หมายเหตุ นักเขียน
นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตนเอง ไม่อิงประวัติศาสตร์ หลักความเป็นจริง สถานที่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และตัวละครไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีฉากอีโรติกรวมอยู่ด้วย วอนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น (อายุ 18 ปี ขึ้นไป) และใช้คำราชาศัพท์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากหากใช้ฉบับเต็มรูปแบบอาจจะส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัด และเข้าใจยาก หรือน่ารำคาญจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนักเขียนเองยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ คำติ หรือคำชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขในผลงานเล่มต่อไป
[พื้นที่เพื่อความบันเทิง ละเว้นดราม่ากันนะคะทุกคน]
•••
๙
เทศกาลหยวนเซียง
ตั้งแต่วันนั้นนับเวลาดูแล้วก็ร่วมอาทิตย์ คำสั่งองค์รัชทายาทยังคงเหมือนเดิมในยามเฉินของทุกๆ วันจะมีรถม้าจากในวังมารออยู่ที่หน้าประตูจวนแม้ว่านางจะไม่อยากไปแต่ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางก็ต้องไปเผชิญหน้ากับองค์รัชทายาทบ้ากามนั่นอยู่ดี แต่พักหลังๆ มานี้ผู้คนในวังต่างก็เคารพนางแปลกๆ แถมยังมีข่าวแปลกๆ ดังมาเข้าหูนางอีกว่า การแต่งงานของนางกับองค์รัชทายาทคราวนี้จะไม่ใช่เป็นการแต่งสนมเข้าวัง แต่เป็นการแต่งพระชายาแทน
กระทั่งวันหนึ่งนางกลับมาถึงจวนเจอท่านพ่อของนาง นางจึงรีบวิ่งเข้าไปหาท่านพ่อที่กำลังนิ่งที่เก้าอี้โยกซึ่งเป็นไม้จิบชาคู่กับท่านแม่อยู่ตรงเรือนรับรอง นางถามท่านถึงข่าวที่นางได้ยินมา แต่คำตอบกลับเป็นความเงียบ มีเพียงท่านแม่ที่ถามนางมาว่า
"หากเจ้าได้เป็นพระชายา เจ้าจะดีใจหรือไม่ เป้ยเป้ย"
แน่นอนว่าไม่ เพราะนางรู้ว่าการเป็นพระชายาไม่ใช่สิ่งที่น่าริษยา แต่กลับเป็นตำแหน่งของความทุกข์อย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้น นางไม่เอา นางไม่ต้องการ พลันนึกถึงใบหน้าขององค์รัชทายาทที่เฝ้ามองนาง ที่ยิ้มให้นาง แถมยังอ่อนโยนกับนางตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น พระองค์กล่าวขอโทษนางก่อน ซึ่งจากที่ได้ฟังนิสัยส่วนตัวของพระองค์มาทั้งจากคนในวังและเสี่ยวเว่ยแล้วพระองค์ไม่น่าจะยอมนางก่อนเช่นนี้
หัวใจดวงน้อยสับสนไม่ใช่เล่น เป่าเป้ยเดินกลับเรือนของตัวเองอาบน้ำในถังที่เสี่ยวเว่ยเตรียมเอาไว้ให้ และหลับลึกลงไปกระทั่งยามอิ๋นเป่าเป้ยกระสับกระส่าย นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ พลางเดินออกไปนอกเรือนนั่งมองพระจันทร์ในยามนี้ ยามที่ผู้คนกำลังหลับใหล เช่นเดียวกับกับองค์รัชทายาทที่ยังคงมองพระจันทร์ดวงใหญ่ดวงเดียวกันกับนางพระองค์เฝ้ามองดั่งมองใบหน้าสวยของ 'อาเป้ย'
"เหตุใดเจ้ายังไม่พอใจข้าอยู่"
•••
เทศกาลหยวนเซียว ยามชวี
เทศกาลวันนี้ดูคึกคักเป่าเป้ยกลับมาจากวังก็รีบเชื้อเชิญท่านพ่อกับท่านแม่ไปเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน ซึ่งท่านทั้งสองคนก็ไม่ขัดใจบุตรสาวของตน เป่าเป้ยยังชวนเสี่ยวเว่ยไปด้วย นางแต่งตัวได้อย่างสวยงามสมกับวัยของนาง กระทั่งเดินออกมานอกจวนพร้อมกับเสี่ยวเว่ยสาวใช้ของนาง
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าพร้อมแล้ว"
"ชักช้า" เฟยหง พี่สาวต่างบิดากระแหนะกระแหนนาง แต่นางหรือจะสนนางเบะปากใส่แล้วรีบเดินเข้ามาหาท่านพ่อกับท่านแม่แล้วหมุนตัวอวดเสื้อผ้าชุดใหม่
"ชุดข้าสวยหรือไม่ท่านพ่อ ท่านแม่"
"สวยสิ เป้ยเป้ยของข้าสวยล่มบ้านล่มเมือง"
"แหม ท่านพ่อก็ชมข้าเกินไป ไปเถอะๆ ข้าอยากไปกินขนมแล้ว"
รถม้าเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเทศกาลที่ค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมากการเคลื่อนตัวของรถมาจึงช้ากว่าเวลาปกตินัก แถมผู้คนส่วนใหญ่ที่มาจะเป็นหนุ่มเป็นสาวกันมากกว่า
"ช้าจัง"
"น้องหญิงรีบ จะเดินไปก็ได้นะ"
"เรื่องอะไรข้าจะเดิน พี่หญิงอยากเดินก็เชิญเถอะ"
พูดจบแล้วหันกลับมานางเปิดม่านดูช้าๆ ก็มีขบวนม้าใหญ่ที่ดูสมบูรณ์อยู่เต็มไปหมด แต่เป่าเป้ยไม่ได้สนใจอะไรมากงานแบบนี้ใครๆ ก็ใคร่มา นางเลือกปิดม่านแล้วหยิบขนมที่ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อออกมากินระหว่างที่กำลังรอ เจียวจิ้นกับเฟยฉี มองแล้วก็อมยิ้มอดที่จะเอ็นดูนางไม่ได้เลย ลูกสาวของพวกเขายังไม่โตเสียที หากต้องออกเรือนไปก็คงคิดถึงแทบแย่
กึก!
"ถึงแล้วขอรับนายท่าน"
เสียงรถม้าหยุดลงแล้ว ม่านทางลงถูกเปิดออก บิดาของนางลงไปก่อน ตามด้วยมารดาเลี้ยง แล้วก็พี่หญิงของนาง ก่อนที่นางจะลงไปพี่หญิงยังหันมาพูดจาร้ายๆ กับนาง
"เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเป็นพระชายานั้นน่ากลัวอย่างไร"
"ข้าย่อมรู้แน่นอน ว่าแต่ข้ายังไม่ทันแต่งพี่หญิงก็ริษยาข้าแล้วหรือ"
"เจ้า!"
"หึ" คิดจะต่อกร ลับฝีปากกับนางหรือ ไปฝึกมาอีกสิบชาติเถอะ
"เอาล่ะๆ ไปกันเถอะ"
ภายในงานมีโคมไฟมากมายที่แขวนประดับเอาไว้ เป่าเป้ยดวงตาสุกใสที่ได้เห็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่สิ จะว่าไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่เพราะในโลกของนางงานเช่นนี้ก็คืองานวัดดีๆ นี่แหละ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ปิ่นปักผมนี้สวยยิ่ง เหมาะกับข้าหรือไม่"
"เหมาะกับเจ้ายิ่งเป้ยเป้ย เจ้าชอบหรือ"
"อือ ข้าชอบ" ท่านพ่อของนางสายเปย์ที่สุด เพียงแค่นางพยักหน้า และบอกว่าชอบ ท่านพ่อของนางก็ยอมควักเงินจ่ายให้นางแล้ว เดี๋ยวนี้เพียงแค่นางเอ่ยปากถามว่าสวยหรือไม่ ท่านพ่อของนางก็รู้งานเดินมาควักเงินจ่ายให้แล้ว
เดินเล่นดูนั่นดูนี่กับครอบครัวไปได้สักพัก พี่หญิงของนางก็แยกตัวไปเดินกับสาวใช้ของตนเอง ส่วนท่านพ่อกับท่านแม่ของนางก็แยกกันไปเดิน ทิ้งเงินเอาไว้ให้นางมากหน่อยเพราะท่านรู้ว่านางกินมาก แม้จะแยกกันไปเดินแต่ก็ไม่ไกลกันมากเท่าใดนัก
"เออนี่ เสี่ยเว่ยแล้วงานนี้ส่วนใหญ่เขาจะทำอะไรกันเหรอ"
"ส่วนใหญ่ก็จะลอยโคมในแม่น้ำเพื่อขอพรเจ้าค่ะ"
"นั่นไงเจ้าคะ คุณหนู" เป่าเป้ยมองไปตามนิ้วเรียวของเสี่ยวเว่ย นางนึกสนุกจึงหันมาชวนเสี่ยวเว่ยไปซื้อโคมเพื่อมาลอยด้วยกัน แต่เลือกแล้วเลือกเล่าก็ไม่มีโคมอันไหนถูกใจนางเลย กระทั่งมีโคมอันหนึ่งยื่นมาจากทางด้านหลังของนาง
"แล้วอันนี้เล่า เจ้าถูกใจหรือไม่ อาเป้ย"
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของบุรุษทำให้หัวใจของเป่าเป้ยเต้นแรง ใบหน้าของนางแดงปลั่งอย่างไม่ต้องหันกลับไปก็รับรู้ได้ว่าผู้ใดที่ยืนอยู่ด้านหลังนาง ยืนแนบชิดนางเช่นนี้
"ถวาย…" เป่าเป้ยหมุนตัวกลับ ตัวนางยิ่งใกล้เขาขึ้นไปอีก นางกำลังจะถวายความเคารพแต่เขาก็ขัดนางเสียก่อน
"ชู่"
"ไหนท่านว่า ไม่ชอบเดินงานไร้สาระแบบนี้ไงเพคะ"
"ได้เดินกับเจ้า ก็พอแล้ว" มือหนายื่นไปจับมือเรียวของนางเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินไปตรงแม่น้ำ ผู้ที่จำได้ว่าพระองค์เป็นใครก็ถอยห่างออกไป ส่วนผู้ที่จำไม่ได้ก็ไม่ได้รับรู้อะไร
"ตามสบายกันเถอะ ข้ามาเดินเล่นกับว่าที่พระชายาเพียงเท่านั้น" ว่าจบแล้วก็ลอยโคมด้วยกัน กระทั่งยืนมองโคมของตนไหลไปตามแรงพัดของแม่น้ำแห่งนี้
"เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ เจ้าอธิษฐานว่าอะไร"
"หากข้าจะได้แต่งเป็นพระชายาจริง ข้าก็ขอให้ท่านมีข้าเพียงคนเดียว ไม่แน่ใจว่าพรที่ข้าขอจะมากเกินไปหรือไม่"
ซีฮัน กดยิ้ม จับสองมือของนางขึ้นแล้วจูบเบาๆ ที่มือของนาง ก่อนจะขยับเข้าใกล้นางอีกนิดแล้วกระซิบแผ่วเบา
"พรที่เจ้าขอ จะเป็นตามนั้นอย่างแน่นอน"
ไม่รู้ว่านางหายโกรธพระองค์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าในตอนนี้มีผู้คนมากมายแค่ไหนที่กำลังมองมาที่นาง ไม่รู้ว่าบรรยากาศในตอนนี้มันเป็นเช่นไร นางรู้เพียงแค่ว่า ในวันนี้ ช่างดีเหลือเกิน
"ข้าไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน"
"นั่นสิ ปกติเห็นแต่จับดาบ แต่ในวันนี้พระองค์กลับจับมือสตรี"
"ใช่ๆ แถมยังประกาศอีกว่าสตรีนางนั้นกำลังจะเป็นว่าที่พระชายาของพระองค์"
"นั่นก็บุตรของไทฝูไม่ใช่หรือ"