หมายเหตุ นักเขียน
นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนได้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของตนเอง ไม่อิงประวัติศาสตร์ หลักความเป็นจริง สถานที่ ขนบธรรมเนียมประเพณี และตัวละครไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีฉากอีโรติกรวมอยู่ด้วย วอนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น (อายุ 18 ปี ขึ้นไป) และใช้คำราชาศัพท์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากหากใช้ฉบับเต็มรูปแบบอาจจะส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกติดขัด และเข้าใจยาก หรือน่ารำคาญจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนักเขียนเองยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ คำติ หรือคำชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขในผลงานเล่มต่อไป
[พื้นที่เพื่อความบันเทิง ละเว้นดราม่ากันนะคะทุกคน]
---
๕
รักษาตัวให้หาย
หลายชั่วยามเข้าไปแล้วเหตุไฉนอีตารัชทายาทถึงยังไม่กลับไปเสียที เป่าเป้ย นั่งจนจะหลับอยู่แล้ว เขาก็ใช้ให้นางรินชาให้อยู่นั่น หมอหลวงก็มาแล้วตรวจเช็กอาการของนางแล้วบอกว่านางแค่อ่อนเพลียพักผ่อนสักระยะหนึ่งก็คงหายดี
"เอ่อ" อยากจะไล่กลับไปเสียจริง แต่มันจะเสียมารยาทไปหรือไม่
"มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมมองข้าอยู่ได้"
"พระองค์ไม่คิดจะกลับวังบ้างหรือเพคะ"
"อ่อ เรื่องนั้นเองหรือ" เรื่องนั้นเอง? เป่าเป้ยขมวดคิ้วยุ่งเขาเห็นสีหน้าของนางอย่างชัดเจน
"ข้าก็คิดอยู่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"
เอนตัวลงเล็กน้อยก่อนจะหรี่ตาลงมองแม่นางน้อยผู้นี้ ในสายตาของเขาแม่นางน้อยผู้นี้สวยงามสมบูรณ์แบบอย่างที่เขายังไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ใช่สิ อาจจะเคยเจอแต่คงไม่ได้สะดุดตาเหมือนแม่นางคนนี้ ก่อนหน้านี้เขารู้จากเรื่องเล่าขานเท่านั้นว่าบุตรีคนเล็กของไท่ฝูนั่นมีนิสัยชอบเก็บตัวและโง่เขลา ตอนที่รู้ว่าจะได้แต่งกับนางพระองค์ก็ยิ่งไม่อยากแต่งพระองค์ไม่เต็มใจ ตอนที่รู้ว่านางป่วยไปหลายวันพระองค์ดีใจยิ่ง จะได้ไม่ต้องแต่งนาง บางครั้งใจก็สาปแช่งให้นางสิ้นไปเสีย กระทั่งได้บังเอิญเจอกับนางที่ตลาดอดยอมรับไม่ได้เลยว่านางถูกใจพระองค์ยิ่ง
"แต่หม่อมฉัน…" อยากจะนอนเหยียดแข้งเหยียดขาจะแย่อยู่แล้วนะเพคะ
"ทำไมหรือ"
"เอ่อ"
"อยากไล่ข้ากลับแล้วหรือ" ก็รู้ตัวนี่!
"เพคะ เอ๊ย! มะ ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่นะเพคะ" เป่าเป้ยยกสองมือส่ายไปมาบอกให้องค์รัชทายาทรู้ว่าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ แม้ว่าใจเธอจะคิดไปยิ่งกว่านี้ก็เถอะ
"งั้น ข้ากลับแล้วก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจให้ข้าอยู่"
"เพคะ" หึ เขาหันกลับมามองอาการดีอกดีใจของคนตัวเล็กแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากเรือนรับรอง
"เจ้า"
"คะ พะ เพคะ"
"ไม่คิดจะเดินไปส่งข้าหน่อยหรือ"
"หม่อมฉันส่งตรงนี้ไม่ได้หรือเพคะ" เขากวาดสายตามองผู้ติดตามของตน ก่อนจะใช้สายตาดุดันจ้องกลับหญิงสาวประหนึ่งบอกนางว่า ไม่ได้!
"เจ้ารักษาตัวให้หายก่อน เรื่องอภิเษกค่อยว่ากันอีกที"
"เพคะ" อาการออกเชียวนะแม่นางน้อยผู้นี้ เห็นทีเมื่อยามที่ต้องแต่งเข้ามาพระองค์คงต้องอบรมบ่มนิสัยนางเสียหน่อยไท่ฝูอาจจะตามใจบุตรสาวของตนมากเกินไป
เป่าเป้ยเดินออกมาอย่างจำใจนางยืนหลังพระองค์เพียงหนึ่งก้าวเหมือนดั่งผู้ติดตามคนอื่นของพระองค์ แต่องค์รัชทายาทก็หยุดฝีเท้าทั้งสองข้าง เอี้ยวตัวหันมาคว้าข้อมือเล็กของนางที่มือของพระองค์กำได้รอบดึงนางให้มายืนเสมอพระองค์ การกระทำนี้ทำเอาเหล่าผู้ติดตามมีสีหน้าเลิ่กลั่กกันใหญ่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวคำใดออกมา
"แล้วข้าจะมาเยี่ยมเจ้าใหม่" ไม่ต้องมาก็ได้เพคะ นางคิดในใจ
"เพคะ" สองมือประสานไว้หน้า นางย่อตัวลงเล็กน้อยเป็นการเคารพพระองค์อย่างที่ต้องทำ เมื่อพระองค์กลับไปแล้วเป่าเป้ยก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นเว่ยหยันยืนกุมมือไว้ด้านหน้าย่อตัวลงเล็กน้อยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ก็ต้องรู้สึกผิดสิก็เล่นหนีนายตนเองแล้วหายไปเลยเช่นนั้น
"ไม่ต้องมาทำหน้ารู้สึกผิดใส่ข้าเลย"
"โถ่คุณหนูเจ้าคะ ข้าผิดไปแล้วก็องค์รัชทายาทเล่นมาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง"
"ข้าไม่พอใจเจ้า เย็นนี้เจ้าย่างปลาให้ข้ากินเลยเพื่อเป็นการไถ่โทษ"
"แค่ย่างปลา ข้าทำได้ ขอแค่คุณหนูอย่างโกรธข้าเลยนะเจ้าคะ"
"ว่าแต่ เจ้าพอจะรู้เรื่องขององค์รัชทายาทบ้างหรือไม่ เล่าให้ข้าฟังหน่อย" สองนายบ่าวเดินคุยกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาริษยากำลังมองนางอยู่ที่เรือนฝั่งซ้าย
"องค์รัชทายาทเซวี่ย มีนามว่า ซีฮัน เป็นโอรสของฮ่องเต้เซวี่ยองค์ปัจจุบัน พระองค์เป็นองค์ชายที่ 5 ก่อนหน้ารับตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาทพวกเราเรียกขานพระองค์กันในนาม องค์ชายห้า"
"อือ แล้วนิสัยใจคอล่ะ"
"นิสัยใจคอโหดเหี้ยมเลือดเย็นเกินมนุษย์ แต่หลังจากที่พระองค์หายจากพิษไข้คราวนี้ก็ดูเหมือนว่าความโหดเหี้ยมจะลดลงไปมาก"
"แล้วเมียละ"
"เอ่อ…"
"ข้าหมายถึง พระชายา หรือพระสนมในพระองค์น่ะ"
"พระชายายังไม่ได้เลือกเจ้าค่ะ ส่วนพระสนมมีร่วมหนึ่งพันคนกว่าๆ เห็นจะได้นะเจ้าคะ" หา!
"หนะ หนึ่งพันคน!"
"เจ้าค่ะ"
"แต่เหมือนว่าพระองค์จะไม่ได้สนพระทัยพระสนมแต่ละนางมากนัก สนแต่บ้านเมืองเพราะช่วงนี้ฮ่องเต้ประชวรบ่อย คาดกันว่าไม่นานน่าจะมีการแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่เร็วๆ นี้"
"ฮ่องเต้เซวี่ย ประชวรนานแล้วหรือ"
"เจ้าค่ะ ประชวรมาระยะใหญ่ๆ แล้ว เกรงว่าเร็วๆ นี้อาจจะมีข่าวเศร้าก็เป็นได้" เว่ยหยันพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก เพราะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นมีความเมตตายิ่งนัก ต่างจากองค์รัชทายาทผู้นี้ที่เดิมทีก็มีเพียงความโหดเหี้ยมเลือดเย็น
"แล้วพี่น้องคนอื่นๆ ของซีฮันล่ะ"
"คุณหนู! เรียกชื่อพระองค์อย่างเดียวไม่ได้นะเจ้าคะ"
"ขอโทษๆ แล้วพี่น้องคนอื่นๆ ขององค์รัชทายาทล่ะ"
"องค์ชายพระองค์อื่นก็มีตำแหน่งในวังทั้งนั้นเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบู๊หรือบุ๋นก็ตาม แต่เพราะองค์ชายห้าข้าหมายถึงองค์รัชทายาททรงเด็ดขาดกว่าองค์ชายพระองค์อื่น ฝ่าบาทก็คงจะเห็นจึงให้พระองค์ได้รับตำแหน่งนี้ไป"
"อ่อแล้วก็มีองค์ชายสี่ที่นิสัยใจคอใกล้เคียงกับองค์รัชทายาทอยู่มากโข"
"อ่อ แล้วทำไมองค์รัชทายาทถึงยอมแต่งกับข้าละ"
"อ่อ แรกๆ พระองค์ก็ไม่ได้ยอมหรอกเจ้าค่ะ แต่เพราะว่าไท่ฝูเคยช่วยเหลือฮ่องเต้เอาไว้ บุญคุณต้องทดแทนองค์ฮ่องเต้เลยให้องค์รัชทายาทแต่งกับคุณหนูเจ้าค่ะ" ถึงแม้จะแต่งเข้าไปเป็นสนมก็ตาม
อ๋อ เรื่องราวมันเป็นแบบนี้นี่เอง เธอพอจะเข้าใจแล้วล่ะ ขณะที่กำลังเดินกับหญิงรับใช้ส่วนตัวก็เจอเข้ากับเฟยหง ที่มียืนขวางหน้าเธอเอาไว้กับสาวรับใช้คนสนิทของเธอ พักหลัง มานี้เฟยหงก็มาจะมาแขวะ หรือกลั่นแกล้งนางอยู่ตลอด แต่นางไม่ยอมหรอกนะถือว่าแก้เบื่อไปอีกแบบ
"มาเดินเล่นหรือน้องหญิง"
เป่าเป้ยยังไม่ทันได้ตอบอะไรเฟยหงก็เดินเข้ามาใกล้ ใช้สายตาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าริษยาน้องสาวต่างบิดามากแค่ไหน
"แล้วพี่หญิงเล่า มาเดินเล่นด้วยหรือ ปกติเห็นแต่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือน"
"น้องหญิงอาจจะลืมไป ว่าที่นี่ก็จวนของข้าเช่นกัน แต่เอาเถอะเห็นน้องหญิงเที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่รู้จักอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนเช่นนี้ ระวังจะเป็นขี้ปากชาวบ้านเอาละกัน พี่หญิงเป็นห่วง"
"ข้าไม่ได้อยู่ประจำที่เรือนแล้วอย่างไร และจะเป็นขี้ปากของคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อข้าก็ไปกับท่านพ่อ ท่านแม่ แถมยังมีเสี่ยวเว่ยไปด้วย ไม่ได้ทำเรื่องขายหน้าให้ท่านพ่อต้องหมองใจ"
"รีบกลับเรือนน้องหญิงไปเถิดเกิดป่วยไข้ขึ้นมา องค์รัชทายาทจะกริ้วเอาได้" องค์รัชทายาทโหดเหี้ยมเช่นนั้น แม้ว่าใจนางจะอยากครองตำแหน่งฮองเฮาเพียงใด แต่ก็ขอส่งน้องสาวไปรองมือรองเท้าพระองค์ก่อนจึงดี
"จะมาโกรธข้าเรื่องอะไรกัน"
"นี่เจ้าไม่รู้หรือ งานแต่งของเจ้าใกล้เข้ามาแล้วนะ"
"แล้วพี่หญิงไม่รู้หรือว่าวันนี้พระองค์เพิ่งตรัสให้ข้ารักษาตัวให้หายก่อน" รู้สิเพราะนางใช้ให้อาจู้หญิงรับใช้ของนางมาแอบฟัง มิหนำซ้ำนางยังรู้ว่าพระองค์ค่อนข้างอ่อนโยนต่อน้องสาวต่างบิดาของนางจนน่าอิจฉายิ่ง
"ข้าไปก่อนนะ วันนี้เสี่ยวเว่ยจะย่างปลาให้ข้ากิน ข้าจะได้ไม่โง่ หากพี่หญิงว่างๆ ก็เชิญนะเห็นว่าพี่หญิงไม่ค่อยได้กินปลา"