07
#หลงเมียครั้งที่เจ็ด
(ต่อ)
สามวันต่อมา
สารถีเทียวรับเทียวส่งอย่างภวินทร์กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขาจองเอาไว้แบบห้องอาหารส่วนตัว แต่ทว่าบรรยากาศภายในรถกลับตลบอบอวลไปด้วยความมึนตึงบางอย่างของสองแม่ลูก
คนเป็นแม่หน้านิ่วคิ้วขมวดขึงแต่กระนั้นก็คอยรอบมองลูกชายตนเองที่นั่งบนคาร์ซีทที่นายแพทย์หนุ่มเอามาติดที่นั่งด้านหลังเอาไว้ เด็กชายนคินทร์ที่หน้ามุ่ยไม่ต่างกันแถมยังเบะปากเชิดหน้าออกไปอีกฝั่ง ซ้ำขอบตายังขึ้นสีระเรื่อราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ กระนั้นก็ยังใช้โทนเสียงที่เบากว่าปกติราวกับไม่ต้องการให้เด็กชายตัวจ้อยได้ยินบทสนทนา
พันดาวเม้มปากอย่างคนคิดไม่ตก เหตุการณ์และพฤติกรรมของลูกที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาตั้งรับแทบไม่ทัน ถ้าหากมีคอยให้คำปรึกษาและช่วยคุยกับลูกชายเธอตอนนี้คงจะดีไม่น้อย ริมฝีปากสวยได้รูปคลายออกก่อนจะตัดสินใจเล่าให้อีกฝ่ายฟัง
“...คือช่วงบ่ายคุณครูที่เตรียมอนุบาลโทรฯ มาแจ้งว่าน้องครามตีเพื่อนน่ะค่ะ”
“หืม...ตีเพื่อนหรือครับ ครูได้บอกไหมครับว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร”
พันดาวเงียบเสียงลง ในใจก็กลัวว่าจะหลุดความลับออกไป แต่อีกใจก็ร้อนรนเรื่องลูก
“...คืออีกไม่กี่วันจะถึงงานวันพ่อน่ะค่ะ แกโดนเพื่อน ๆ ล้อว่าไม่มี เอ่อ พ่อ...เลยเผลอทำร้ายเพื่อนในห้องไป ฉันพยายามถามเรื่องราวแต่น้องครามก็เอาแต่เงียบไม่ยอมพูดออกมาเลยสักคำ อึก ฉะ ฉัน...ฮึก”
คุณแม่ลูกหนึ่งที่รับสภาวะเครียดตอนนี้ไม่ไหวก็สะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดจะทน ภวินทร์มองร่างบางที่ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาแต่เขาก็รู้ว่าภายใต้คงจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเป็นแน่
พันดาวรู้สึกกดดันไม่น้อยเพราะผู้ปกครองของเด็กอีกคนไม่ยอมความง่าย ๆ แล้วคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอเล่าจะทำอะไรได้ ลูกชายเธอผิดเต็ม ๆ เมื่อเป็นฝ่ายเริ่มก่อนซ้ำยังเป็นการทำร้ายร่างกายเสียด้วย ดีที่ไม่มีเลือดตกยางออกให้เรื่องราวมันใหญ่โตไปมากกว่านี้
ภวินทร์ลอบมองคนที่สะอื้นจนตัวโยนเป็นระยะ แต่ก็ยังคงกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้ลูกชายของเธอได้ยิน มือหนาคว้ากล่องกระดาษทิชชู่ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าอีกคนก่อนมือเล็กจะรับมาไว้แต่โดยดี
ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันขนาดครอบครัวเคลื่อนตัวลงจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง พันดาวคลายสะอื้นลงไปแล้วกระนั้นขอบตาและจมูกรั้นแดงก่ำเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
“เดี๋ยวผมคุยกับลูกให้เอง” ก่อนที่ภวินทร์จะลงจากรถไม่วายหันมาบอกหญิงสาว ดวงตากลมโตที่มองมาอย่างขอบคุณจนคนตัวสูงรับรู้ได้จึงยกยิ้มบางส่งกลับไป
ผู้คนในร้านต่างจ้องมองทางนี้เป็นตาเดียว ภาพชายหนุ่มร่างสูงดูมีภูมิฐานอุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้แนบอก ข้างกายมีหญิงสาวรูปร่างผอมบาง ดวงหน้าสวยหวานละมุนตาเดินเคียงคู่เข้ามาในร้าน ผู้จัดการของร้านเดินเข้ามารับแขกวีไอพีด้วยตนเองก่อนจะเดินนำไปยังห้องอาหารที่อยู่ชั้นสอง
ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหาร น้องครามไม่ยอมปริปากพูดกับใครเลยสักคนเดียวแม้กระทั่งคุณลุงหมอใจดี แต่กระนั้นเด็กชายตัวน้อยก็แอบลอบมองผู้เป็นแม่เป็นระยะราวกับมีเรื่องจะพูดก็ไม่ปาน
พันดาวที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาอีกรอบก็รีบขอตัววิ่งไปเข้าไปจัดการตนเองในห้องน้ำทันทีด้วยความที่ไม่อยากให้ลูกเห็นน้ำตาของเธอ ภวินทร์เองได้แต่มองตามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยไม่น้อย อยากตามไปแต่กระนั้นคงต้องพูดคุยกับเด็กชายตัวน้อยให้ได้ก่อน
“ครามครับ”
“...”
“พอดีลุงได้ของเล่นมาใหม่...ไม่รู้ว่าครามจะชอบไหมนะ”
ภวินทร์แสร้งทำหน้าทำตาราวกับหนักอกหนักใจ พลางมือหนาก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปดู เด็กชายตัวน้อยเมื่อถูกดึงดูดความสนใจด้วยของเล่นที่ชอบก็หันขวับมามองทันที
นายแพทย์หนุ่มเมื่อเห็นน้องครามชะเง้อคอมองจนแทบจะหล่นเก้าอี้ก็ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้า เด็กชายตัวน้อยตาเป็นประกายทันทีทว่าก็ยังไม่ยอมเอ่ยอะไร ดวงตากลมโตลอบมองภาพรถของเล่นตรงหน้าสลับกับคุณลุงหมอใจดี ภวินทร์จึงงัดไม้เด็ดออกมาเลื่อนไปภาพถัดไป
“หูววววว สวยจังเยยฮะ”
“อยากเล่นไหมครับ” ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มมุมปากเมื่อเหยื่อตัวน้อยติดกับเข้าเต็มเปา
“อยากฮะ!” เด็กชายนคินทร์พูดขึ้นก่อนจะแผ่วเสียง พึมพำกับตนเองในประโยคต่อมา “แต่ ๆ ๆ ๆ หม่ามี๊จะให้ไปไหมนะ”
“ทำไมจะไม่ให้...หื้ม”
“ก็...” เด็กน้อยทำหน้าตาครุ่นคิดก่อนจะลากเสียงยานคางออกมา
“หึ ก็อะไรครับ”
“น้องครามเป็นเด็กดื้อ...หม่าม๊าเคยบอกว่าถ้าเราเป็นเด็กดื้อจะไม่มีใครรักฮะ” น้องครามก้มหน้าลงขอบตาเริ่มขึ้นสีระเรื่อ
“แล้วเราดื้อยังไง...เล่าให้ลุงฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“...ที่โรงเรียนจะจัดงานวันพ่อฮะ แต่น้องครามไม่มีพ่อ...อึก”
“...”
“เบนลี่ตะโกนบอกเพื่อน ๆ ทั้งหมดเลยว่าน้องครามไม่มีพ่อ เพื่อนก็หัวเราะกันสนุกเลย...แต่ ฮึก แต่น้องครามไม่สนุกเลยสักนิดฮะ”
ดูเหมือนความอัดอั้นตันใจจะสิ้นสุดลงเมื่อหยาดน้ำสีใสค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยสุกสกาวที่บัดนี้หม่นแสงลงแสดงความรู้สึกของเจ้าของที่กำลังเผชิญกับความเสียใจจนรับไม่ไหว
ภวินทร์รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กน้อย ไม่รู้เลยว่าเผลอกำหมัดแน่นขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน หัวใจบีบรัดจนเจ็บอกไปหมด น้องครามเป็นเด็กดีเสมอ ไม่ต้องมีใครมาบอกเขาก็รับรู้ได้ด้วยตนเอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไปจริง ๆ
“น้องคราม ฮึก ยะ อยากเจอป่าป๊า ฮืออออ”
“ไม่ร้องนะ น้องครามเป็นเด็กดี...เด็กดีที่สุดแล้วครับ”
นายแพทย์หนุ่มทนไม่ไหวอุ้มเด็กน้อยขึ้นมากอดปลอบ เด็กสามขวบคนนี้คงจะเจ็บปวดกับคำพูดของคนอื่นไม่น้อย กระนั้นพอถูกมองว่าเรื่องที่ตนเองกำลังจริงจังเป็นเรื่องตลกขบขับก็ย่อมขุ่นมัวเป็นธรรมดา
ขนาดผู้ใหญ่แบบเขายังหัวเสียไม่น้อย...แล้วนี่กับเด็กแค่สามขวบ
“งานโรงเรียนจัดวันไหนครับ” ภวินทร์ถามขึ้น มือก็คอยลูบหัวลูบหลังเด็กน้อยในอ้อมแขนอย่างปลอบประโลมไม่ห่าง
“ฮึก...วันพะ อึก วันพุธฮะ”
“เอาอย่างนี้ดีไหม...”
พันดาวเดินกลับมายังโต๊ะทว่าบรรยากาศตึงเครียดดูเหมือนจะเบาบางลงไปเยอะ ดวงตาคู่สวยกวาดตามองสองพ่อลูกนั่งหน้านิ่งมองเธอราวกับมีบางอย่างจะพูด ทว่าเมื่อได้ยินน้ำเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายเอ่ยออกมาพลันน้ำตาที่แห้งเหือดไปกลับมาเอ่อคลออีกครั้ง
“หม่ามี๊ฮะ ลูกขอโทษ...ลูกดื้อจนหม่ามี๊เสียใจ”
“อึก”
“...น้องครามขอโทษฮะ”
(tbc)