หญิงสาวต้องขับรถจักรยานยนต์ผ่านฟาร์มชาลีที่อยู่รั้วติดกันไป จากนั้นราวหนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงโรงเรียนที่เจ้าตัวศึกษาอยู่ อรุณนารีบิดจักรยานยนต์คู่ใจในระดับความเร็วปานกลาง แต่ว่ายังไม่ได้จะเลี้ยวขวาด้านหน้าสีหน้าที่ยิ้มแย้มพลันต้องหุบฉับลงทันที เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระตุกสามทีก่อนจะดับสนิทลงในเวลาต่อมา อรุณนารีดันขาตั้งลงบนพื้นแล้วออกมายืนตรวจดูสภาพของรถ ตัดสินใจเปิดเบาะตรวจดูน้ำมันก็พบว่ามันยังเต็มถังอยู่ อรุณนารีตัดสินใจขึ้นไปสตาร์ทรถดูใหม่ แต่ก็ไม่ได้ผล มองดูจากสภาพความเก่าของมันแล้วก็เป็นอันต้องถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ หญิงสาวยกนาฬิกาลายดอกไม้บนข้อมือขึ้นดูเวลา อีกไม่กี่สิบนาทีก็จะได้เวลาเข้าแถวหน้าเสาธงแล้ว รถคันอื่นก็ไม่มีวิ่งผ่านมา หากเป็นถนนเส้นเล็กที่เลี้ยวเข้าโรงเรียนอีกห้าร้อยเมตรข้างหน้า คงจะมีรถให้เธอได้อาศัยไปได้ แต่นี่ยังอยู่บนถนนเส้นใหญ่ที่เป็นถนนส่วนบุคคลของฟาร์มชาลีเสียด้วย จึงไม่ค่อยจะมีรถราวิ่งผ่านไปมาในช่วงเช้า
อรุณนารีตัดสินใจกดโทรศัพท์มือถือหามารดา แล้วแจ้งให้ท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นางอรุณีรับปากว่าจะให้คนมารับหญิงสาวไปส่งที่โรงเรียน แต่ต้องรอสักยี่สิบนาทีเพราะว่าคนงานในฟาร์มไม่อยู่แถวนี้สักคน ต้องให้คนออกไปตามหาก่อน
'ไม่ต้องค่ะแม่รุณเดินไปเองได้ ให้พี่เขามาเอามอเตอร์ไซค์กลับก็พอ'
'แน่ใจนะรุณว่าไปเองได้'
'แน่ใจค่ะแม่'
'งั้นก็ตามใจนะ' อรุณนารีได้ยินคำนี้ก็ยิ้มออกมา วางสายจากมารดาแล้วก็รีบหิ้วเป้ขึ้นหลังเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
บนถนนเส้นเดียวกันชาลกำลังจะเข้าไปทำธุระให้นายชูในตัวอำเภอ เขาขับรถผ่านจักรยานยนต์คันเก่าที่จอดนิ่งเอาไว้บนถนน ด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่าใครมาจอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะมองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่งที่ผูกผมเป็นหางม้าในชุดนักเรียนเดินดุ่ม ๆ อยู่ด้านหน้า ชาลขับผ่านหญิงสาวไปอย่างช้า ๆ ชำเลืองสายตามองยังกระจกข้างด้วยความสนใจ เป็นลูกเต้าของใครกันถึงได้มาเดินคนเดียวบนถนนใหญ่ของฟาร์มเขาได้ ชาลหักพวงมาลัยเข้าข้างทางเพื่อจอดรถ แล้วเปิดประตูออกไปถามไถ่คนที่เดินอยู่
'รถเสียเหรอน้อง' คนที่ออกมาจากรถคันหรูทำให้อรุณนารีเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงุนงง
'ว่าไงพี่ถามว่ารถเสียเหรอ'
'ค่ะรถเสีย' หญิงสาวพยักหน้าลงแล้วทำท่าจะเดินจากไป แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจนึกเมื่อคนตัวสูงเดินมาดักตรงหน้าเอาไว้ อรุณนารีหน้าบึ้งเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
'มีอะไร' น้ำเสียงห้วนบอกอารมณ์ของคนเอ่ย เพราะว่ากำลังถูกรั้งเวลาในการไปโรงเรียนให้ทันเข้าแถวหน้าเสาธงในตอนเช้า
'เดี๋ยวพี่ไปส่งน้อง'
'ไม่ต้องขอบคุณ'
'นี่ฉันหวังดีขนาดนี้เธอทำไมถึงได้ไม่รักษาน้ำใจกันเลย' พี่ผู้ปรารถนาดีเปลี่ยนน้ำเสียงไปในทันที อรุณนารีมองหน้าเขาเหมือนเคยไม่รู้จัก ก็ไม่รู้จักจริง ๆ นี่นา หญิงสาวยักไหล่ขึ้นทั้งสองข้างอย่างไม่ใส่ใจ
'แม่ฉันบอกว่าห้ามขึ้นรถคนแปลกหน้า' พูดจบก็ผลักหน้าอกของเขาออกห่างแล้วเดินหนีไป พี่กับน้องหายวับไปกับตาหลงเหลือเพียงเธอกับฉันที่ขวางกั้นระหว่างกัน คนหวังดีหรี่หางตามองตามหลังคนอวดดีไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ท้องถิ่นแห่งนี้ยังจะมีใครกล้าปฏิเสธความหวังดีของเขาอีกหรือ
จากนั้นไม่เกินสองวันชาลก็สืบจนรู้ได้ ว่ายัยเด็กปากดีคนนั้นเป็นเพียงแค่คนงานในฟาร์มมณีษร นี่เขาถูกคนงานในฟาร์มข้างเคียงเชิดใส่อย่างนั้นหรือ ความรู้สึกของชาลบอกว่าถูกริดรอนศักดิ์ศรีลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นหากมีเวลาเขาก็จะแวะเวียนตามตอแยอรุณนารีอยู่ร่ำไป ไม่ได้เข้าไปในลักษณะสิเน่หาแต่อย่างใด แต่มักจะเข้าไปกลั่นแกล้งให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่เรื่อย อาทิเช่นเหตุการณ์แบบนี้
อรุณนารีติดรถของฟาร์มไปส่งนมสดในตัวอำเภอเป็นประจำทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่วันนี้กลับมีเหตุการณ์แตกต่างไปจากทุกวัน หญิงสาวเห็นรถคันหรูของเขาแล่นมาจอดอยู่หน้าร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม ตุ๊กตาหน้ารถของเขาช่างแลดูสวยใสน่ารักและน่าฟัดไปเสียทุกสัดส่วน ขนาดผู้หญิงด้วยกันมองแล้วยังคิดแบบนี้ มีหรือพวกผู้ชายจะไม่ฝันไกลไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
'ไปหลอกเด็กที่ไหนมาอีกก็ไม่รู้' คำพูดจากคนด้านข้างทำให้อรุณนารีหันไปมองหน้าคนขับรถของฟาร์มด้วยความแปลกใจ
'พี่โรจน์รู้เหรอว่าเขาหลอกเด็ก'
'รู้สิรุณ คุณชาลน่ะเจ้าชู้จะตายเปลี่ยนสาวควงเป็นว่าเล่น จบปริญญามาก็ไม่ทำการทำงานเอาแต่เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ ได้ข่าวว่านายชูกลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก ไม่เหมือนคนพี่คนนั้นน่ะเอาการเอางานมาก'
'คนพี่ คุณชันชัยใช่ไหมพี่โรจน์ รุณเองก็เคยได้ยินคนเขาพูดบ่อย ๆ’
'ใช่คนนั้นแหละหล่อด้วยนิสัยดีด้วยนะ' คนพูดยกถังนมขึ้นบ่าแล้วเดินเข้าร้านไป อรุณนารีกำลังจะหันหลังกลับไปมองคนที่อยู่ในรถฝั่งตรงข้าม
'อุ้ย !' เจ้าของร่างเล็กถึงกับผงะเมื่อคนที่ตัวเองกำลังเอ่ยถึงนั้นมายืนอยู่ตรงหน้า
'สวัสดีอรุณนารี คนงานฟาร์มมณีษร' เขาจ้องหน้าแสนจะมอมแมมของหญิงสาวด้วยสายตาล้อเลียน
'ค่ะคุณชาลหลานชายนายชูฟาร์มชาลี เราอยู่ใกล้ ๆ กันแค่นี้เองทำไมรุณไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย น่าแปลกเนอะ' หญิงสาวยอกย้อนเขากลับบ้าง
'นั่นสิ' เขาเบะปากออกสายตาก็สำรวจดูคนที่อยู่ชุดเสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนขาสั้น เลยไปถึงรองเท้าผ้าใบสีขาวหม่น ๆ จากการใช้งานมาอย่างหนัก
'รุณเขาเรียกเธอแบบนี้ใช่ไหม ถ้างั้นฉันจะเรียกเธอแบบนี้บ้าง'
'ค่ะ' อรุณนารีมองเขาคล้ายไม่ไว้วางใจ ก่อนจะมองเลยไปยังหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่ยืนกอดอกรออยู่ฝั่งร้านกาแฟ
'เขามองใหญ่แล้วรุณว่าคุณชาลไปหาแฟนเถอะ'
'แฟน ! ฉันยังไม่มี' เสียงสูงขึ้นจมูกปฏิเสธอย่างเต็มที่ เลยได้รับสายตาประณามกลับจากหญิงสาวตรงหน้า
'ทำไมต้องมองฉันแบบนี้'
'เปล๊า !' อรุณนารีทำเสียงสูงเลียนแบบเขาบ้าง แต่ถึงปากจะบอกว่าเปล่าสายตาของเจ้าตัวนั้นกลับตำหนิเขาออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะหันไปหาไพโรจน์ที่เดินกลับมาถึงรถพอดี
'พี่โรจน์เสร็จแล้วใช่ไหมงั้นกลับกันเลยนะ'
'เออ เออ' นายไพโรจน์ดูจะงง ๆ เล็กน้อยที่เห็นอรุณนารียืนคุยอยู่กับหลายชายคนเล็กของนายชู เขารีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้วจัดการสตาร์ทเครื่องรอ
'ไปแล้วนะคะคุณชาล'
'ไว้เจอกันวันหลัง' คนที่กำลังจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งถึงกับชะงัก หันหลังกลับมามองคนพูด ‘ไม่ต้องเจอกันก็ได้นะ’ ใช่แล้ว แววตาของอรุณนารีไม่ยินดีที่จะพบคนที่ชอบมองเธอแบบยิ้ม ๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
'ไม่เหรอ ต้องได้เจอกันอีกแน่' เขาไม่วายเย้าแหย่ต่อ อีกคนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
'พี่โรจน์ออกรถเลยพี่ ถ้าเหยียบคนแถวนี้ตายได้ก็ดี' ชาลถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ มองตามหลังรถขนนมสดไปจนลับสายตา
'เอ็งนี่ ปากนะนั่นที่พูด' นายไพโรจน์หัวเราะอย่างชอบใจหลังจากถอยรถห่างออกมาได้ไกลพอสมควร
'รุณไม่ค่อยชอบคุณชาลเลย เขาชอบมองรุณแบบดูถูกยังไงไม่รู้'
'เอ พี่ก็ไม่เห็นว่าคุณชาลเขาจะดูถูกรุณตรงไหนนี่ ว่าแต่ไปรู้จักเขาตอนไหนล่ะถึงได้คุยแบบสนิทสนมอย่างนั้น'
'สนิทสนมกับผีน่ะสิพี่ เคยเจอกันตอนที่มอเตอร์ไซค์เสียวันก่อนแค่นั้นเอง'
'เออ แล้วไป อย่าไปยุ่งกับเขาเชียวล่ะสวย ๆ อย่างเอ็งนี่เห็นเสร็จมานักต่อนักแล้ว' คนหวังดีแอบห่วงเลยเตือนกลาย ๆ เอาไว้ก่อน
'ไม่ต้องห่วงหรอกพี่โรจน์รุณคงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อย ๆ หรอก' ในตอนนี้อรุณนารีคิดแบบนี้จริง ๆ
แต่ใครจะคิดล่ะว่าหลังจากนั้นหากมีโอกาสได้พบเจอกันโดยบังเอิญ พ่อเจ้าประคุณก็จะเข้ามาเกะกะระรานอยู่เรื่อยไป บางครั้งแกล้งเดินชนจนกาแฟเย็นหกรดเสื้อของอรุณนารีก็ยังมี แต่เขาก็มักจะแถไถไปเรื่อยว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุหาได้เจตนาแต่อย่างใด
ภาพในวันวานย้อนกลับมาให้เธอเจ็บใจเล่น ตอนนั้นเขาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างในวันนี้ การเจอกันอีกครั้งทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ อรุณนารีไม่ใช่เด็กสาวที่เขาคอยแต่จะกลั่นแกล้งเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นเขามีศักดิ์เป็นสามีของพี่สาวต่างมารดา อรุณนารีคาดหวังเพียงอย่างเดียวว่า เขาจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับตัวเธอเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา