หมายเหตุ นักเขียน
นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตนเอง ไม่อิงประวัติศาสตร์ หลักความเป็นจริง สถานที่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และตัวละครไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีฉากอีโรติกรวมอยู่ด้วย วอนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น (อายุ 18 ปี ขึ้นไป) และใช้คำราชาศัพท์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากหากใช้ฉบับเต็มรูปแบบอาจจะส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัด และเข้าใจยาก หรือน่ารำคาญจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนักเขียนเองยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ คำติ หรือคำชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขในผลงานเล่มต่อไป
[พื้นที่เพื่อความบันเทิง ละเว้นดราม่ากันนะคะทุกคน]
-----
๖
รับสั่งให้เข้าเฝ้า
หลายวันผ่านไป @วังหลวง
"องค์รัชทายาท พักนี้พระองค์ดูเคร่งเครียดนะพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ที่ข้าให้เจ้าไปดู ได้ความมาว่าอย่างไร"
"อ่อ เรื่องนี้กระหม่อมขอส่งต่อให้องครักษ์ไฉเป็นผู้รายงานนะพ่ะย่ะค่ะ" ขณะที่กำลังเดินอยู่ในสวนที่วังหลวงเพื่อคลายความเครียดจากการช่วยงานเสด็จพ่อของตน องค์รัชทายาทซีฮัน ก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา พักนี้ในวังหลวงไม่มีการนองเลือดดังเช่นที่ผ่านมา มีเพียงองค์รัชทายาทหนุ่มที่หมกมุ่นอยู่แต่กับกองฎีกาที่เหล่าขุนนางต่างก็เขียนรายงานมาส่ง พร้อมกับเรื่องร้องเรียนไม่เว้นแต่ล่ะวัน
"ว่ามาสิ ต้องให้ข้าใช้ดาบง้างปากเจ้าหรืออย่างไร"
"โถ่ พระองค์จะใจร้ายกับกระหม่อมเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ"
"หลายวันมานี้ นาง… เป็นอย่างไรบ้าง"
นางที่ว่าก็คือแม่นางน้อยเป่าเป้ยผู้ที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในสนมของพระองค์ ไม่รู้ด้วยเหตุใด สนมหลายร้อยนางที่พระองค์มีอยู่ พระองค์ไม่ได้อยากจะแตะต้องเลยแม้แต่น้อย แต่กับนางผู้นี้เหตุใดพระองค์จึงอยากเร่งวันเร่งคืนเพื่อเข้าหอกับนางเสียจริง
"ก็ กระหม่อมเห็นมีแต่ชวนสาวรับใช้เที่ยวเล่นไปวันๆ นะพ่ะย่ะค่ะ อ้อ มีปะทะฝีปากกับพี่สาวนาง แล้วยังชอบชวนบิดามารดาของนางออกไปเที่ยวเตร่ราวกับไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ"
เขาคิด ตามกับสิ่งที่องครักษ์ของตนรายงานมา ตลอดหลายวันมานี้เขาแทบจะทำงานไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน แต่นาง! นางกลับใช้เวลาว่างที่เขาให้นางรักษาตัวให้หายโดยเร็ว เที่ยวเล่นตะลอนไป ตะลอนมา ไม่ได้คิดเรื่องตบแต่งกับเขาเลยหรือ
มันจะมากเกินไปแล้วแม่นางน้อยผู้นี้!
"พระองค์ ทรงอย่างกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ พระองค์ก็ไม่ได้อยากจะร่วมหอกับนางสักเท่าไหร่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าเคยว่างั้นหรือ" หันหลังกลับใช้สายตาดุดันมององครักษ์ของตนอย่างไม่พึงพอใจ
"ชะ ใช่ พ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าเคยพูดเมื่อไรกัน!"
"กะ ก่อนพระองค์จะประชวรพ่ะย่ะค่ะ"
"นั่นมันก่อน นี่มันหลัง คนละเวลากันแล้ว สิ่งที่ข้าเคยพูดไปยกเลิกให้หมด" เหล่าองครักษ์ ขันที และผู้ติดตาม ต่างก็รีบคุกเข่าลงน้อมรับคำสั่งขององค์รัชทายาทเอาแต่ใจผู้นี้
"ดีมาก หัวหน้าขันทีฉาง"
"พ่ะย่ะค่ะ" หัวหน้าขันทีค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะก้าวขาไปข้างหน้ายกสองมือขึ้นประสานยื่นไปด้านหน้า
"รับคำสั่งข้า"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ามีรับสั่งให้แม่นางเป่าเป้ยบุตรีของไท่ฝูไป๋ เข้าเฝ้าข้าผู้เป็นองค์รัชทายาทผู้นี้ที่ห้องอักษร เดี๋ยวนี้!"
…
"หา!"
"ขะ ข้าเหรอลุง เอ๊ย ข้าเหรอท่านขันที"
"ใช่ เจ้ารีบเตรียมตัวเถิดอย่าให้พระองค์รอนาน"
"แต่!"
"เร็วเถิด รถม้าของพระองค์มารอเจ้าอยู่นานแล้ว"
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่…"
"เป้ยเป้ย… หากเป็นรับสั่งเราไม่สามารถขัดคำพระองค์ได้"
เป่าเป้ยลุกขึ้นด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดทำเอาคนเป็นบิดาถึงกับกุมขมับ ร้อยวันพันปีองค์รัชทายาทโหดผู้นั้นไม่เคยเลยแม้แต่จะเรียกบุตรีของตนเข้าพบ หรือบุตรีของตนไปทำเหตุอันใดไว้พระองค์ถึงได้เรียกนางเข้าพบปุ๊บปั๊บเช่นนี้
"ไปเถิด แม่นางไป๋ หากพระองค์รอนานจะทรงกริ้วเอาได้"
"เขาขอพา…"
"ข้าเสียใจที่ต้องปฏิเสธ"
หน้าจวนของไท่ฝูที่มีการฉุดกระชากกันระหว่างหัวหน้าขันทีกับแม่นางน้อยจอมดื้อรั้นในมือของนางยังถือผลไม้เคลือบน้ำตาลอยู่เลย ปากนางเปรอะจนแทบดูไม่ได้ ผู้ติดตามก็ตามนางไปด้วยไม่ได้เพราะไม่มีรับสั่ง นางขึ้นรถม้าของพระองค์ เปิดม่านดูบิดามารดาที่แค่เห็นก็รู้ว่าท่านทั้งสองเป็นห่วงนางมากเพียงใด
"ฟูจวิน ท่านต้องช่วยนางนะ"
"ข้าเป็นห่วงนางเหลือเกิน นางก็ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่หรือ ก็เที่ยวเล่นตามประสานาง องค์รัชทายาททำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนะฟู่จวิน"
"เอาน่าใจเย็นๆ ก่อน ดูท่าทีก่อน ข้าเองก็เครียดไม่แพ้เจ้าหรอกอาฉี"
"นางก็เป็นแค่เด็กสาว ซุกซนร่าเริงไปตามประสาของนาง องค์รัชทายาททำเช่นนี้ นางคงเสียขวัญเป็นแน่ ไม่ได้ๆ เสี่ยวเว่ยไปห้องเครื่องกับข้า เตรียมขนม ให้นางมากหน่อย นางต้องกลัวมากแน่ๆ "
"อาจู้! ดูสิ ท่านแม่ของข้าคงลืมไปแล้วว่าข้าเป็นลูกแท้ๆ ของท่าน"
เฟยหงที่แอบดูอยู่หลังเสา มองไปที่มารดาของนาง มือเรียวกำหมัดแน่น แล้วจ้องกลับไปที่หน้าประตูจวนที่ก่อนหน้านี้มีขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทอยู่ที่ตรงนั้น แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว
"ก็ดี นังนั่นตายไปเสียได้ก็ดี องค์รัชทายาทจะได้เป็นของข้า ท่านพ่อ กับท่านแม่จะได้กลับมารักข้า ข้าจะได้มีทุกๆ อย่าง อย่างที่มันเคยมี"
"โถ่ คุณหนูอย่าคิดมากไปเลยนะเจ้าคะ นายท่าน กับนายหญิงต่างก็รักบุตรีของตนทั้งสองคนเลยนะเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะคุณหนูของข้าก็อยู่อย่างกินดีมีสุข มีเงินใช้ไม่ขาดมือเลยนะเจ้าคะ"
เพียะ!
มือเรียวฟาดลงที่ใบหน้าสาวรับใช้ประจำกาย ด้วยความโมโหที่ถูกนังขี้ข้านี่สั่งสอน!
"อย่าสาระแนมาสอนข้า!"
"เพราะสำหรับข้ามันไม่พอไงอาจู้ แค่นี้มันไม่พอสำหรับข้า!"
…
"แม่นางไป๋ มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" มุมปากหนากดยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่ขันทีขานมาแต่ไกล
"ให้นางเข้ามา!"
"แม่นางไป๋ เชิญๆ อ่ะ ที่ปากแม่นางเช็ดหน่อยได้หรือไม่ น่าเกลียดเสียจริง" น่าเกลียดงั้นเหรอ ก็ดีสิ อีตาบ้าซีฮันจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเธอจะได้ปล่อยเธอกลับจวนเร็วๆ
"ข้ายังไม่อิ่ม"
"ข้าจะตายเสียให้ได้ งั้นเร่งฝีเท้าเข้าเถอะอย่าให้พระองค์ทรงกริ้วเลย" เพราะเขาเคยเจอพระองค์เวลาโกรธกริ้วมาแล้ว
"ท่านเรียก…"
เมื่อประตูห้องอักษรเปิดออก เป่าเป้ยก็ยืนเท้าสะเอว ข้างหนึ่ง อีกข้างก็ยังถือขนมผลไม้เคลือบน้ำตาลอยู่ ก่อนจะถูกหัวหน้าขันทีมองแรงเข้าให้ นางถึงสำรวมขึ้นมาได้
"ไป๋ เป่าเป้ย ขอเข้าเฝ้าเพคะ"
"เชิญ หัวหน้าขันทีฉางเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับแม่นางน้อยผู้นี้"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"พระองค์มีอะไรจะพูดกับข้าหรือเพคะ"
สายตาขององค์รัชทายาทไล่มองนางตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจรดศีรษะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ยังคงความดูดี และไร้เดียงสา ผิวนางขาวราวกับหิมะแรกที่โปรยลงมา มือนางเปรอะเปื้อนไปด้วยความเหนียวของน้ำตาลที่เคลือบกับไม้ที่นางถืออยู่ ปากนางเปรอะแต่ก็ยังไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร แต่มันกลับทำให้พระองค์โมโหมากกว่า
โมโหที่ให้เวลานางรักษาตัว แต่นางกลับเอาเวลาไปเที่ยวเล่น ไม่สนใจพระองค์เลยแม้แต่น้อย
มันน่านัก!
"หรือที่ห้องอักษรของพระองค์ ห้ามกินขนมหรือเพคะ? แต่ข้า เอ๊ย! แต่หม่อมฉันไม่อยากทิ้งนี่เพคะ งั้นขอหม่อมฉันออกไปกินให้หมดก่อนได้มั้ยเพคะ"
เห็นท่าทีขององค์รัชทายาทที่มองมาที่นางก็ทำเอาเป่าเป้ยเสียวสันหลัง ทางที่ดีนางควรรีบเร่งออกไปจากห้องนี้โดยเร็วที่สุด
"ไม่ต้อง สำหรับเจ้ากินที่นี่ได้ ข้าไม่ถือ"
"แต่ พระองค์จะเสียสมาธินะเพคะ ให้หม่อมฉันออก…"
"ข้าบอกว่าได้ไง" เป่าเป้ยลืมตัว เผลอทำหน้ายุ่งในตอนที่องค์รัชทายาทวางพู่กันเอาไว้แล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาหานางอย่างช้าๆ ราวกับว่าอยากจะดูนางใกล้ๆ
"หลายวันมานี้ อาการป่วยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"แค่กๆ แค่กๆ แค่กๆ หมะ หม่อมฉันยังไม่ดีขึ้นเลยเพคะ นอนซมอยู่ที่จวนหลายวัน ไม่ได้ไปไหนเลยเพคะ"
"แล้วขนมนี้"
"สะ เสี่ยวเว่ยเอามาให้หม่อมฉันเพคะ" อยู่แต่ในวังคงไม่รู้หรอกมั้งว่านางทำอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา ถ้าเขารู้ก็แปลว่าเขาจะว่างเกินไปแล้ว!
"งั้นหรือ"
"เพคะ พระองค์ออกห่างหม่อมฉันหน่อย"
"ออกห่าง"
"เพคะ" น้ำเสียงของนางเบาลง ดวงตากลมโตของนางก็เผลอประสานกับดวงตาคมของพระองค์เข้าอย่างจัง องค์รัชทายาทผู้นี้ช่างมีเสน่ห์ ยิ่งได้สบตา ยิ่งเหมือนกับว่าเวลารอบตัวได้หยุดหมุนลงกะทันหัน
"ถ้าข้าไม่ออก เจ้าคิดจะทำอย่างไร"
"..." เป่าเป้ยไม่ได้ตอบ แต่กลับใช้มือข้างที่ยังว่างดันที่อกของพระองค์เบาๆ
"เจ้ารู้หรือไม่ ปกติแล้วข้าลงโทษคนโกหกอย่างไร"
"มะ ไม่รู้"
แผ่นหลังบางติดกับประตูจนได้ นางถอยหลังมาเรื่อยๆ จนสิ้นสุดทางหนีทีไล่ ในขณะที่พระองค์กำลังเดินต้อนนางให้ติดกับพระองค์อย่างช้าๆ สองแขนแกร่งค้ำกับประตูเอาไว้ กักขังนางไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
"ข้าชอบที่จะทรมานผู้ที่โกหกข้าด้วยการเฆี่ยนตี" เฆี่ยนตีเลยเหรอ!
"จากนั้นเมื่อแผ่นหลังของผู้นั้นมีแผลพุพองข้าจะราดด้วยน้ำเกลือ" เป่าเป้ยตาโต นางไม่รู้เลยว่าอาการของนางเป็นที่น่าขันสำหรับพระองค์ตอนนี้มาก
"เมื่อราดน้ำเกลือเสร็จแล้วข้าก็จะเฆี่ยนตีอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะสาแก่ใจข้า ไม่เพียงเท่านั้นน้ำร้อนๆ ข้าจะเอากรอกปากจนตับไตไส้พุงสุก"
"พะ พอแล้วเพคะ หม่อมฉันกลัวแล้ว" ไอ้โหดเอ๊ย
"ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หลายวันมานี้อาการป่วยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ไอ้บ้าอำนาจ!
"กะ ก็ดีขึ้นมานิดหน่อยเพคะ"
"หายระคายคอแล้วหรือ"
"ก็ยังมีบ้างเล็กน้อยเพคะ"
"แล้วได้ออกไปเที่ยวเล่นบ้างหรือไม่" ออกทุกวัน!
"ถ้าเบื่อๆ ก็ออกเพคะ แต่ปกติจะรักษาตัวอยู่ในจวน จะได้หายเร็วๆ ไงเพคะ"
"หายเร็วเพื่อข้า? " ไม่ใช่โว้ย หายนานแล้ว แต่ยังอยากเที่ยวอยู่
"เพคะ" ใบหน้าคมสันเลื่อนเข้าใกล้นางเรื่อยๆ เป่าเป้ยก้มหน้าลงหลับตาปี๋ ขณะที่ใบหูได้ยินเสียงเย็นเหยียบของพระองค์พูดออกมาอย่างเย็นชา
"ไม่เนียน!"
"อ๊าย! อย่าทำอะไรข้านะ"
"โทษโกหกของเจ้า ข้าต้องทำโทษแน่ แต่เป็นวิธีของข้าดีหรือไม่" อย่าบอกนะว่าจะเฆี่ยนตีนาง
"มะๆ ไม่โกหกแล้วเพคะ หมะ หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ ตอนนี้อาบน้ำให้ม้าหม่อมฉันยังทำได้ หม่อมฉันแข็งแรงถึงเพียงนี้ พระองค์อย่าเฆี่ยนตีหม่อมฉันเลยนะเพคะ"
"หึ" น่ารัก
"ฮื้อออ~ หมะ หม่อมฉันกลัวเจ็บเพคะ หม่อมฉันไม่ชอบเจ็บ หม่อมฉันทนไม่ไหวแน่ๆ พระองค์อย่าเฆี่ยนตีหม่อมฉันเลยนะเพคะ" ขนาดนางกลัวเขาถึงเพียงนี้ แต่มือของนางก็ไม่ยอมปล่อยไม้ขนมลงเลย
"ไม่ได้!" เป่าเป้ยหน้าซี้ด เบะปากกลั้นเอาไว้กลัวน้ำตาของนางจะไหลกลิ้งลงมาให้องค์รัชทายาทได้เห็น
"หม่อมฉันกลัวแล้วเพคะ"
"งั้นเจ้าก็ยกขนมนี้ให้ข้าแล้วกัน แล้วข้าจะไม่ทำโทษเจ้า ดีหรือไม่เล่า" รั้งนางเข้าหาตัว มือหนาสัมผัสที่แผ่นหลังของนางแม้จะเป็นเพียงแค่การสัมผัสผ่านๆ แต่มือของพระองค์ยังรับรู้ได้ถึงไอร้อน
"มะ ไม่ได้เพคะ ขนมนี้รสชาติดีมาก หม่อมฉันตัดใจให้ไม่ได้!" นางหวงของนาง
"นี่เจ้า!" เขาขู่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมปล่อยขนมออกจากมืออีก
"เป็นอย่างอื่นได้มั้ยเพคะ"
"งั้นข้ากินที่เลอะอยู่ที่ปากของเจ้า ไม่ดีกว่าหรือ เราจะได้กินด้วยกันทั้งคู่ไง"
"อ๊าย! งะ งั้นเอาไปเลยเพคะ" หน้าบูดบึ้งยื่นผลไม้เคลือบน้ำตาลไปตรงหน้า!
"หึ" ผลไม้เคลือบน้ำตาลถูกช่วงชิงไปแล้วต่อหน้าต่อตา มือหนาเลื่อนลงจับข้อมือเล็กของนางให้เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของพระองค์