก็ได้ ช่างมัน” พอบอกตัวเองแบบนั้นก็ยิ้มออก เอนหลังนอนบนเตียงกว้างหลับตาพริ้ม แต่... “ช่างมันได้ก็เหี้ยแล้วไอ้สัส!” พอคิดว่าคนที่นัวเนียด้วยอาจจะเป็นยัยลูกหมูผมก็ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ ยิ่งพอคิดดูอีกทีเรื่องรอยบนต้นคอก็ยิ่งน่าสงสัย หมาที่ไหนจะกัดแล้วเป็นรอยจ้ำ หมากัดก็ต้องเป็นรอยเขี้ยวลึก ๆ สิถูกไหม แล้วตอนที่พูดว่าหมาโง่ก็เอาแต่มองมาที่ผมด้วย ทำไมทุกอย่างถึงเข้าเค้าเต็มไปหมด “หรือว่ากูต้องกลายร่างเป็นโคนัน” ในเมื่ออยากรู้ความจริงก็คงต้องลองดู เพราะถ้าไปถามยัยลูกหมูอีกรอบยังไงคำตอบก็คงไม่ต่างไปจากเดิม ฉะนั้นผมต้องหาความจริงด้วยตัวเอง ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป แต่ถ้าใช่... ก็คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าระหว่างเราจะเอาไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD