4
แมวพยศ
หมวกกันน็อกแบบครึ่งศีรษะถูกถอดออก เผยให้เห็นเส้นผมหยักลอนสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติยาวกลางหลัง อรุณนารีในชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีขาวลายน่ารัก สวมทับด้วยคาร์ดิแกนคอวีสีเทาเข้มเพื่อกันแดด เท้าทั้งสองข้างถูกหุ้มด้วยผ้าใบสีขาวผูกเชือกร้อยสีน้ำเงิน ถุงผ้าที่อยู่ในมือเตรียมพร้อมสำหรับใส่วัตถุดิบในการทำอาหาร ชีวิตในสองเดือนที่ผ่านมานับว่าเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
"รุณ" เสียงทุ้มแหบต่ำจากคนที่อยู่ด้านหลัง ทำให้หญิงสาวชะงักมือที่กำลังถอดคาร์ดิแกนออกมาผูกไขว้ไว้ที่เอว แววตาหนักใจบังเกิดขึ้น อรุณนารีจำน้ำเสียงของเขาได้ดีว่าเป็นของใคร
"สวัสดีค่ะคุณมาตย์" หญิงสาวหันหลังกลับมายกมือขึ้นไว้ชายสูงวัยด้วยสีหน้าเฉยเมย ตรงกันข้ามกับนายมาตย์แววตาของเขานั้นเปล่งประกายออกมาอย่างยินดี
"กลับมานานแล้วหรือรุณแล้วแม่ล่ะไปไหน"
"สองเดือนแล้วค่ะ" หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด
"รุณแล้วแม่ล่ะ" แววตาของชายสูงวัยประกายความต้องการที่จะรู้ คนเป็นลูกรู้สึกเจ็บเหลือเกินต่อคำถามนี้ อรุณนารีนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดแสนสะเทือนใจออกมา
"ตายแล้วค่ะ"
"ตาย..." นายมาตย์นึกว่าตัวเองหูฝาดไป เขาจ้องมองดูหน้าของลูกสาวตัวเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อตอกย้ำให้แน่ใจ
"ค่ะตายแล้วเมื่อสองเดือนก่อนเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก แม่บอกให้รุณเอาเถ้ากระดูกกลับมาไว้ที่บ้าน รุณก็เลยกลับมาตามคำขอของแม่ค่ะ" เอ่ยจบหญิงสาวก็พบว่าดวงตาของบิดานั้นสะท้อนความสิ้นหวังออกมาอย่างรุนแรง จะโทษใครได้นอกจากตัวท่านเอง นายมาตย์เซถอยหลังไปเล็กน้อยเขาไม่ได้เห็นหน้าอรุณีก่อนตาย
"รุณไปซื้อของก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวรุณ เอ่อ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้นะ"
"ไม่มีค่ะ" อาการตัดบทอย่างไร้เยื่อใยทำให้นายมาตย์รู้แล้วว่าเขาไม่ได้แค่สูญเสียอรุณีคนเดียว แต่ว่าได้สูญเสียลูกสาวคนที่ไม่เคยได้ปกป้องดูแลจริง ๆ อย่างอรุณนารีไปด้วย ชายสูงวัยมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังล้วงหมวกปีกขึ้นสวมใส่ด้วยสายตาแห่งความคิดถึง พ่อเลว ๆ อย่างเขาคงทำได้แค่นี้จริง ๆ
อรุณนารีเดินมาหยุดหายใจอยู่ตรงซอกมุมอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นมีแต่จะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย หญิงสาวยืนทำใจอยู่ชั่วครู่จึงได้เดินเข้าตลาดสดไป ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ออกมาพร้อมกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ ป้ายร้านนมสดที่บิดาของเธอเคยมาส่งนมด้วยตัวเองตั้งอยู่ตรงหน้า สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้หญิงสาวรีบตรงเข้าไปภายในร้านเพื่อหาสถานที่หลบร้อน
"สวัสดีค่ะ" เสียงทักทายจากพนักงานของทางร้านดังมาแต่ไกล อรุณนารีกวาดสายตามองดูลูกค้าในช่วงสายของวัน ก็พบเพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น
"มีอะไรจะแนะนำไหมคะ" เมื่อวางของที่ซื้อมาไว้แล้วก็เอ่ยถามพนักงานที่นำเมนูมาให้
"ทางร้านเพิ่งลองทำไอติมนมสดจากฟาร์มมณีษร ถ้ายังลองชิมดูไหมคะ" ชื่อฟาร์มช่างกระแทกความรู้สึกของลูกค้าสาว อรุณนารีฝืนยิ้มให้ก่อนจะสั่งเมนูของทางร้าน
"ลองดูก็ได้ ขอนมสดเย็นเพิ่มด้วยที่หนึ่ง" สั่งเสร็จก็วางเมนูเอาไว้บนโต๊ะ
"รอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวหยิบเมนูที่ลูกค้าวางไว้กลับเข้าด้านหลังเคาน์เตอร์ไปด้วย
ระหว่างนั่งรออรุณนารีก็หยิบนิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา ผ่านไปราวสามนาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ เพียงแค่ดูดนมสดเย็นเข้าสู่ลำคอความสดชื่นก็แล่นไปทั่วร่างกาย นมของฟาร์มมณีษรยังรสชาติดีเยี่ยมไม่เคยเปลี่ยน ครั้นได้เวลาพอสมควรก็ออกจากร้านมานั่งไอ้อ้วนกลับบ้านของตัวเอง
บิดไอ้อ้วนมาได้สักห้านาทีก็สวนทางเข้ากับออฟโรดคันสีดำ อรุณนารีอาจจะไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าใครเป็นคนขับ เพราะว่ามัวแต่จ้องมองถนนตรงหน้า แต่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ในออฟโรดคันนั้นกลับจ้องเธอแทบไม่วางตา ชาลเลี้ยวรถกลับอย่างกะทันหันพร้อมกับโฉบไปดักขวางทางหญิงสาวเอาไว้
เอี๊ยด !
"เฮ้ย !" เคราะห์ยังดีที่อรุณนารีกำเบรกได้ทันไม่เช่นนั้นแล้วคงได้ล้มลงไปแล้วทั้งรถทั้งคนแล้ว ดวงตาคู่สวยเปิดโตขึ้นเมื่อมองเห็นชายร่างสูงก้าวลงมาจากรถคันสีดำ ลักษณะของเขาช่างคุ้นเคยเพียงแค่แว่นตาสีชาถูกดันขึ้นไปไว้กลางศีรษะ อรุณนารีก็เบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
"ทำไมรุณเห็นหน้าฉันแล้วต้องหันหนีด้วย รังเกียจผู้ชายที่สาว ๆ ทั้งจังหวัดหมายปองหรือยังไง" เขายังคงยียวนกวนโทสะของหญิงสาวเหมือนเช่นอดีตไม่เคยเปลี่ยน
"ถอยรถคุณออกไปเถอะค่ะรุณจะกลับบ้าน"
"โอ้ว้าว เพิ่งเห็นหน้าชัด ๆ ไม่ได้เจอกันแค่ห้าปีเธอโตเป็นสาวขนาดนี้เลยหรือ" คนตัวโตกว่าก้มลงไปมองหน้าของหญิงสาวให้ถนัด อรุณนารีไม่อยากเสวนากับเขามากนัก หญิงสาวจึงก้าวขึ้นไปคร่อมไอ้อ้วนเตรียมพร้อมสำหรับออกตัว
"จะไปไหน" รถของเธอยังสตาร์ทไม่ได้เมื่อเขาดึงกุญแจออกไปอย่างรวดเร็ว
"คุณชาลอย่าหาเรื่องกันดีกว่านะคะ" หญิงสาวแบมือออกไปเพื่อขอกุญแจรถคืน
"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ไม่อยากคุยกับฉันนัก ฉันออกจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้" คำพูดแสนกวนประสาททำให้อรุณนารีรู้สึกหน้ามืดตาลายวิงเวียนคล้ายอยากจะอาเจียนเสียอย่างนั้น
"ก็เพราะว่าคุณทั้งน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับคนอื่นน่ะสิคะ เอากุญแจมานี่" เมื่อเขาไม่ให้เธอจึงลงจากไอ้อ้วนแล้วตรงเข้าแย่งลูกกุญแจกับเขา ชาลชูลูกกุญแจขึ้นสูงแล้วเหวี่ยงไปมาด้วยความอยากแกล้ง
"ไม่ให้มีอะไรไหม" อรุณนารีมองดูลูกกุญแจที่ถูกหมุนเหวี่ยงไปมาเกือบสิบรอบ กระทั่งมันหลุดออกจากปลายนิ้วของเขา ลอยคว้างไปในอากาศแล้วหล่นลงไปยังป่าละเมาะที่อยู่ด้านข้าง
"คุณชาล !" หญิงสาวปากคอสั่นไปหมดได้แต่จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ไปเก็บสิอรุณนารี" เขายักคิ้วหลิ่วตาอย่างล้อเลียน ก่อนจะก้าวขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปอย่างหน้าตาเฉย
"ไอ้คุณชาลบ้า !" อรุณนารีตะโกนไล่หลังไปด้วยความเจ็บใจ รีบเดินลงไปข้างทางเพื่อหากุญแจมาไขไอ้อ้วน เกือบสิบนาทีกว่าที่เธอจะหาลูกกุญแจเจอ ดีที่ว่าอรุณนารีนำพวงกุญแจรูปนกฮูกเป็นของแถมมากับกระเป๋าห้อยเอาไว้ สีสันสดใสของมันเลยช่วยให้หาง่ายขึ้น
"สาธุ ขออย่าได้พบได้เจออีกเลย" คนโมโหยกมือที่ประกบกันขึ้นชนหน้าผากพร้อมกับคำขอที่ต้องการ จากนั้นก็บึ่งไอ้อ้วนกลับบ้านไปอย่างคนหัวเสีย
กาแฟหอมกรุ่นถ้วยหนึ่งวางอยู่ด้านขวามือบนโต๊ะทำงาน ส่วนเจ้าของบ้านสาวสวยกำลังจ้องหน้าจอเน็ตบุ๊ค ที่จะต้องสะสางงานของตัวเองให้เสร็จพร้อมส่งในวันพรุ่งนี้ ระหว่างที่มือหนึ่งเลื่อนเม้าส์ไร้สายไปมาเพื่อตรวจหาคำผิด มืออีกข้างก็ยกหูถ้วยกาแฟขึ้นจิบไปพลาง ๆ จวบจนเวลาล่วงเลยไปราวสามชั่วโมงกว่า หญิงสาวก็ปิดหน้าจอเน็ตบุ๊คลงเมื่องานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เก็บเครื่องมือทำมาหากินลงลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจปิดไว้
อรุณนารีนำถ้วยกาแฟลงไปล้างเก็บในห้องครัวด้านล่าง จัดการปิดน้ำปิดไฟให้หมดแล้วขึ้นห้องนอนไป เพียงแค่ศีรษะวางลงบนหมอนใบนุ่ม ใบหน้าของบางคนก็ปรากฏขึ้นอยู่ในหัวของเธอ ทำให้คิดไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาและเขาคนนั้นเกี่ยวข้องกับเธออย่างไรบ้าง
'ระวังตัวนะรุณ' นางอรุณีบอกลูกสาวที่กำลังจะเดินทางไปโรงเรียนในตอนเช้า
'ไม่ต้องห่วงค่ะแม่รุณขับจนชินแล้ว' หญิงสาวในวัยสิบห้าปีหันมายิ้มให้มารดา จากนั้นก็สะพายเป้ขึ้นหลังสตาร์ทรถจักรยานยนต์ของตัวเอง แล้วบิดออกจากจากฟาร์มมณีษรไป