เช้าวันต่อมา
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉันเผลอหลับไปตอนไหน พอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพี่คิวก็มานอนอยู่ข้างฉันแล้ว เก็บคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ให้ด้วย แถมยังกอดกันไว้อีกต่างหาก
"เตย... เตย..." แรงเขย่าเบาๆของใครบางคนพร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้ฉันต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นมานิดๆ "เตยหอม...ตื่น"
"อื้อ...เช้าอยู่เลย" ฉันหลับตาลงแล้วพูดกับเขา "อย่ามากวน~"
"ไปอาบน้ำเร็ว ตื่นเช้าวันเดียวเองนะเมื่อวานก็บอกไปแล้ว" บอกตอนไหนไม่เห็นจำได้เลย
ฉันยังคงนอนนิ่งเพราะความง่วงงัน ให้ตายเถอะเขากล้าปลุกฉันเวลานี้ได้ยังไง ดูแล้วมันคงไม่ถึงหกโมงด้วยซ้ำ
"เตย" พี่คิวเริ่มน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อฉันยังคงไม่ขยับเขยื้อน อะไรของเขากันนะทำไมชอบบังคับอยู่เรื่อยเลย แม้กระทั่งตอนจะหลับก็ยังบังคับให้ตื่น
เกลียด เกลียด เกลียด!!
พอเขาทำเสียงเข้มขู่แบบนั้นฉันจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นผู้ชายหน้าหล่อที่นั่งขมวดคิ้วมองมาอยู่ตอนนี้เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วด้วย
"อะไร..."
"ลุกไปอาบน้ำ จะพาไปวัด" พูดจบเขาก็ดึงแขนของฉันให้ลุกขึ้นพอไม่ลุกเขาก็เปลี่ยนมาอุ้มแทน จากนั้นก็เดินลิ่วเข้าไปในห้องน้ำจะโวยวายก็ไม่ได้ เพิ่งตื่นนอนน้ำลายบูดอยู่ "จะอาบเองหรือจะให้อาบ"
"ปล่อย! เตยอาบเอง"
"อืม รีบอาบ จะไปวัด"
"ไปวัด?! ไปทำไมแล้วเกี่ยวอะไรกับเตยด้วยเนี่ย" ฉันบ่นอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมเกินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกลับมาห้องน้ำ
"อย่าบ่น เดี๋ยวไม่ได้บุญ"
ฉันไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!! คนอย่างพี่คิวเหรออยากได้บุญ
สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งหลับในรถ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องมากับพี่คิว เขาก็พาฉันไปวัดที่ไหนซักแห่งระหว่างทางก็แวะซื้อของไปถวายพระและดูเหมือนเขาอยากจะทำบุญให้ใครซักคนแต่ฉันก็ไม่ถามอะไรมาก
"ทำไมต้องเป็นวันนี้" เช้าวันเสาร์ที่เด็กหลายคนอาจตื่นเช้ามาดูการ์ตูน แต่...มันเป็นเช้าที่เด็กมหา'ลัยอย่างฉันควรได้ตื่นสาย!!
"วันครบรอบที่แม่ฉันเสียไป วันเกิดฉันด้วย" พอเขาพูดจบฉันถึงได้เข้าใจ จากที่หงุดหงิดเพราะเขาปลุกตอนเช้ามันก็หายเป็นปกติ
ให้อภัยก็ได้ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดแล้วกัน อีกอย่างก็เพิ่งจะรู้ว่าแม่เขาไม่อยู่แล้ว
"ออ สุขสันต์วันเกิดค่ะ" ฉันยิ้มนิดๆ แล้วเดินตามเขาไปเงียบๆ พี่คิวหันมามองฉันแล้วอมยิ้มหวานออกมามันไม่ใช่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนที่เคยเห็น
"พูดเพราะๆกับเขาเป็นด้วยเหรอ"
แล้วเขาก็หันกลับไป พาฉันไปทำบุญกรวดน้ำให้แม่ของเขา พอเสร็จแล้วก็ไปที่ช่องเก็บเถ้ากระดุกของแม่ตัวเอง
"แม่ คิวมาหาแล้วนะ" ฉันยืนอยู่ด้านหลังเขาแล้วยกมือไหว้รูปผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนั้น เธอหน้าคล้ายพี่คิวเวอร์ชั่นผู้หญิงเลยเขาคงหน้าเหมือนแม่มากๆ
"..."
"พาลูกสะใภ้มาหาด้วย เมียคิวสวยมั้ย" เขาพูดปนเสียงหัวเราะ
"พี่คิว" ถึงรู้ว่าเขาพูดเล่นแต่ฉันก็กลัวนะ พอมองรูปแม่เขาก็เหมือนยิ้มอยู่เลย "ไม่ใช่นะคะ พี่เขาคิดไปเอง"
"น้องเขาไม่ยอมว่ะแม่ ทำไงดี" พี่คิวพูดปนหัวเราะ หยิบรูปของแม่ตัวเองมาลูบฝุ่นออกด้วยรอยยิ้ม
เพิ่งเคยเห็นเข้ายิ้มมีความสุขก็วันนี้แต่มันก็แฝงไปด้วยความเศร้าหมอง คงเพราะทุกทีมันไม่ใช่รอยยิ้มแบบนี้พอเห็นแล้วมันทำให้ฉันต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย
เขาคงจะคิดถึงคนในรูปมากแน่ๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างแต่ทุกทีที่เขาแสดงออกมาราวกับคนที่ไม่มีความเศร้าโศกอะไรเลย หรือมันอาจจะเป็นเพียงสิ่งที่แสดงให้คนอื่นเห็นเท่านั้น
"ใครจะไปยอม ลูกแม่นิสัยไม่ดีนะคะเตยมาฟ้อง เจ้าชู้มาก เจ้าเล่ห์ด้วย"
พี่คิวหัวเราะแล้วหยิบที่ใส่เถ้ากระดุกมาทำความสะอาด เปลี่ยนเอาดอกไม้สดสีชมพูปนขาวสวยๆเข้าไปแทนที่ดอกเดิมที่แห้งเหี่ยว แล้วปิดล็อกช่องนั้นไว้เหมือนตอนแรก
"คิวไปก่อนนะ แล้วจะพาเมียมาหาใหม่"
"พูดงี้เดี๋ยวแม่พี่คิวก็เชื่อหรอก เตยกลัวนะ" ฉันบอกแล้วกอดอกมองคนร่างสูงที่เริ่มส่งยิ้มกวนประสาทมาอีกครั้ง
"กลัวก็อย่าไล่ลูกเขาอีก แม่ดุนะเธอระวังไว้ด้วย"เขาเดินหนีออกไปดื้อๆ มาทิ้งท้ายแบบนี้กลัวนะเว้ย!
"พี่คิว!..." ฉันรีบวิ่งแล้วกระโดดไปเกาะแขนเขาไว้ทันทีตอนที่เรากำลังเดินไปขึ้นรถ ความรู้สึกที่คิดไปเองเหมือนมีคนยืนยิ้มให้อยู่ด้านหลังเลย
กรี๊ด! ไอ้พี่คิว คืนนี้ฉันนอนคนเดียวไม่ได้แน่
บอกตามตรงเลยฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นบนโลกใบนี้ยกเว้นเรื่องผีอย่ามาคุยเด็ดขาด!!
"กลัวจริงดิ" พี่คิวถามขึ้นมาตอนที่เราขึ้นมานั่งบนรถ
"อือ" ฉันทำหน้าสลด ก็คนมันกลัวจริงๆจะให้ทำยังไง
"มาวัดแต่กลัวผี"
"ใครบอกว่าวัดไม่มีผี พี่คิวไม่รู้เหรอว่าวัดผีเยอะที่สุดเพราะพวกเขามาขอส่วนบุญ" ฉันพูดแล้วหันซ้ายหันขวาแล้วขยับตัวเข้าไปเกาะแขนเขาเอาไว้
"เธอนี่นะ" เขาหัวเราะใส่ฉันเบาๆแล้วตวัดแขนขั้นมาโอบไหล่เอาไว้ก่อนจะรั้งเข้าไปหาจบต้องซบอยู่กัวเขา
"พี่คิวต้องรับผิดชอบ!"
"งั้นจะไปนอนเป็นเพื่อนทุกคืน ผีจะได้ไม่มาหลอก"
"อย่ามาฉวยโอกาส" แต่คืนนี้ถ้ามาจะไม่ว่าอะไรเลย
"แต่ผีจะกินหัวแทน" เขาพูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ทีแรกฉันก็ยังตามไม่ทันแต่พอคิดได้ถึงต้องผลักตัวเขาจนไปติดประตูอย่างรำคาญ
"ทะลึ่ง!!"
หลังจากนั้นเราก็ไปกินโจ๊กเจ้าดัง ที่ฉันเคยมากินตอนเรียนปีหนึ่ง เพราะช่วงนั้นมีกิจกรรมที่ต้องตื่นเข้าบ่อยๆ แต่หลังจากขึ้นปีสองก็ไม่ได้มากินอีกเลยเพราะตื่นสาย พอมาเรียนเขาก็เก็บร้านไปแล้ว
เวลาเช้าแบบนี้คงไม่เจอใครหรอกมั้ง
"เตย!"
ฉันเกลียดการภาวนาที่มันไม่เคยสมหวังเลยซักครั้งของตัวเอง ตั้งแต่เรื่องพี่คิวจนถึงเรื่องนี้
เสียงคุ้นหูแบบนี้ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงมาก เงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วค่อยๆหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง
"กะ...แกมาทำอะไรแถวนี้" ฉันถามออกไปแต่ยัยเค้กกลับมองฉันสลับกับพี่คิวไปมา
"มาซ้อม"ยัยนั่นตอบสั้นๆทำหน้ามึนงงอยู่อย่างนั้น
ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย เพราะมีนเป็นนักกีฬาแบดมินตันของมหาวิทยาลัยและช่วงนี้ใกล้ถึงการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแล้วด้วย
"แล้วแก..."
"..." ฉันมองพี่คิวแล้วก็หันไปหาเพื่อนอีกครั้ง "ไปวัดมา"
ที่ฉันไม่ตกใจมากเพราะมันเป็นยัยเค้กยังไงล่ะ ถึงสีหน้าของเค้กจะดูแปลกใจแต่ฉันดูออกว่ามันไม่ได้โกรธเคือง ในบรรดาเพื่อนสามคนฉันสนิทกับมันมากที่สุด
"ชวนเพื่อนมานั่งด้วยกันดิ" พี่คิวบอกแล้วหันไปมองเค้ก "นั่งด้วยกันได้นะ"
"เอ่อ ค่ะ" เค้กพูดติดขัดแล้วหย่อนตัวนั่งข้างฉัน มันจะเกรงทำไมในเมื่อเคยเจอพี่เขาแล้วตอนยัยคะนิ้งพาไปกินเหล้าด้วย
ฉันที่ยังคงมึนงงกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่จึงนั่งเงียบไม่รู้ว่าควรทำตัวแบบไหนดี ถึงจะไม่ตกใจแต่ก็ไม่ได้เตรียมตัวมาอธิบาย
"มันคืออะไรวะเตย" ยัยเค้กพูดขึ้นทันทีที่พี่คิวลุกออกไปกดน้ำมาให้พวกเรา
"เรื่องมันยาว ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่...แกอย่าให้ยัยคะนิ้งมันรู้ได้มั้ย" ฉันพูดแล้วแอบมองพี่คิวที่กำลังเดินกลับมา
"อืม ถึงห้องแล้วรีบทักมา ต่อมเสือกฉันทำงานแล้ว"
"ไม่ว่าฉันใช่มั้ย"ฉันถามเพื่อนเสียงเบา มันจะว่าฉันแย่งของคะนิ้งมั้ยนะ
"ขอฟังคำอธิบายก่อน" ยัยนั่นหรี่ตามองฉันแล้วรีบสนใจมือถือเมื่อพี่คิวเดินมาเกือบถึงโต๊ะ
หลังจากนั้นเราก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย พี่คิวก็คุยกับเพื่อนฉันอย่างเป็นมิตร เขาก็เป็นพวกชอบเล่นกีฬาเลยคุยเข้ากับยัยเค้กได้ดี ส่วนฉันผู้ด้อยกีฬาทุกชนิดได้แต่นั่งฟังอย่างเดียว
"พี่คิวพายัยนี่ไปเล่นกีฬามั่งนะ มันชอบนอนอย่างเดียวแต่บ่นกลัวอ้วน" ยัยเค้กที่เห็นว่าตัวเองมีเพื่อนคุยรู้เรื่องเริ่มหันมาว่าฉัน
"แค่เรียกให้ตื่นเช้าไปวัดยังทำจะเป็นจะตายเลย ให้ออกกำลังกายไม่ตายจริงเลยเหรอ" เขาพูดไม่พอมองตาฉันแล้วยิ้มกวนประสาทมาด้วย
แต่พูดแบบนี้ยัยเค้กคงรู้หมดแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราไปถึงขั้นไหน
"ก็มันวันเสาร์มั้ยใครจะอยากตื่น"
"..."พี่คิวไม่พูดอะไรต่อเขาเอาแต่ยิ้มใส่เหมือนฉันเป็นเด็กชอบเถียง ทำไมอยู่กับเขาแล้วฉันดูเป็นคนมีปัญหาตลอด