ยาหยีมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองผ่านกระจกใสที่อยู่ภายในห้องน้ำ ก่อนที่ปากอิ่มจะเม้มเข้าหากัน เมื่อเธอนึกถึงใบหน้าของผู้กระทำ
ตั้งแต่วันนั้นที่เจอกันที่โรงพยาบาล เธอก็ไม่ได้เจอเพื่อนของพี่ชายอีกเลย แต่ทว่า แม้จะไม่ได้เจอหน้า แต่ร่องรอยทุกๆจุดที่เขาเป็นคนทำมันขึ้นมา แม้กาลเวลามันก็ไม่สามารถทำให้เธอลืมได้เลย รอยช้ำสีกุหลาบแม้จะเริ่มจางเมื่อระยะเวลาเริ่มตี ห่าง แต่ทว่ารอยช้ำมันก็ไม่ได้ว่าจะหายไป มันยังเผยให้เห็นทั้งจุดที่ชัดมาก และจุดที่เริ่มจาง มันยิ่งเป็นการตอกย้ำในทุกๆครั้งที่เธอเปลือยร่าง ในตอนที่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า เลยกลับกลายเป็นว่า ต่อให้เธอพยายามลืมเรื่องนั้นเท่าไหร่ เธอก็ลืมไม่ได้เสียที
หลังจากที่เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เธอก็คว้ากระเป๋าหนึ่งใบ และเตรียมที่จะออกจากบ้าน ความจริงเธอและพี่น้องทุกๆคน ล้วนอยู่ที่บ้านใหญ่หลังนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ด้วยความที่หลังจากคุณย่ากลับจากโรงพยาบาล เพราะท่านดันทราบข่าวของพี่คีจากหนึ่งในบรรดาพี่น้อง ทำให้ท่านไปที่โรงพยาบาลด้วยความห่วงใย แต่ทว่า พ่อท่านกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
คุณย่าโวยวายและอาละวาดลั่นบ้านห้ามพี่คี และป้าวีมาเหยียบที่บ้านหลังนี้เด็ดขาด ทุกคนที่ฟังต่างก็แสดงความสงสัย แล้วเงียบไปตามๆกัน เห็นจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเธอก็ไม่ได้รอช้า พี่จะปล่อยทุกอย่างให้ผ่าน นอกจากการใช้วาจา เปร่งออกไปว่า สิ่งที่ป้าวีทำ และสิ่งที่พี่คีเลือก มันเป็นความต้องการของเขา เป็นความสุขของเขา และเขาทำถูกแล้ว แล้วจากนั้นไม่นาน คนพูดมากอย่างเธอ ก็โดนคุณย่าเอ่ยปากไล่ ให้ออกไปให้มันพ้นหน้าเช่นเดียวกัน
เธอก็เป็นเพียงวัยรุ่นสมัยใหม่ ที่ไม่ได้แคร์ หรือต้องทนเก็บความช้ำเอาไว้ ในเมื่อคุณย่าเอ่ยปากไล่ เธอก็แค่กลับมาในที่ของเธอ ซึ่งเป็นคอนโด ที่พ่อกับแม่ของเธอซื้อไว้ให้ หลายคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมเธอและคนอื่นๆต้องอยู่กับคุณย่า นั่นมันก็เป็นเพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเธอ หรือบุพการีของญาติพี่น้องเธอ ไม่มีใครเป็นลูกแท้ๆของคุณย่าสักคน บ้านหลังใหญ่ที่ทุกคนอยู่ เป็นบ้านของคุณปู่ และคุณย่าก็เลือกที่จะรับเลี้ยงเฉพาะหลาน พ่อแม่ของพวกเราแต่ละคน ถึงต้องแยกกันอยู่ทางใครทางมัน
บิดาและมารดาของเธออยู่ที่ต่างประเทศทั้งคู่ เธอเป็นเพียงบุตรสาวคนเดียว ช่วงที่มหาลัยหยุด มีการไปเที่ยวหาบิดามารดาที่โน่นบ้าง และเธอ และพ่อแม่ของเธอ ก็ไม่เคยขาดการติดต่อเลยสักครั้ง
"เดี๋ยวสิหยี จะไปจริงๆหรือไง คุณย่าก็อารมณ์ประมาณนั้นอยู่แล้วไหม"
ธีระ ขยับเข้ามาเพื่อรั้งเธอไว้ เธอจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมา และปลดมือหนาของอีกคนออกห่าง เพื่อให้ตัวเธอหลุดพ้นจากการเกาะกุม
"นายไม่รู้หรอกธี ว่าคุณย่าทำกับคีขนาดไหน คุณย่าทำไม่ถูกเลยรู้ตัวบ้างไหม คิดว่าฉันเป็นคนดีมากมาย ที่จะทนอยู่ให้คุณย่าทำอะไรยังไงก็ได้หรือยังไง คราวก่อนก็ตบหน้าฉันไปที คราวนี้ขอไปอยู่ที่คอนโดดีกว่า"
เธอว่า ก่อนจะเดินออกมา ในขณะที่ธีระก็เดินตามหลังออกมา
"จะขับรถไปส่งก็แล้วกัน"
"ฉันไม่กลับมาส่งคืนหรอกนะ"
เธอต่อรองออกมา ในขณะที่อีกคนตอบรับในลำคออย่างแผ่วเบา
.
.
.
ธีระมาส่งเธอที่คอนโดได้ไม่นาน จากนั้นนายคนนั้นก็ปลีกตัวกลับไป ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะไปเยี่ยมพี่ชายที่โรงพยาบาลดีไหม แต่ก็นึกขึ้นได้ ว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่น เธอเลยเลือกที่จะเปิดทาง เพื่อให้เขาอยู่ด้วยกันเห็นจะดีกว่า แต่แล้ว ระหว่างที่เธอกำลังครุ่นคิด สมาร์ทโฟนของเธอก็ร้องขึ้นมา
เบอร์โทรของป้าวีที่โชว์หรา ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะกดรับสาย
"ค่ะป้าวี หยีจะโทรหาพอดีเลยค่ะ"
(หยีว่างรึเปล่า มาช่วยป้าซื้อของเข้าบ้านหน่อยได้ไหม ป้าอยากให้พี่ชายเราได้ง้อเมียเขาแบบเต็มที่น่ะ หยีมาช่วยป้าถือของทีสิ พอดีจะเตรียมบ้าน คอยรับลูกสะใภ้)
"แหมป้าวีขา.. เรียกลูกสะใภ้เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะคะ"
เธอพูดออกมาเบาๆแต่ถึงอย่างนั้น รอยยิ้มที่มุมปากก็เผลอปรากฏออกมา ฟังดูก็รู้ว่าในเวลานี้ ป้าวีที่เธอรัก กำลังมีความสุขในสิ่งที่ทำมาก
(ก็สะใภ้คนนี้ ป้าวีรัก.. และถูกใจที่สุดนี่นา เอาเป็นว่า หยีไปเจอป้าที่ห้างสรรพสินค้าเลยนะ แล้วเจอกันนะลูก)
เธอเลือกที่จะตอบรับออกมา ก่อนที่สายสนทนาจะตัดไป อดคิดไม่ได้ ว่าเพียงฝันเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก ไม่รู้เพราะอะไร เธอถึงเฝ้าคิดแบบนั้นซ้ำๆ รู้สึกว่า หล่อนเป็นคนสำคัญของใครต่อใคร โดยที่ผู้หญิงอย่างเธอเทียบชั้นไม่ได้เลย
@ห้างสรรพสินค้า
ป้าวี พาเธอมาเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งเครื่องบริโภคอีกหลายๆอย่าง ป้าวีเลือกที่จะเล่า ถึงเรื่องของพี่คีและผู้หญิงคนนั้นให้เธอฟังระหว่างที่เลือกซื้อของด้วยกันเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะเล่าเรื่องของคุณย่าหรือคิดที่จะเอ่ยถึงแต่อย่างใด
พอเลือกซื้อของกันเสร็จ ป้าวีก็เลือกที่จะชวนเธอไปที่ร้านอาหาร แล้วสิ่งที่ไม่คิดไม่ฝัน ก็ดันเกิดกับเธอจนได้
"อ้าวซี.. มาทานอาหารร้านนี้เหมือนกันเหรอ"
เสียงทักทายของป้าวีทำให้เธอใจหาย ไม่อยากให้ท่านเอ่ยทักทาย แม้ว่าคนที่รู้จักกัน จะไม่ควรทำอะไรแบบนั้นก็ตาม
"อ่า.. ครับ"
เสียงตอบรับดังอยู่ไม่ไกล แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไป แม้จะจำเสียงของเขาได้ก็ตาม
"มากับใครล่ะ"
ป้าวีของเธอยังเลือกที่จะร้องถามซึ่งจากนั้นไม่นาน..
"อ้าวแม่วี มาทานข้าวที่ร้านนี้เหมือนกันหรอคะ"
เสียงปริศนา ทำให้หญิงสาวที่นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อสักครู่ หันไปมองตามต้นเสียงโดยไว และหางตาของเธอก็ปะทะกับดวงหน้าดูดีของเขาคนนั้นด้วยเช่นกัน
"แม่บี.. ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีหรอคะ"
"สบายดีค่ะ บังเอิญจังเลยค่ะ ได้มานั่งทานข้าวร้านเดียวกัน"
คำพูดของผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ทำให้เธอเหลือบมองเขาคนนั้นอย่างอดไม่ได้ ซึ่งเขาเองก็มองมาที่เธอด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป เธอจึงเลือกที่จะนิ่งไปเช่นเดียวกัน
แล้วที่มากไปกว่านั้น ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ดันเลือกที่จะร่วมโต๊ะเพื่อทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ซึ่งเธอเลยต้องทนนั่งอึดอัดแบบนั้นอยู่นานสองนาน
"งั้น.. หยีขอขนของไปรอที่รถนะคะป้าวี ไว้หยีเอาของไปไว้ที่บ้านของพี่คีเลยก็ได้ค่ะ"
"หื้มมม.. ว่าแต่ ทำไมวันนี้ซื้อของเยอะแยะเลยล่ะ มีแพลนสังสรรค์อะไรกันเอ่ย"
แม่พี่ซีเอ่ยถาม เธอก็พึ่งได้สังเกตเห็น ว่าท่านสวย และพูดเก่งมาก ต่างจากบุตรชายของท่าน ที่นอกจากปากจัด ก็เงียบมากจนเกินไป
"พอดีจะรับลูกสะใภ้กลับบ้านน่ะค่ะ"
"อ๋อ.. อย่างนั้นหรอคะ"
แม่พี่ซีนิ่งไปทันที เช่นเดียวกับรอยยิ้มของท่านที่หายไป เธอไม่รู้ ว่ากิริยาอย่างนั้นมันหมายความว่าแบบไหน แต่สักพัก แม่พี่ซีก็เลือกที่จะเอ่ยออกมาใหม่
"งั้นซีไปช่วยน้องทีสิลูก แม่จะนั่งคุยกับแม่วีรอ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หยีทำเองได้"
ยาหยีปฏิเสธความหวังดีโดยไว เธอเลือกที่จะไม่มองหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยซ้ำ จากนั้นก็เลือกที่จะยกมือไหว้ แล้วหิ้วของที่อยู่ในรถเข็น แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นในทันที
.
.
.
แล้วระหว่างที่เธอยัดข้าวของเข้าไปในรถ จนกระทั่งจังหวะที่เตรียมจะหมุนกายกลับ ผู้ชายคนนั้นก็ตามออกมา
สีหน้าของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้เต็มใจที่จะช่วยสักเท่าไหร่ คิ้วเข้มนิ่วเข้ากันจนมันวุ่นวาย จากนั้นเขาก็เฉียดกายเข้ามาใกล้เธอ ในจังหวะที่จะเอาของมาใส่รถให้ จนต้นแขนแกร่ง เฉียดปลายอกของเธออย่างจัง
"อ๊ะ.."
ด้วยความที่หลบไม่ทัน ความไม่พอใจ มันก็บังเกิดเช่นเดียวกัน
"ถ้าไม่เต็มใจช่วย ก็ไม่ควรช่วยไหมคะ แค่รู้ว่าผัวเขาจะคืนดีกับเมีย จำเป็นตะ.."
"เงียบ!"
เสียงที่ดังถูกตะคอกกลับ ซึ่งเธอเองก็ถึงกับผละถอยเช่นกัน
"เลิกพูดมากสักทีได้ไหม รำคาญ"
"รับไม่ได้อย่างนั้นหรอคะ.. ธรรมดาแหละค่ะ คนมาทีหลัง จะไปสู้คนที่เขามาก่อนได้ยังไง"
เธอยิ้มกลับ แววตาออกเชิงเย้ยใส่ ทีเขายังชอบพูดแรงๆใส่ แล้วทำไมเธอถึงจะพูดกลับบ้างไม่ได้
"บอกให้เงียบ!"
"ทำใจเถอะค่ะ เพียงฝันรักพี่คี ไม่ใช่พี่ซี.."
"...เพียงฝันเลือกพี่คี ไม่ใช่พี่ซี"
"ต่อให้เขาเลือกใคร สำหรับฉัน เขาก็มีค่ากว่าเธออยู่ดี"
"ผู้ชายประเภทไหนกันล่ะคะ ที่คิดแบบนี้.."
"...คิดว่าเมียคนอื่นมีค่า เพราะรอที่จะเสียบ.. แทนที่สามีของเขาตลอดเวลา ระวังบาปกรรมตามทัน ไม่มีใครคบเอานะคะ"
"เธอนี่มัน!"
เขาแค่นเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับแสดงความไม่พอใจ แต่เธอก็เลือกที่จะแสยะยิ้มใส่ ก่อนจะหมุนกายกลับ
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าคำพูดนั้น วิ่งวนอยู่ในหัวของอีกคนจนสลัดออกไม่ไหว จนผู้ชายที่ใจเย็นอย่างเขา เกิดอาการร้อนอกร้อนใจอย่างไม่เคยเป็นมา