หมายเหตุ นักเขียน
นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตนเอง ไม่อิงประวัติศาสตร์ หลักความเป็นจริง สถานที่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และตัวละครไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีฉากอีโรติกรวมอยู่ด้วย วอนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น (อายุ 18 ปี ขึ้นไป) และใช้คำราชาศัพท์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากหากใช้ฉบับเต็มรูปแบบอาจจะส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัด และเข้าใจยาก หรือน่ารำคาญจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนักเขียนเองยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ คำติ หรือคำชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขในผลงานเล่มต่อไป
[พื้นที่เพื่อความบันเทิง ละเว้นดราม่ากันนะคะทุกคน]
•••
๘
รับสั่งให้เข้าเฝ้าทุกวัน
หลายวันมาแล้วที่มีคำสั่งจากองค์รัชทายาทให้เป่าเป้ยเข้าเฝ้าจนนางเริ่มรู้สึกว่าพระองค์ควบคุมนางมากเกินไปแล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่มีทีท่าจะช่วยเหลือนางเลย นางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพระองค์ต้องวุ่นวายกับนางถึงเพียงนี้ นี่มันเรื่องอันใดกัน ทำไมพระองค์ไม่อยู่กับสนมของตน มาวุ่นวายกับนางอยู่ได้
"สีหน้าอย่างนั้น กำลังด่าข้าอยู่หรือไรกัน"
"ใครจะกล้าเล่าเพคะ พระองค์น่ะเป็นถึงองค์รัชทายาทเลยนะเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางจะกล้าต่อว่าพระองค์อย่างนั้นได้อย่างไร"
"รู้ด้วยหรือว่าข้าเป็นว่าที่ฮ่องเต้น่ะ" แม่นางน้อยผู้นี้ฝีปากกล้ามาก
"ทราบเพคะ แต่หม่อมฉันก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่มาก อย่างเช่นพระองค์มีรับสั่งให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าพระองค์ทุกวัน เพียงเพื่อมาฝนหมึกให้พระองค์เพียงเท่านั้นหรือเพคะ" นางหมายถึงว่าข้ารับใช้คนอื่นๆ น่ะ ก็มีไม่ใช่หรือไร ทำไมพระองค์ยังต้องวุ่นวายกับนางมากถึงเพียงนี้
"ถูกต้อง" เอ๊ะ!
"พระองค์ไม่มีคนอื่นเลยหรือเพคะ" เช่นเหล่าสนมที่พระองค์มี น่าจะสร้างทีมฟุตบอลได้ถึงสองทีม
"มี" นั่นไง
"มีแล้วเหตุใด…"
"ข้าพอใจจะใช้เจ้า ไม่ได้หรือ" เหอะ บ้าอำนาจเห็นๆ
"คืออย่างนี้นะเพคะ หม่อมฉันก็มีเรื่องราวมากมายที่ต้องไปทำ"
"อะไร" พระองค์ตอบกลับมาสีหน้านิ่ง มือหนึ่งจับพู่กันเพื่อวาดลงผืนผ้าใบ
"หม่อมฉันต้องรู้คุณ กตัญญูต่อบิดามารดา"
"บิดาเจ้าแข็งแรงดีนี่" เถียงเก่งเหลือเกินนะ
"ชิ พระองค์อยากใกล้ชิดหม่อมฉันก็บอกมาเถอะเพคะ" นางประชด นางอยากไปท่องเที่ยวอีกหลายๆ ที่ นางยังอยากเห็นนั่น เห็นนี่ในโลกที่นางไม่เคยได้เห็น ไม่ใช่มาถูกกักขังเอาไว้เช่นนี้
"ใช่" เห็นไหมล่ะ อ่ะ เดี๋ยวนะ
"เอ๋! พระองค์ว่าอย่างไรนะเพคะ"
"ข้าอยากใกล้ชิดเจ้า"
เงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่ใบหน้าเปื้อนหมึกดำ นางมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจพระองค์ยิ่ง และใช่พระองค์ก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน พระองค์อยากใกล้ชิดนาง พระองค์ไม่อยากจะห่างนางไปไหน เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลก พระองค์อยากเก็บนางเอาไว้ใกล้ตัวไม่ให้ผู้ใดได้พบเจอนาง
หากปล่อยนางเอาไว้ นางก็คงจะตะลอนเที่ยวไม่เว้นแต่ละวันดังคำที่องครักษ์ของพระองค์รายงานมาเป็นแน่ หากเป็นอย่างนั้น ผู้อื่นต้องพบเจอนาง ผู้อื่นต้องหมายปองนางอย่างที่พระองค์หมายปอง พระองค์จึงเลือกเก็บนางไว้ใกล้ตัวดีกว่า
"ไม่ได้หรือ"
ว่าแล้วก็วางพู่กันเอาไว้ ยื่นมือไปจับมือของนาง ด้วยความที่นางเพิ่งจับแท่งหมึก มือนางจึงดำอย่างดูไม่ได้ เป่าเป้ยยังยืนอึ้งกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน และยิ่งอึ้งมากขึ้นไปอีกเมื่อองค์รัชทายาทหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าประจำกายมาเช็ดมือให้นางอย่างอ่อนโยน
"เดี๋ยวเราก็ต้องอภิเษกกัน เราควรต้องสนิทกันสักหน่อยไม่ใช่หรือไร" แต่งงานน่ะเหรอ นางไม่อยากแต่งเสียหน่อย นางอยากเที่ยวเล่นมากกว่า แต่เหมือนกับว่าพระองค์จะทรงรู้ทันความคิด ก็นางยังเด็ก นางจะอยากเที่ยวเล่นก็ไม่แปลกอันใด
สายลมเย็นพัดเข้ามาผ่านม่านหน้าต่างในห้องอักษร ภายในห้องเริ่มเย็น พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดเข้ามา เมื่อใบหน้าสวยของนางต้องแสงทองของแสงแดด เป่าเป้ยปิดตาหนึ่งข้างเพื่อหลบแสงนั่นทำให้องค์รัชทายาทมองนางราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน
"เหมือนกับว่า ข้าเคยฝันเห็นเจ้า"
ในฝันนั้นพระองค์แต่งตัวแปลกๆ อยู่ในสถานที่แปลกๆ หากเปรียบเทียบกับที่นี่ก็คงเป็นหอบุปผางามล่ะมั้ง แต่ที่หอบุปผางามนั้นไม่ได้มีเสียงครึกโครม ไม่ได้มีแสงไฟแปลกๆ และเครื่องแต่งกายของแม่นางน้อยผู้นี้ก็ประหลาดตา เรือนร่างของนางในฝันทำให้พระองค์ใคร่อยากเห็นเรือนร่างที่แท้จริงของนางในยามนี้
"เออ…"
"ในฝันนั้น ข้าหลงใหลเจ้ามากมายนัก"
ใช่ พระองค์หลงใหลนางจนโงหัวไม่ขึ้น แม้แต่มีภรรยาอยู่แล้วพระองค์ยังหลบภรรยามาหานาง มาให้นางนั่งบนตัก เพื่อแค่ว่าพระองค์จะได้โอบกอดนาง
"แถมเจ้ายัง…" ยั่วยวนข้า ด้วยดอกบัวตูมคู่สวยของเจ้า ยั่วยวนข้าด้วยน้ำเสียงของเจ้า ยั่วยวนข้าด้วยการแนบชิดของเจ้า จนข้าอยากจะรู้นักว่าหากข้าได้แนบชิดเจ้าดังฝัน ข้าจะได้รับความรู้สึกเดียวกันหรือไม่
"อ่ะ… จะ จะทำอะไรหม่อมฉันเพคะ"
องค์รัชทายาทหยัดกายลุกขึ้น ราศีแห่งอำนาจ ราศีที่ประกาศว่าพระองค์เป็นบุตรแห่งมังกร ส่งผลให้เป่าเป้ย ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงด้วยความหวาดกลัว และทำตัวไม่ถูก กระทั่งสองแขนของนางได้รับรู้ถึงสัมผัสแนบแน่น นางจึงค่อยๆ เปิดตาดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นมา
เมื่อลืมตาดวงตาของนางก็ประสานกันกับดวงตาของเขา ราวกับมีภาพซ้อนทับกับใครบางคนที่นางพยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่ง ดวงตาของพระองค์สีดำขลับ ใบหน้าของพระองค์หล่อเหล่าราวกับคนในโลกของนาง อีกทั้งลำคอของพระองค์ก็ยังสวย จนนางรู้สึกว่าที่ลำคอนี้ ที่บ่ากว้างของพระองค์นี้ นางคุ้นเคยยิ่งนัก
"เจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่"
"ห๊ะ! หมะ หม่อมฉันนี่เหรอเพคะยั่วยวนท่าน"
องค์รัชทายาทหรี่ตามองนาง ขณะที่เป่าเป้ยกำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ภาพในจินตนาการของนางตอนนี้ นางอยากจะเตะผ่าหมากพระองค์ไปเสียจะได้เลิกกินเต้าหู้นางเสียที
"ใช่ ดูลำคอของเจ้าสิ" มือหนาแตะเบาๆ ที่ลำคอนาง จนเป่าเป้ยสะดุ้งต้องหดคอหลบหนี
"ดูปากเจ้าสิ"
เลื่อนมาจับปลายคางของนาง ดวงตาคมของพระองค์จ้องไปที่ริมฝีปากของนางอย่างไม่ปิดบังราวกับว่าริมฝีปากนี้ที่เขาอยากจะสัมผัส อยากจะชิมรสมาโดยตลอด ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่เขาก็มีอำนาจมากมายถึงเพียงนี้ แต่หากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำเพราะกลัวว่านางจะไม่พอใจและไม่ยอมมาเจอหน้ากันอีก
"ดูตาของเจ้าสิ"
เป่าเป้ยรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดหน้าของนาง หัวใจดวงน้อยๆ ของนางก็เต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน ทว่าเขากลับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ไม่ได้สัมผัสที่ดวงตานาง ไม่ได้สัมผัสที่ริมฝีปากของนาง แต่เขากลับสัมผัสที่ลำคอของนางด้วยความรวดเร็วราวกับว่ากำลังจะอดใจไว้ไม่อยู่ เป่าเป้ยตกใจ นางทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้พระองค์ดูด ขบเม้ม และเลียที่ลำคอขาวของนางตามอย่างที่พระองค์ต้องการ
"หมะ หม่อมฉันขอกลับก่อนนะเพคะ"
เมื่อพระองค์ผละตัวออกมา เป่าเป้ยที่ได้สติ ใบหน้าของนางแดงปลั่งอย่างน่าดู นางทำตัวไม่ถูกจึงรีบขอกลับจวนก่อน โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าองค์รัชทายาทจะอนุญาตหรือไม่