บทที่ ๗ : ตกหลุม

1353 Words
หมายเหตุ นักเขียน นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตนเอง ไม่อิงประวัติศาสตร์ หลักความเป็นจริง สถานที่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และตัวละครไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีฉากอีโรติกรวมอยู่ด้วย วอนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น (อายุ 18 ปี ขึ้นไป) และใช้คำราชาศัพท์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากหากใช้ฉบับเต็มรูปแบบอาจจะส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัด และเข้าใจยาก หรือน่ารำคาญจนเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนักเขียนเองยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ คำติ หรือคำชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขในผลงานเล่มต่อไป [พื้นที่เพื่อความบันเทิง ละเว้นดราม่ากันนะคะทุกคน] ••• ๗ ตกหลุม เป่าเป้ยนึกสงสัยอยู่ไม่น้อย ใบหน้าขององค์รัชทายาทนั้นทำให้นางคลับคล้ายคลับคลาใครบางคนที่นางคาดว่านางน่าจะรู้จักเขาอยู่บ้าง อาจจะเคยพบเจอกันผ่านๆ เพราะนางคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ระหว่างที่องค์รัชทายาทกำลังยุ่งอยู่กับงานราชการเป่าเป้ยที่ถูกบังคับให้นั่งเฉยๆ ข้างๆ พระองค์ก็เอาแต่แอบมองใบหน้าของพระองค์จนพระองค์รู้ตัวจนได้ "เจ้า…" เป่าเป้ยสะดุ้ง เมื่อได้สติก็รีบหลบตาลงต่ำ "มองอะไรข้าขนาดนั้น จะกินข้าหรือไง" ใครจะไปกินลง แหวะ! "ทีอยู่กับข้าพูดไม่เป็นเลยนะ ตอนอยู่กับสาวใช้ข้าได้ข่าวว่าเจ้าพูดไม่ยอมหยุดปาก" เป่าเป้ยตวัดสายตามององค์รัชทายาทที่พูดไปอมยิ้มไปก่อนพระองค์จะวางพู่กันลงแล้วเอียงตัวมามองเธออีกครั้ง "เจ้าอ่านหนังสือให้ข้าฟังหน่อย" "หม่อมฉัน อ่านไม่ออกเพคะ" เป็นถึงลูกสาวของไท่ฝู กลับอ่านหนังสือไม่ออกเลยงั้นเหรอ "อ่านไม่ออกหรือขี้เกียจกันแน่" รู้ได้ไงเนี่ย! "อ่านไม่ออกจริงๆ เพคะ" "แล้วเขียนหนังสือได้หรือไม่" "ไม่ได้เพคะ หม่อมฉันอ่านไม่ออกจะเขียนหนังสือได้อย่างไร ที่พระองค์พูดออกมากลั่นกรองแล้วหรือเพคะ" แสบนัก แม่นางผู้นี้ช่างฝีปากกล้าเหลือร้าย "งั้นเต้นรำให้ข้าดูแล้วกัน ข้ากำลังกลัดกลุ้มอยู่พอดี" "เต้นไม่ได้เพคะ" ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างเนี่ยนะ "ดนตรีเล่า? " "เล่นไม่ได้เพคะ" "หึ งั้นก็มายืนฝนหมึกให้ข้าแล้วกัน" "หม่อมฉัน" "หวังว่าจะไม่ยากเกินไปหรอกนะ" ขี้ใช้! เรียกให้มาทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นให้ทำอะไรสักอย่างเลย ให้นางมานั่งเฝ้าจากนั่นก็แกล้งนางทำนั่นตกบ้าง ทำนี่หล่นบ้าง บ้าบอชัดๆ "ฝนหมึกหรือเพคะ" "ทำไม เจ้าทำไม่ได้อีกหรือ? " "เพคะ" เป่าเป้ยหน้ามุ่ยลุกขึ้นแล้วเดินมายืนข้างๆ พระองค์ ใช้มือจับแท่นหมึกแล้วฝนมันไปเรื่อยๆ ส่วนพระองค์ก็นั่งอมยิ้มตามด้วยอ่านฎีกาไปเรื่อยๆ เวลาเริ่มนานมากขึ้นเป่าเป้ยก็ตั้งหน้าตั้งตาฝนหมึกไปเรื่อย และเพราะไม่มีอะไรทำหรือเพราะว่านางอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ นางจึงฝนหมึกได้อย่างช้าลง พร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้งในทุกครั้ง "หึ" มือของนางหยุดนิ่งเสีย ทำเอาพระองค์ที่สงสัยเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องขำเพราะนางยืนหลับ พระองค์เพิ่งเคยเห็นผู้ที่ยืนหลับแบบนี้เป็นครั้งแรก "ฮึ่ม" กระแอมไอในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองนางอีกครั้ง พระองค์กระแอมหนึ่งทีนางก็สะดุ้งหนึ่งทีจนในที่สุดพระองค์ก็ทนไม่ไหวใช้สายตาบอกให้นางไปนั่งพักที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวเสีย ก่อนที่นางจะล้มคะมำเอาตรงนี้ "องค์รัชทายาทเพคะ" "ว่าไง" นั่งลงแล้วก็เอ่ยเสียงอ่อนเรียกพระองค์ "หม่อมฉันขอกลับจวนไม่ได้หรือเพคะ" "ไม่ได้" "ทำไมล่ะเพคะ" "ก็ข้าบอกว่าไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ทำไม หรือเจ้ามีเรื่องอื่นใดที่ต้องไปทำ" "มีเพคะ" ถ้ามีธุระ พระองค์อาจจะปล่อยนางกลับจวนก็ได้ "มีเรื่องอันใด" "ไม่มีแล้วเพคะ" "เอ๊ะ! เจ้านี่ เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี" "ก็…" "พูด" หมุนตัวกลับแล้วนั่งมองแม่นางที่นั่งทำหน้ายุ่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่ด้านหลังของพระองค์ "หม่อมฉันอยากไปเดินเที่ยวเล่นที่ตลาดนี่เพคะ" "เจ้าก็ไปทุกวันแล้วไม่ใช่หรือ ที่ตลาดมันมีอะไรดีกว่าในวัง" นึกสงสัย "ก็มีของกินอร่อยๆ ไงเพคะ พระองค์ไม่เคยไปเดินเหรอ มันน่าสนุกมากเลยนะเพคะ" "ข้าไม่เดินอะไรไร้สาระ" "งั้นพระองค์ก็ให้หม่อมฉันกลับจวนไม่ได้หรือเพคะ หม่อมฉันนัดหมายกับเสี่ยวเว่ยเอาไว้" แม่นางผู้นี้ เห็นสาวลับใช้ของตนดีกว่าเขาได้ยังไง ไปเดินเที่ยวอะไรนั่นไร้สาระจะตายไป จะไปทำไมกัน "ไม่ได้ ข้าไม่อนุญาต" "หม่อมฉันไม่ได้ขออนุญาตนะเพคะ หม่อมฉันแค่บอกให้รู้ว่าหม่อมฉันจะกลับจวน!" ทนไม่ไหวแล้ว นี่เข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยวกันแล้ว นางจะไม่ทนอีกต่อไป! "เจ้ากล้ายืนค้ำหัวข้าเลยหรือ!" "หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนี่เพคะ" นั่งลงอย่างเดิมสงบเสงี่ยมสุดๆ "สงสัยต้องสั่งโบยเจ้าถึงจะจำ!" "ไม่เอานะเพคะ หม่อมฉันไม่ไปก็ได้เพคะ จะนั่งกับพระองค์แบบนี้ตลอดไป" เอาตัวรอดเก่งนักนะ "ข้าปวดไหล่ เจ้ามาปรนนิบัติข้าหน่อย" หันหลังกลับไปที่เดิมแล้วตบที่บ่าแกร่งของตนเอง ไม่นานนักมือนุ่มนิ่มของเป่าเป้ยก็มาจับที่ไหล่หนา ทว่าองค์รัชทายาทผู้นี้กลับสะดุ้งเฮือกตกใจกับความนุ่มนิ่มนี่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ไม่ได้นะ เราจะไม่ทำกับนางจนกว่าจะเข้าพิธี แต่อย่างไรเสียนางก็ต้องมาเป็นของเราอยู่ดีไม่ใช่หรือไง จะวันนี้หรือวันไหน นางก็ต้องเป็นของเรา ความคิดในหัวตีกันให้วุ่นวายยิ่งมือนุ่มนิ่มบีบจับไหล่แกร่งของเขามันยิ่งทำให้เขาขนลุกขนตั้ง "พะ พอ!" "อ้าว ทำไมละเพคะ ไหนพระองค์ว่า" "ก็ข้าบอกให้พอไง ไปนั่งที่เดิมได้แล้ว มายืนขวางหูขวางตาทำไม" ขนลุก กลัวอดใจไม่ไหวแล้วทำเรื่องนั้นกับนางในนี้ มันจะไม่ดี ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วความคิดด้านหนึ่งจะเป็นผู้ชนะ แต่พระองค์ยังมีความรู้สึกว่าเจ้ามังกรใหญ่ของพระองค์กำลังฮึกเหิม เพียงแค่ได้เห็นใบหน้านาง เพียงแค่ได้รับสัมผัสจากนาง เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของนาง หัวใจของเขามันก็เต้นดังราวกับเจ้าหมาน้อยที่เห็นเจ้าของแล้วสั่นหางดีใจ "องค์รัชทายาท เป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ ทำไมใบหน้าพระองค์แดงอย่างนี้" "เจ้าไปนั่งไกลๆ ข้าหน่อย" พูดพร้อมกับดึงคอเสื้อตัวเองเขย่าเบาๆ ให้คลายความร้อน "เอ้า!" อะไรของเขาวะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง เป่าเป้ยหน้ามุ่ยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวตามเดิม ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องนี้ ที่มีแต่หนังสือเต็มไปหมด แถมยังปิดทึบจนอับแสงและรู้สึกอึดอัดมิน่าเล่าองค์รัชทายาทจึงได้ร้อนเช่นนั้น นางไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่นางกลับลุกขึ้นแล้วเปิดม่านออกในหน้าต่างทุกบาน ทำให้ลมพัดเข้ามาในห้องม้วนไม้ไผ่ที่โต๊ะทำงานขององค์รัชทายาทร่วงลงพื้น "อุ๊ย!" "เดี๋ยวหม่อมฉันไปเก็บ…" "ไม่ต้อง ข้าจัดการเอง เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ" เพราะว่าเมื่อใบหน้าสวยต้องแสงสีทองของดวงอาทิตย์ นางจะฉายความน่ารักสดใสจนพระองค์ไม่อยากละสายตาไปจากใบหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบนี้ของนางเลย "ขันทีอี้" "พ่ะย่ะค่ะ" "เก็บม้วนไม้ไผ่ให้ข้าที" "กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าไม่ใช่เจ้า จะให้ข้าเป็นคนเก็บงั้นหรือ" เอ้า แล้วแม่นางน้อยนั่น ไม่มาเก็บให้พระองค์เล่า?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD