“คิดมากน่า...และอีกอย่างนะ อย่าพยายามกำจัดฉันคนนี้ คนที่เป็นเพื่อนตายของเธอออกจากแผนการณ์นี้ โรสเธอไม่เคยทิ้งฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งเธอ...ว่าแต่เมื่อคืนเขามาใช่มั้ย” น้ำใสยิ้มและพยักหน้า “ฉันว่าแล้ว...อาร์เชอร์แสร้งทำเป็นคลั่งไคล้ฉันที่แท้ก็แค่ต้องการแยกเราสองคนจริงๆ คนพวกนี้ ร้ายกาจจริงๆ”
“พวกเขาถือคติอยากได้ลูกเสือก็ต้องบุกถ้ำเสือนะ” ฮิฮิฮิ สองสาวหัวเราะขบขันกันอย่างถูกใจ ฮานน่ามองใบหน้าของเพื่อนที่ตอนนี้แจ่มใสขึ้นอีกครั้งแม้จะไม่มากแต่ก็ดีกว่าสองสามเดือนที่ผ่านมา ไม่รู้สินะ! มีบางอย่างบอกเธอว่า เขาคนนั้นของเพื่อนคนนี้ไม่เคยทอดทิ้งหรือหายไปไหนเลย
“โรส ตอนนี้เธอรู้แล้วใช่มั้ยว่าที่เขาติดตามมาเพราะเป็นห่วงเธอและรักเธอไม่เสื่อมคลาย”
“อื้ม...” น้ำใสขานรับในคออย่างรู้อยู่แก่ใจ การที่เอ็ดวิร์ดยังตามเธอมาอีกหลังจากที่รู้อดีตของเธอมากขึ้นอีกนิด ก่อนหน้านี้เธอคิดว่ามันจบแล้ว ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นแค่อดีตที่เธอไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ก็นั่นแหละอดีตแบบนั้น ให้เธออยากจะเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนแปลงได้เธอจะทำในแบบอื่นเหรอ เพราะรูปแบบเดียวที่เธอทำได้ก็คือทำแบบนั้น นอกเสียจากว่าเธอจะเป็นผู้หมดลมหายใจไปเสียเองแบบนั้นแหละอดีตของเธอก็จะไม่มีมลทิน
ฮานน่าลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนสาวชาวไทย ปากนิดจมูกหน่อย สวยทีเดียวเลยละเธอคนนี้ มองนานๆก็ยากที่จะละสายตาไปได้ สายตาไล่ลงมาที่เรียวคอขาวที่เล็กนิดเดียวคอแบบนี้สามารถหักได้ด้วยมือข้างเดียวของผู้ชายตัวโตที่โหดเหี้ยม ไหนจะมือเรียวเล็กนั้นอีกมันสวยได้รูปน่าทนุถนอมเธอควรน่าจะแค่จับฝักบัวรดน้ำอยู่ที่บ้านมากกว่าจะถือปืนถือมีดฆ่าคน
พรึ่บ! ฮานน่าลุกขึ้นยืนทันที น้ำใสแหงนหน้ามองเพื่อน และรอยยิ้มก็
เผยออกมาเมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่มองเธอก่อน ‘เราสองคนจะรอดทั้งคู่’ แววตาแบบนี้น้ำใสเคยมอบให้กับฮานน่าแล้วตอนที่เธอกระโดดลงน้ำที่
เชี่ยวกราดและคว้าตัวเพื่อนในสายธารน้ำหลากได้ในตอนนั้น
“คาสิโนXXX...ค่ะ” เจเนตรายงานเมื่อเฝ้าติดตามน้ำใสและฮานน่ามา เอ็ดเวิร์ดมุ่นคิ้วทันทีเมื่อได้ยินชื่อคาสิโน
“รู้แล้ว เจเนตหมดหน้าที่ตรงนั้น ถอยออกมา” เจเนตขานรับคำสั่งนั้นและทำตามทัันที
“ทำไมถึงไม่ให้เธอเข้าไปละครับ” อาร์เชอร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่จำเป็น ฉันรู้แล้วว่าน้ำใสกำลังจะไปที่ไหน คาสิโนXXX จริงอยู่ว่าสำหรับคนทั่วไปแล้วมันคือคาสิโน แต่แท้จริงแล้วที่นั่นมันแค่ถนนทางผ่านของกลุ่มคนที่ต้องการหนีการติดตาม”
“ออกทางหลังร้านเหรอครับ”
“มีทางใต้ดินที่จะไปโผล่ที่ทางรถไฟใต้ดิน”
“แล้วเราจะรู้ได้ไงครับว่าเธอจะไปโผล่ที่สถานีไหนครับ” เอ็ดเวิร์ดทำท่าครุ่นคิด มอสโคว์เมืองนี้เขาทะลุปรุโปร่งไม่น้อย
“ตลาดค้าอาวุธเถื่อน”
“จะไปซื้ออาวุธต้องหลบหลีกการติดตามด้วยเหรอครับ”
“เปล่า! เธอไปพบคนและต้องเป็นคนสำคัญมาก อาวุธไม่น่าจะยากเกินความสามารถสายลับเคจีบีหรอก”
“สายลับ เธอคนนั้นฮานน่าเป็นสายลับเคจีบีเหรอครับ เจ้านายทราบได้อย่างไรครับ”
“จากการมองฉันไม่รู้หรอก แต่น้ำใสเคยเล่าให้ฟังนะว่ามีเพื่อนสนิทมากเป็นสายลับเคจีบี” อาร์เชอร์พยักหน้า และจู่ๆเขาก็เบิกตากว้าง
“ถ้างั้นเมื่อคืนนี้เธอก็ต้องรู้สิครับ...น่าจะรู้...หรือไม่ครับ” อาร์เชอร์เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจในประโยคหลัง แต่เอ็ดเวิร์ดแค่ยิ้มขบขัน การที่เขาส่งอาร์เชอร์เข้าไปนั้นเป็นการขออนุญาตและบอกกล่าวต่อฮานน่าว่าเขามาแล้วต่างหาก อยากได้ลูกเสือก็ต้องบุกถ้ำเสือ ใจแลกใจ เขาใช้ความจริงใจส่งผ่านไปกับฮานน่าต่างหาก ตอนแรกเขาไม่มั่นใจว่าเธอจะใช่คนที่เขาคิดมั้ย แต่เมื่อเธอยอมออกไปกับอาร์เชอร์นั่นก็รู้ทันทีว่าเธอคือคนที่เขาคิดไว้ การส่งข้อความแบบนี้มีแต่คนที่เป็นสายลับเท่านั้นถึงจะเข้าใจ แล้วทำไมเขาถึงรู้อย่างงั้นเหรอ เพราะงานแฝงตัวเมื่อปีก่อนมันบอกเขาไว้ไง...
“ไปออกแรงกันหน่อย” เอ็ดเวิร์ดพูดแค่นั้นก็เคลื่อนรถออกไป มีอะไรต้องรอในเมื่อเขามีจุดหมายปลายทางที่แน่ใจแล้ว
“เยี่ยม!”น้ำใสและฮานน่ามองข้อความและจดจำรหัสตัวเลขทั้งหมดสี่ชุดให้ขึ้นใจและฮานน่าก็ทิ้งกระดาษนั้นลงชักโครก เมื่อพวกเธอนัดเจอกับสายข่าวคนสำคัญที่ตรอกแคบๆในตลาดค้าอาวุธเถื่อน “แยกกัน” น้ำใสเอ่ยกับสายข่าวโดยให้เขาออกไปก่อน โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีใครสองคนกำลังสุ่มมองอยู่
อ๊าก! สายข่าวที่พ้นสายตาน้ำใสและเพื่อนก็ถูกคว้าคอเข้าช่องแคบระหว่างตึก ไม่ทันได้ร้องออกมาก็ถูกเอ็ดเวิร์ดสัดเข้าจนสลบ เขาต้องรู้ทุกอย่างที่น้ำใสรู้ ตอนนี้เขารู้เพียงว่าเธอกำลังจะเข้าไปหาองค์กรที่ชื่อว่าดาร์กมูน
สาดดดด ฮะอะฮะ คนที่ถูกทำให้สลบถูกทำให้ตื่นด้วยน้ำเย็นในเวลาที่ห่างกันเพียงไม่ถึงสิบนาที
“อะไรกันว๊ะ!” คนที่รู้สึกตัวบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ฉันอยากรู้ทั้งหมดที่แกบอกกับผู้หญิงสองคนนั้น” เอ็ดเวิร์ดโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งเปียกปอนอยู่บนพื้นอิฐปูทาง มันแหงนมองเอ็ดเวิร์ดกับ อาร์เชอร์สลับไปมา และสายข่าวก็มาหยุดที่ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ด ดวงตาของมันเบิกโพลงปะปนความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
เอ็ดเวิร์ดมุ่นคิ้วทันที ความหวาดกลัวที่มีต่อผู้ที่เสียเปรียบเขาก็พอเข้าใจแต่นี่มันมากเกินไป เจ้านี่มองเขายังกับว่าเขามีเขี้ยวงอกหรือมีเขาบนหัวเสียมากกว่า ไร้สาระจริงๆ...
ควับ!!! ซึ่งอาร์เชอร์กลับมองว่าเป็นการแสดงของมัน เขาจึงคว้าปืนออกมาจ่อที่ขมับของสายข่าวทันที “ตอนนี้ฉันง้างปากของแกได้เหรอยัง...เพราะถ้าแกยังทำตัวไม่มีประโยชน์ฉันจะเป่าสมองแกให้โลกใบนี้มีที่ว่างเพิ่มขึ้นสำหรับคนมีประโยชน์”
“บอกสิ บอกแล้ว...แต่พวกคุณช่วยเก็บปืนไว้ก่อนได้มั้ย ถูกจ่อแบบนี้ผมใจไม่ดี...ผมกลัวตายนะครับ” หึหึหึ อาร์เชอร์หัวเราะขบขันทันทีแต่ก็ยอมเก็บปืน
“กลัวตายแต่กลับทำมาหากินเป็นสายข่าวเนี่ยนะ”
“สายข่าวก็มีชีวิตที่ตายได้เหมือนกันนะครับ ผมคนนะครับไม่ใช่แมวที่จะมีเก้าชีวิต”
“ถ้ากลัวตายก็บอกทุกอย่างที่แกบอกผู้หญิงสองคนนั้น อย่าได้ขาดตกไปแม้แต่คำเดียว”
“พวกเธอกำลังจะฆ่าตัวตาย”
“พวกเธอได้ที่อยู่ขององค์กรดาร์กมูนจากแกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ” สายข่าวส่ายหน้าไปมา
“ที่อยู่...” หึหึหึ “พวกคุณตลกจัง ดาร์กมูน มีใครไม่รู้จักบ้างคนในวงการมืดต่างก็รู้จักองค์กรนี้ทั้งนั้นแหละครับแม้แต่ที่อยู่ พวกเธอรู้ที่อยู่กันอยู่แล้ว แต่ที่พวกเธอไม่มีคือรหัสทางเข้าต่างหากครับ...”
“ต่อสิว๊ะ!” อาร์เชอร์เอ่ยทันทีที่สายข่าวจู่ๆก็เงียบไป และสายตากลับมองไปที่เอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง
“คุณจริงๆ...คุณจริงๆด้วย” เอ็ดเวิร์ดและอาร์เชอร์มองตากัน พวกเขาไม่เข้าใจ พรึ่บ! อ้า! “ผมแค่จะหยิบกระดาษในกระเป๋า ผมมีบางอย่างให้พวกคุณดู” สายข่าวต้องรีบชูมือขึ้นทั้งสอง เมื่อจังหวะหนึ่งที่เขาจะหยิบกระดาษที่เก็บไว้ใต้เสื้อแจ็คเก็ตแต่อาร์เชอร์ก็เล็งปืนมาที่เขาทันที “ผมหยิบได้เหรอยัง” สายข่าวย้ำขอการอนุญาต อาร์เชอร์จึงพยักหน้าแต่ปืนยังเล็งไปที่สายข่าว อย่างเตรียมพร้อมถ้ามันอยากจะตุกติก
พรึ่บ! เอ็ดเวิร์ดรับกระดาษที่สายข่าวส่งให้ อาร์เชอร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฎบนกระดาษ ‘ภาพสเก็ต’ แต่แผ่นนี้เป็นแผ่นที่ถูกถ่ายเอกสารมาอีกที นั้นก็หมายความว่า มันมีมากกว่าหนึ่งใบ ภาพสเก็ตเจ้านายเขาเองตอนสภาพปัจจุบันที่มีเคราหนวดรกครึ้ม