ตอนที่ 9

2217 Words
แครลอไรลด์เดินออกจากห้องน้ำ เห็นวิกานดานอนตะแคงหันมาเธอด้วยท่าทางเหมือนจะอ่อย โดยถกชายชุดนอนขึ้นจนเห็นขาอ่อน แถมช่วงบนก็จงใจปลดกระดุมแบบที่เผยให้เห็นร่องอก "มานอนด้วยกันสิจ๊ะ" ไม่วายยังเอ่ยชวนเจ้าของห้องอีกด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย แถมวิกานดายังเอาแต่แอบมองรูปร่างของคนที่ยืนทำตัวยุ่งไม่วางตา ก็เห็นใบหน้าว่าสวยเก๋แล้ว แครลอไรลด์ยังหุ่นดี และสูงกว่าเธอหลายคืบ สูงกว่าชนิดที่ว่าเสื้อเชิ้ตแบบเดียวกันที่สวมใส่ เมื่ออยู่บนร่างกายของหล่อนแล้วชายเสื้อดันเลิกขึ้นไปจนเห็นขาอ่อน "มองอะไรอยู่ได้" "น้องแครล์ใส่ชุดชั้นในด้วยเหรอเนี่ย" วิกานดาถามต่อทันทีอย่างรู้สึกขัดใจ "นอกจากจะพูดมากแล้วยังโรคจิตอีกนะ" หมอนและผ้าห่มถูกโยนลงที่พื้น "ลงไปค่ะ" "อะไรนะ" "ลงจากเตียงและไปนอนที่พื้นค่ะ เตรียมไว้ให้แล้ว" วิกานดารีบลุกขึ้นนั่งทันทีอย่างไม่เข้าใจ "จะให้พี่นอนข้างล่างน่ะเหรอ" "ก็ได้ยินแล้วนี่" "น้องหมอแครล์!" "รีบลงไปค่ะ ฉันง่วงแล้ว" "พูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย ตั้งแต่พี่เกิดมายังไม่เคยนอนพื้นเลยนะ" "ก็จะได้นอนครั้งแรกที่นี่ค่ะ" วิกานดาจำต้องก้าวลงจากเตียงตามคำสั่ง นั่นเพราะสีหน้าเอาเรื่องของแครลอไรลด์ แต่ยังไงก็แล้วแต่ เธอไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่ เมื่อไฟภายในห้องปิดลง คนที่นอนรอเวลาอยู่ด้านล่างก็ลืมตาผึงทันที วิกานดาแอบลุกยืน ก้าวขาขึ้นเตียง และแทรกตัวไปในผ้าห่มด้วยความระมัดระวัง กำลังจะเอื้อมมือไปกอดแครลอไรลด์ แต่ 'พลั่ก' "โอ้ย เจ็บ เจ็บ.." วิกานดาโวยวายขึ้นมาทันที รู้สึกเจ็บร้าวระบมไปทั่วทั้งหน้า โคมไฟข้างหัวเตียงสว่างขึ้นอีกครั้ง "พี่เจ็บนะน้องหมอแครล์" ร้องบอกออกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา "ก็บอกแล้วไง ว่าให้นอนข้างล่าง" พูดออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก็เผลอแสดงสีหน้าตกใจออกมาเพียงเล็กน้อย นั่นเพราะที่จมูกของวิกานดามีเลือดไหลและหล่อนก็เอาแต่กุมมันไว้ "ฉันนอนดิ้น การที่ป้าพยายามมานอนด้วยก็ต้องโดนแบบนี้" "ก็พี่..." "แต่ถ้าอยากนอนบนเตียง ก็นอนไปค่ะ ฉันจะออกไปนอนข้างนอก" พูดพร้อมกับลุกขึ้นทันที "ด เดี๋ยวสิ เดี๋ยว น้องหมอแครล์" ก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ 'พลั่ก' ผ้าขนหนูผืนน้อยถูกโยนใส่ตัววิกานดา "เช็ดซะ ไม่อยากให้ที่นอนเลอะเลือด" "เลือดอะไร ว ว้าย... เลือด" เพราะเอาแต่โวยวาย จึงไม่ได้ทันสังเกตตัวเองว่าจมูกที่ถูกข้อศอกของแครลอไรลด์กระแทกนั้นมีเลือดไหลออกมา "ฉันอุส่าไว้ใจให้ป้านอนกับฉัน" พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป "น้องหมอแครล์! คนใจร้าย" วิกานดาได้แต่ต่อว่าไม่หยุดปาก แต่ก็ต้องยอมเงียบ เพราะแครลอไรลด์ดันปิดประตูใส่เสียงดัง แครลอไรลด์ออกมาทำงานแต่เช้า แต่ก็คงเช้าไม่พอเพราะคนที่ร่วมห้องเมื่อคืนดันหายไปก่อนเสียอีก ได้แต่สงสัยในความแปลกพิกลของวิกานดา เช้านี้ ภายในรถ ขณะที่เธอกำลังเผชิญกับการจราจรที่ติดขัด ใครๆ หลายคนอาจจะหัวเสียกับมัน แต่สำหรับนักธุรกิจอย่างแครลอไรลด์ เธอชอบ แครลอไรลด์ชอบที่จะทวนงาน ตามสายโทรศัพท์จากการสรุปของเลขา "ภัทรดล แซ่หยวน" แครลอไรลด์เอ่ยออกมาด้วยคิ้วขมวด นั่นเพราะรู้สึกคุ้นกับนามสกุล เหมือนเคยได้ยินมาก่อน "รายนี้ค้างจ่ายมาหกเดือนแล้วค่ะ เจ้าของธุกิจโรงสีส่งออกข้าวหอมมะลิ" "ทำไมปล่อยถึงหกเดือน คุณพุทธชาติทำอะไรอยู่คะ" เอ่ยต่อว่าปลายสายด้วยความไม่พอใจนัก "ต้องขออภัยค่ะ เพราะลูกหนี้เครดิตดีมาตลอด ธุรกิจก็ไปได้สวย แต่ระยะหลังเพราะภาวะเศรษฐกิจและคู่แข่งจึงทำให้ตัวเลขรายได้ลดลง และเมื่อปีก่อน ลูกหนี้ก็ขอผ่อนผันโดยเสนอแผนธุรกิจใหม่ ฉันจึงถือวิสาสะให้โอกาส แลกกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่สอบถามคุณหมอก่อน" "ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่าเคสนี้ฉันจะดูแลเอง ส่งเอกสารหารกู้รวมถึงประวัติคนในครอบครัวให้ฉันภายในวันนี้" แครลอไรลด์กดวางสาย ก่อนจะดับเครื่องยนต์และเปิดประตูลงจากรถโดยทันที การประชุมกับลูกน้องคนสนิทสองต่อสองผ่านสายโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติ เธอมีทีมงานไม่มากนัก แต่ก็ล้วนด้วยคุณภาพ วันนี้เธอเสียเวลาคุยสายกับลูกน้องนานกว่าทุกวันเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น "สวัสดีค่ะคุณหมอ" เสียงนี้เอ่ยทักทายแครลอไรลด์ไม่หยุดตั้งแต่เธอก้าวเท้าลงจากรถหน้าสถานเสริมความงามชื่อดัง นับว่าแครลอไรลด์ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเรื่องศัลยกรรม จนโด่งดัง และถูกว่าจ้างให้มาเป็นคุณหมอประจำที่แห่งนี้ "วันนี้มีเคสผ่ามั้ยคะ" เสียงนี้ออกจากปากคุณหมอทันทีที่ตรงถึงห้องทำงาน "มีเสริมจมูกสองเคส ทำหน้าอกสามเคส และฉีดโบท็อกค่ะ" "คะ?" "เอ่อ คือ..." "ปกติฉันไม่ฉีด" "คนไข้ท่านนี้ยืนยันจะฉีดโบท็อกกับคุณหมอเท่านั้นค่ะ" ผู้ช่วยคุณหมอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง "งั้นคุณช่วยยืนยันกับคนไข้ท่านนี้ว่าฉันไม่สะดวก รบกวนให้คุณหมอท่านอื่นทำแทนค่ะ" ก็เธอทำงานเพราะเงิน เคสเล็กๆ แบบนั้นไม่อยู่ในสายตาแครลอไรลด์อยู่แล้ว "หรือถ้าอยากจะทำกับฉัน ให้เลือกโปรแกมใหม่ค่ะ" เธอหมายถึงการผ่าตัดทั้งหลาย "เอ่อ... แต่คนไข้ท่านนี้ เธอรู้จักกับคุณหมอนะคะ เธอบอกว่าคุณหมอแนะนำมา" "ขอชื่อค่ะ" เสียงนี้ออกจากปากแครลอไรลด์อย่างเหลืออด และเพื่อให้มั่นใจว่าใช่คนที่คิด จึงต้องถามหาชื่อ "คุณวิกานดาค่ะ" นั่นไง ใช่คนที่คิดไว้ไม่ผิด ก็ตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยมีใครทำเรื่องแปลกเท่านี้ "งั้นเลื่อนนัดให้เธอมาเคสสุดท้ายค่ะ" ก็หากอยากเจอนักก็ต้องจัดให้เสียหน่อย วิกานดาก้าวลงจากรถอย่างเสียไม่ได้ เธอเอาแต่นั่งนิ่งเพื่อทบทวนตัวเองอยู่ภายในนั้นเกือบชั่วโมง หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ถัดจากรั้วสูงนั่นคือโรงงานส่งออกข้าวหอมมะลิ มันคือธุรกิจกงสีของครอบครัว แต่เหมือนเธอจะไม่มีส่วนกับครอบครัวนี้มาเป็นสิบห้าปี ตอนที่อายุเพียงยี่สิบสาม เพราะถูกขับไล่จากญาติพี่น้อง ทำให้วิกานดาต้องหนีหาย และหันหลังให้กับธุรกิจที่กำลังไปได้สวยในตอนนั้น ในห้องรับแขก ที่มีญาติพี่น้อง นับสิบชีวิตนั่งรวมกัน ทันทีที่เธอก้าวเดินเข้ามา ทุกการเคลื่อนไหวและทุกเสียงก็หยุดกึก ราวกับกำลังรอคอย "ยังไงก็มาแล้ว เริ่มคุยเลยแล้วกัน" เสียงประมุขของบ้านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม เขาคือชายแก่สัญชาติจีนแท้ผู้รับมรดกแบบรุ่นสู่รุ่นจากครอบครัว รวมถึงธุกิจโรงงานส่งออกข้าวหอมมะลิด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่เขาเป็นคือ บิดาของวิกานดา "ป๊ามีหนี้ยี่สิบล้าน" เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ไปในเชิงต่อว่า และพากันกังวลเรื่องหนี้สิน แถมยังโยนกันอีกว่าใครจะต้องเป็นผู้รับมรดกหนี้นั้นไป "เงียบ เงียบ!" เสียงฮือฮานั้นเงียบลงทันที เพราะเกรงกลัวในอำนาจของผู้เป็นประมุข ถึงแม้เขาจะเป็นชายแก่สูงอายุ แต่สีหน้าและแววตาก็แข็งกร้าว "ป๊าจะเป็นหนี้ได้ยังไง ในเมื่อธุรกิจของเราก็ทำเงินได้หลายสิบล้านต่อเดือน" หนึ่งในพี่น้องพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ "นั่นสิ ป๊าเอาเงินไปไหนหมด" "จะให้เราช่วยชดใช้ใช่มั้ย ถึงเรียกเรามาวันนี้" "พวกเราไม่มีเงินหรอกนะ จะหามาจากที่ไหน แค่ทุกวันนี้ก็มีรายจ่ายมากพออยู่แล้ว" พี่ชายทั้งห้าของวิกานดาเอ่ยปัดออกมาอย่างเอาเรื่อง พวกเขาต่างเป็นผู้ชายทั้งหมด มีเธอเพียงคนเดียวที่เป็นลูกสาว และเพราะความไฟแรงเมื่อสิบห้าปีก่อน ทำให้พวกพี่ต่างอิจฉา กลัวว่าวิกานดาจะมาฮุบธุรรกิจ เธอจึงถูกใส่ร้ายและกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งเธอเองยังเป็นผู้หญิง ผู้เป็นบิดาจึงไม่ให้ความสำคัญ และเห็นดีเห็นงามกับเหล่าพี่ชาย "ก็เพราะพวกลื้อนั่นแหละที่เอาเงินของป๊าไปผลาญ" เสียงนี้ออกจากปากของมารดา หล่อนพูดแทนคนเป็นประมุขของบ้านอย่างเหลืออด "จะโทษพวกเราได้ไง เงินนั่นป๊าให้พวกเราเอง" "ใช่ๆ จะมาเอาคืนตอนนี้ หรือให้พวกเราช่วยใช้หนี้ พวกเราไม่มีปัญญาหรอกนะ ลูกๆ ก็ยังเล็ก" "พวกลื้อนี่มันอกตัญญูจริงๆ ทีตอนเอาไปก็ดาหน้ามาขอ แต่ตอนนี้พากันปัดความรับผิดชอบ" "ม๊า!" ทุกเสียงของเหล่าพี่ชายร้องออกมาอย่างไม่พอใจ "เอาเถอะ... ใครจะอยู่ก็อยู่ ใครจะไปก็ไป" และประมุขของบ้านก็จำต้องเอ่ยออกมาแบบนี้เพื่อยุติการทะเลาะวิวาท แน่นอนว่าพี่ชายทั้งสี่และเหล่าพี่สะใภ้ต่างพากันลุกขึ้น และเดินห่างออกไปอย่างเงียบๆ แถมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก็ก่อนหน้าครอบครัวพี่ชายต่างมาเกาะคนสูงอายุเพื่อเงินกงสี แต่ตอนนี้คงจะไร้รายได้อีกต่อไป จะมีก็เพียงวิกานดาที่ยังนั่งอยู่กับที่ เธอกลับมาครั้งนี้เพื่อมารับฟังข่าวร้ายของครอบครัว "ดีจังนะคะ ไม่อยู่ที่นี่ตั้งสิบห้าปี กลับมาอีกทีกล่ยเป็นหนี้หัวโต" "อาหมวย" เสียงนี้ออกจากปากมารดา ก่อนที่หล่อนจะรีบเดินตรงมาหาลูกสาวที่เคยไร้คนเหลียวแล "ลื้อเป็นยังไงบ้าง โตขึ้นเยอะเลยนะลูกสาว" "หนูสบายดีค่ะ ดีกว่าอยู่ที่นี่อีก" "ม้าขอโทษ" คนสูงอายุบอกทั้งน้ำตา ไม่พอยังกอดลูกสาวคนเดียวไว้ด้วย "ม้าผิดไปแล้ว ไอ้พวกพี่ลื้อมันอกตัญญู มันทิ้งป๊ากับม้าได้ลงคอ ไอ้พวกลูกไม่รักดี เงินที่หมดไปก็เพราะพวกมันนั่นแหละ" ไม่วายเอาแต่ต่อว่าออกมาด้วยน้ำตา การกระทำของเหล่าพี่ชายคงจะทำให้หัวใจคนเป็นบิดามารดาสลาย "ไม่เป็นไรนะม้า เราจะช่วยกันใช้หนี้" วิกาสดาบอกเพียงเท่านี้ แค่นี่ก็พอแล้ว ก็การที่เธอถูกมองข้ามมาตลอดชีวิต คงจะมีวันนี้ที่ทำให้ตัวเองมีค่าในสายตาผู้มีพระคุณขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องน่าปวดหัว เพราะเงินหลายสิบล้านที่ค้างจ่าย แบบที่ทบต้นทบดอกมาหลายเดือน วิกานดาเอาแต่นั่งอ่านบัญชีรายรับรายจ่ายของโรงงานจนไม่เป็นอันทำงาน ไม่รู้จะหาเงินมาจากที่ใด และส่วนใหญ่เงินรายรับก็ถูกเบิกโดยเหล่าพี่ชายทั้งนั้น แค่เงินต้นก็มหาศาลอยู่แล้ว แถมยังมีดอกเบี้ยที่ขูดเลือดขูดเนื้ออีก อยากจะตะโกนด่าเจ้าของเงินกู้เสียเหลือเกิน "พวกใจดำ" "ทำนาบนหลังคน!" "ขอให้ชีวิตไม่เป็นสุข" "เป็นหมัน! ลูกไม่รัก" "และก็ขอให้ชีวิตมีแต่ความซวย" และอีกมากมายกับคำด่าทอ "ฮัดชิ้วว" เสียงจามออกจากปากของคุณหมอแครลอไรลด์แบบสนั่นจนผู้ชายต้องหยิบยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ "ขอบคุณค่ะ" และไม่ทันขาดคำ "ฮัดชิ้ววว" เธอจามอีกครั้ง "สองครั้งติดกันแบบนี้ สงสัยจะมำคนคิดถึงค่ะ" แครลอไรลด์เพียงยิ้มอ่อนๆ ให้เท่านั้น แต่สักพักก็เหมือนนึกอะไรได้ "ไม่ทราบว่าแจ้งคุณวิกานดาแล้วใช่มั้ยคะ" ต้องไถ่ถามเพราะเวลานัดล่วงเลยมาเป็นชั่วโมงแล้ว "ค่ะ" "งั้น..." "คุณหมอจะให้ฉันโทรไปสอบถามคนไข้มั้ยคะ" "ไม่เป็นไรค่ะ รอจนคลิกนิกปิดก็ได้ เดี๋ยวคงมา" แต่แล้ว การรอของแครลอไรลด์ในคืนนั้นก็ไม่เป็นผล วิกานดาไม่มาตามที่นัดไว้ แถมยังไม่สามารถติดต่อได้อีก คุณหมอเองก็ได้แต่สงสัยกับการหายไปของคนที่ชอบยุ่งวุ่นวาย แต่จะให้ตามหาความจริงด้วยตัวเอง คงจะไม่ทำ เพราะแบบนั้นก็เสียฟอร์มแย่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD