“โอ้ ท่านแม่ทัพ” ส่งเสียงเรียกชายหนุ่มแล้ว หลี่หวางชิงก็ฝืนใจเป็นอย่างยิ่งในการค้อมเอวอ่อนเพื่อทำความเคารพจ้านซานป๋อ กิริยานางคือการแสร้งทำ ราวกับเป็นสตรีหน้าไหว้หลังหลอก
และสีหน้านางไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้บึ้งตึง แต่เจือความท้าทายอยู่ในที เมื่อดวงตากลมโตสานสบกับดวงตาคมกริบ นางก็มองเขาอย่างไม่หลบสายตา แม้ใจจะสั่นไหวรุนแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ แต่ฝืนเชิดหน้าสูง
ซึ่งในคราแรกเจ้าของร่างนี้ หลงเสน่ห์จ้านซานป๋อจนแทบคลั่ง เพราะอีกฝ่ายเป็นรักแรกของหลี่หวางชิง แต่เมื่อใคร่ครวญให้ดี ความโกรธแค้นพลันปะทุขึ้น หัวใจหดเกร็ง ก่อนจะปวดหนึบ แล้วชาด้าน นางรับรู้ถึงการถูกหักหลัง ความอมหิต อีกทั้งการนอกใจ!!
โอ้...หลี่หวางชิงช่างน่าสงสาร นางเป็นเพียงสตรีอายุสิบเจ็ดปีที่ต้องรับชะตากรรมเลวร้าย เพราะสามียึดมั่นในการรักษาบ้านเมือง เชื่อฟังคำสั่งของสกุลนับรบของตน และมิอาจเป็นบุตรอกตัญญู เขาไม่ได้เกลียดนางก็จริง แต่กลับเพิกเฉย ปล่อยให้นางเผชิญชะตากรรมต่างๆ เพียงลำพังในจวนของแม่ทัพ จวนที่เหมือนนรกบนดิน!
ยามนั้น หญิงสาวกึ่งเย้ายวน กึ่งยิ้มเยาะอยู่ในที กิริยาของนางทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของจ้านซานป๋อแข็งกระด้างขึ้นไปอีกหลายส่วน กระนั้นเขาไม่ได้อออกคำสั่ง หรือบังคับน้องสาวคนเล็กให้กลับจวน เพียงแต่ส่งสายตาข่มขวัญหลี่หวางชิง จากนั้นก็มีนายกองผู้หนึ่งเข้ามาแจ้งบางสิ่ง และจ้านซานป๋อต้องรีบเข้าวังโดยด่วน
“อย่าอยู่เล่นให้นาน มารดาเป็นห่วงเจ้า และพี่จะให้คนรอพาเจ้ากลับจวน”
“ขอบใจพี่ใหญ่ ข้าจะอยู่คุยกับคุณหนูสี่อีกเล็กน้อย”
“ตามใจเจ้าเถิด และจำคำพี่เอาไว้ คำใดควรเก็บเงียบ เจ้าต้องระวังให้มาก อย่าได้แพร่งพรายให้ผู้อื่นเอาไปนินทา” เมื่อบอกน้องสาวแล้ว เขาจึงก้าวดุ่มๆ จากไป
“รีบเช่นนั้น ข้าไม่ส่งนะท่านแม่ทัพ!”
อันที่จริงหลี่หวางชิงควรสงบปากสงบคำ แต่นางอดใจไม่ไหว ก็ใครใช้ให้จ้านซานป๋อ น่าหมั่นไส้ถึงเพียงนั้น
ราวๆ ชั่วหนึ่งก้านธูปดับ หลี่หวางชิงจึงได้พบมู่ถังเหริน อีกฝ่ายเป็นบุรุษหน้าขาวใส เขามิต่างจากคนดังในยุคปัจจุบัน สูง ขาว หุ่นไม่หนา แต่ไม่ใช่พวกขี้ก้าง เป็นชายรูปงามตามแบบพิมพ์นิยม
ถังมู่เหรินมีรอยยิ้มเป็นอาวุธ ยามยิ้มทำให้ดวงตาหยิบหยี น่ามองและเพลินใจ แต่นางผู้มาอาศัยร่างนี้ ไม่ใช่สาวน้อย จึงไม่ได้หลงเสน่ห์เขา
เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามา และพบกับสตรีทั้งสองคน เขาก็มีสหน้าซีดเผือดและเหงื่อแตกท่วมหน้าผาก
ดวงตากลมโตของหลี่หวางชิงจับสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้น และปะติดปะต่อทุกอย่างที่ได้ยินก่อนหน้านี้
“มารหัวขน!!... ท่านพี่เข้าใจหรือไม่ ปล่อยน้องหญิงตายเสียเถอะ มิเช่นนั้น คงเป็นการลบหลู่เบื้องสูง!”
คำพูดจ้านปี่อี้ที่กล่าวอย่างตัดพ้อกับแม่ทัพหนุ่ม ย่อมมีเงื่อนงำ พอหลี่หวางชิงลอบมองเจ้าบ้านถังน้อย นางก็หัวเราะอย่างนางมารร้ายในลำคอ ระหว่างจ้านปี่อี้กับหนุ่มหน้าใสผู้นี้ ย่อมมีบางสิ่งที่ลึกซึ้งต่อกัน และ ‘มารหัวขน’ ที่ดรุณีน้อยกล่าวถึง จะเป็นสิ่งใด หากไม่ใช่ว่าจ้านปี่อี้กำลังตั้งครรภ์ ส่วนบิดาของลูกในน้องนาง ย่อมไม่ใช่ใครอื่น เพียงแค่คิด หลี่หวางชิงก็ครึ้มอกครึ้มใจ วันนี้นางมีหมากในมือเพื่อเดินในกระดานเปื้อนเลือด พร้อมกันถึงสองตัว!
จ้านปี่อี้ตัวสั่น นางแสดงอย่างชัดเจนว่าอาลัยอาวรณ์ต่อเจ้าบ้านถังน้อยผู้นี้
ฝ่ายถังมู่เหรินรีบดึงสติตนกลับคืน และเอ่ยว่า
“ข้าคิดไม่ถึงว่าคุณหนูสี่ กับเสี่ยวอี้ จะอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
“สวรรค์ลิขิตไว้แล้ว หาใช่เรื่องบังเอิญอันใด”
หลี่หวางชิงเป็นคนกล่าว และนางชี้ชวนให้ทุกคนก้าวไปยังศาลารับรอง ในจุดนั้นมีเณรน้อยกำลังกวาดใบไม้อยู่ และมีขนมหวานกับน้ำชาดอกไม้หอมรสดีจัดเตรียมไว้
ขณะที่หลี่หวางชิงสืบเท้าไปยังศาลาแปดเหลี่ยม หญิงสาวกลับสะดุดขาตนเองแล้วล้มลง การล้มของนางรุนแรงมิน้อย ถึงข้อเท้าไม่ได้แพลงแต่นางเจ็บจนยังไม่อาจลุกขึ้นได้ง่ายๆ
เมื่อหลี่หวางชิงพยายามใช้สองมือยันพื้น นางพลันตัวแข็งทื่อ ภาพในหัวปรากฏขึ้น เป็นช่วงเวลาหลังจากที่นั่งประจำที่บนเครื่องบิน เพื่อเข้าร่วมแสดงซีรีย์เรื่องดังที่ร่วมทุนสร้างระหว่างไทย-จีน โดยผู้กำกับมือทองแห่งยุคชาวไต้หวัน
‘นางจิ้งจอกน้อยในกำมือแม่ทัพ’ คือซีรีย์ที่นางได้รับบทดารารับเชิญ คราแรกเธออยากบอกปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ ทว่าดาราสาวที่อายุไม่น้อยวัยสามสิบหก และยังอยู่ในช่วงขาลง บทดีๆ ไม่เข้ามือมานาน นอกจากนั้นซีรีย์เรื่องนี้ ยังคัดเลือกนักแสดงทั่วทั้งเอเชียเข้าร่วมรับบทหลายคน
ดังนั้น ลู่ฟาง หรือ หยกมณี ชัยศิลป์ ลูกครึ่งสาวไทย-จีน จำต้องเดินทางเพื่อเข้ารับบทดังกล่าวเป็น หลี่หวางชิง
ทว่าบทที่ลู่ฟางได้รับ เธอตายตั้งแต่สามสิบนาทีแรก ทั้งที่ซีรีย์มีทั้งหมดสี่สิบสองตอน!
อันที่จริงลู่ฟางควรดีใจเสียด้วยซ้ำ เพราะได้รับบทตัวประกอบที่สำคัญ และยังมีการแจ้งว่า จะใช้กราฟฟิกทำให้เธอดูอ่อนเยาว์คล้ายเด็กสาวตามอายุจริงของตัวละคร อีกทั้งซีรีย์เรื่องนี้ บางส่วนนิยายได้เขียนตามเรื่องจริงของบุคคลที่เคยถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหล่าตัวเอก
สำหรับบทบาทของลู่ฟาง หลังจากดื่มยาพิษ ‘เก้ารากเจ็ดหาง’ เธอสลบไปราวกับคนตาย จากนั้นจึงถูกนำใส่โลงศพ และเอาไปฝังทั้งเป็น จุดนี้ทำให้พระเอกของเรื่องเกิดความแค้น จากนั้นเขาจึงกอบกู้บ้านเมือง และล่มอำนาจชั่วของคนที่สั่งสังหารหลี่หวางชิง โดยเขาได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวลึกลับที่เปรียบเสมือนนางจิ้งจอกน้อย โดยทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน กระทั่งเกิดความรักแสนตราตรึง และมีลูกที่น่ารัก
ดูเหมือนการรับบทตัวประกอบ จะไม่มีปัญหาใด อีกทั้งลู่ฟางตกลงแล้วด้วย เพราะเป็นงานระดับต่างประเทศ และเธอไม่มีการแสดงมาเกือบสองปี ซึ่งก่อนหน้านั้น ทางผู้จัดหลายคนมักส่งบทที่ไม่น่าสนใจมาให้ หากไม่เกินอายุจริงเธอไปมาก ก็เน้นแนวดราม่าตบตีแย่งสามี ไม่ก็รับบทพี่สาวนางเอก ที่ร้ายแรงสุดที่เธอรับไม่ได้คือบทแม่นายเอกซึ่งแสนดีมากๆ ในซีรีย์วาย โดยเธอต้องคอยสนับสนุนให้หนุ่มๆ จีบกัน
ความหลากหลายทางเพศเธอไม่ถือ แต่สิ่งที่ทำใจรับไม่ได้คือการเป็นแม่ที่แสนดียังไม่พอ เธอต้องยอมรับว่าสามีตัวเองในเรื่องและลูกชาย ล้วนอยากได้หนุ่มๆ เสียเอง ลู่ฟางจึงต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วสนับสนุนให้ทั้งสามีกับลูกชายสานฝันพบความสุขอย่างเต็มที่ เช่นนี้เธอจึงต้องแห้งเหี่ยวหัวโต แสดงบทบาทด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ใจนั้นแหลกสลาย
ดาราเจ้าบทบาทอย่างเธอต้องฝืนทนกับสิ่งเหล่านี้ ที่วนเวียนเข้ามาในชีวิต ลู่ฟางยังสาวและสวยมาก อายุยังไม่ถึงสี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ชีวิตทางการแสดงกับถึงทางตันเสียแล้ว
และขณะเดียวกัน เธอก็หาทางออกให้ตนเองเพื่อจะได้อยู่ในกระแส ด้วยการเปิดร้านอาหาร ขายเครื่องดื่มสุขภาพ แม้กระทั่งเปิดช่องส่วนตัวในโลกออนไลน์ พาเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ แต่กระแสกลับไม่ดังเปรี้ยงปร้าง จนเธอค่อยๆ หมดไฟไป ซ้ำร้าย ยังมีข่าวซุบซิบหนาหู เกี่ยวกับชายหนุ่มที่เธอคบหา เขาทำตัวไม่น่ารัก เป็นไอโซปลอมเปลือก!
หญิงสาวอ่านบทอีกครั้ง พยายามไล่ทวนพูดของตน อ่านแล้วอ่านอีกก็ต้องถอนหายใจหลายเฮือก คนที่นอนในโลงศพ จะมีบทพูดได้อย่างไร ที่น่าตลกอย่างที่สุดคือ แม่นมของเธอกับสาวใช้ประจำตัว ยังได้ถ่ายทอดการแสดงที่น่าจดจำ รับบทพูดแสนบีบคั้นทางอารมณ์ ส่วนตัวเธอทำได้แค่นอนสวยๆ ในโลงศพ เช่นนี้จะให้เธอมาแสดงด้วยเหตุใด คนพวกนี้กำลังเล่นตลกกับลู่ฟาง ผู้เป็นดาราสาวที่ในอดีตโด่งดัง เป็นทั้งนางแบบระดับท็อปของเอเชีย เธอคือเพชรส่องแสงงดงาม ทุกบ้านในประเทศฯ และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่างต้องเปิดทีวีเพื่อชื่นชมการแสดงของเธอในยามค่ำคืน เรื่องนี้เคยเป็นที่กล่าวขานถึงเสมอ มีบางครั้งนักข่าวยังจุดกระแสว่า ช่วงเวลาสองทุ่มครึ่งถึงสี่ทุ่มครึ่ง เมื่อละครของเธอออกอากาศ ถนนยามค่ำคืนแทบจะไร้การสัญจรเลยทีเดียว!