บทที่6 แม่ว่าหนักแล้วลูกงอนหนักกว่าอีก
“รุ้ง ได้เวลาเข้าประชุมแล้วพร้อมไหม” พี่สาวถามขึ้นท่ามกลางภวังค์ความหลัง พาให้คนมัวแต่นึกถึงความหลังจนยังไม่ได้กินข้าวถึงกับกลืนน้ำลายเอือก
“รุ้งยังไม่อิ่มเลยอะพี่ครีม”
“โอ๊ย แล้วทำไมไม่รีบกินเอาแต่แยกเขี้ยวใส่กันอยู่ทำไม” คนเป็นพี่บ่นให้ก่อนที่จะหยิบแคกเกอร์จากลิ้นชักยื่นให้น้องสาวตามประสาพี่ที่รักและเป็นห่วงน้อง “รองท้องไปก่อน ประชุมเสร็จค่อยมากินต่อ คราวนี้คุณหญิงลัลลนาเข้าประชุมด้วย คนพวกนั้นจ้องเล่นงานเราสองคนพี่น้องอยู่ อีกอย่างท่านประธานใหญ่เข้าประชุมด้วย เราพลาดไม่ได้”
“ค่ะ” น้องสาวตอบรับแล้วก็คว้าของว่างรองท้องมารับประทานก่อนจะหยิบงานเดินตามพี่สาวออกจากห้องไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มแม้แต่น้อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เพราะรัมภาภัสร์มีพรสวรรค์ด้านนี้พร้อมทั้งพยายามศึกษาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอการพรีเซนต์งานในครั้งนี้จึงถูกใจทั้งลูกค้าและได้รับความพึงพอใจจากท่านประธานใหญ่ผู้เป็นบิดาเลี้ยงของปฐวีด้วย การประชุมครั้งนี้จึงผ่านพ้นไปด้วยดี
“ปรัชตาถึงจริง ๆ ที่รับคนเก่งแบบนี้เข้ามาทำงาน พวกคุณสองพี่น้องเก่งมาก ลูกค้าประทับใจกับชิ้นงานนี้มาก” คุณประภพบอกก่อนที่จะยิ้มให้และออกจากห้องประชุมไป
ปฐวียกนิ้วให้น้องสาวของคู่ปรับก่อนจะตามพ่อเลี้ยงไป รัมภาภัสร์รีบพุ่งตรงกลับห้องทำงานทันทีก่อนที่จะมองหาข้าวกล่องที่ทานค้างไว้
“อะ” เสียงสั้น ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ พร้อมกับข้าวกล่องกล่องใหม่ที่ถูกยื่นมาให้
“ก็เห็นมันเย็นแล้ว เลยไปซื้อมาให้ใหม่” เขาบอก “หรือไม่เอา”
หญิงสาวคว้าไว้ทันทีก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ทำเหมือนราชนาวีเป็นอากาศอีกครั้ง ไม่นานรติภัทรและคนอื่น ๆ ก็กลับเข้ามาในห้องโดยมีชายหนุ่มหน้าคุ้นตาเดินตามมาหลังสุด
“เฮ้ย รัก” ปฐวีเป็นฝ่ายทักก่อนที่จะเดินเข้ามาตบไหล่คนเป็นทั้งเพื่อนทั้งญาติผู้พี่ “โอ้โห กล้ามเป็นมัดเลยว่ะ อิจฉาชะมัด”
“แกก็มี”
“มันก็ไม่เท่าแกนี่หว่า”
“ไม่เจอกันหลายปีมาอิจฉากันเรื่องกล้ามเนี่ยนะ” ราชนาวีถามก่อนที่มองสำรวจคนไม่ได้เจอกันนาน “สบายดี?”
“สบายตัว แต่ไม่สบายใจเว้ย แม่บังคับให้หมั้นกับผู้หญิงที่ไม่ชอบว่ะ แล้วแกล่ะ”
“คิดว่าต้องมาตามลูกตามเมียทันทีที่เคลียร์งานเสร็จแบบนี้สบายดีไหมล่ะ?” เขาถามแล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ แล้วแกมาเป็นประธานบริษัทนี้ได้ไงวะ ไหนสัญญากับน้าวีไว้ว่าจะกลับไปดูกิจการไง”
“ยังไม่ถึงเวลา แม่ขอให้อยู่ด้วยจนกว่าไอ้ปราณมันเอาตัวเองรอดก่อนถึงจะปล่อยฉันกลับ” ปฐวีตอบก่อนที่จะชักชวน “เออ ไปดื่มกันไหมคืนนี้”
“ไม่ดื่มเว้ย ยังไม่ได้เจอหนูเล็กเลย เออ นี่หนูเล็กไปไหน ไม่ใช่ว่าแม่จะหนีบติดตัวไว้เหรอ?” ราชนาวีถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ แต่ก็ไม่วายจิกคนเป็นเมียที่ไม่ว่าจะอะไรก็ต้องหนีบลูกไปด้วยตลอดไปด้วยหนึ่งประโยค
“วันนี้โรงเรียนเปิดเทอมวันแรก หนูเล็กอยู่โรงเรียน” รติภัทรเป็นคนตอบเพราะรัมภาภัสร์ยังคงวุ่นอยู่กับการกิน ดูเหมือนว่าน้องสาวเธอจะกินเก่งกว่าแต่ก่อนมากตั้งแต่มาอยู่กับเธอหญิงสาวก็กินนั่นกินนี่เยอะแบบไม่กลัวอ้วน โดยเฉพาะของหวานที่รัมภาภัสร์โปรดปรานเป็นพิเศษในช่วงนี้
“รุ้ง ฉันซื้อมาให้กล่องเดียวนะ อีกกล่องนั่นของฉัน” ราชนาวีส่งเสียงเมื่อหันไปเห็นหญิงสาวทานข้าวหมดไปแล้วกล่องหนึ่งและกล่องที่สองก็กำลังจะหมด นี่คุณเธอไปหิวมาจากไหนกัน
“ก็ยื่นมาสอง ก็คือให้สองสิ” เธอบอกก่อนที่จะรีบทานต่อจนหมดราวกับกลัวชายหนุ่มจะมาแย่งก่อนจะดื่มน้ำอย่างสบายใจ
“เดี๋ยว ๆ แกบอกว่าอีกกล่องของแก หมายความว่าแกยังไม่ได้กินมา?” รติภัทรถาม
“กับข้าวมื้อล่าสุดคือบนเรือเมื่อเช้านี้”
“แกนี่มันจริง ๆ เล้ย” รติภัทรและปฐวีเอ่ยพร้อมกันโดยไม่มีการนัดหมายก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของโสภิตา
“พี่ปรัชคะ คุณป้าให้พี่ปรัชไปส่งน้องโซ่”
“รอเดี๋ยวนะ” ปฐวีตอบก่อนจะตบไหล่เพื่อนสนิท “จะต้องไปแล้วว่ะ แลกเบอร์ติดต่อกันไว้แล้วกัน ไว้ค่อยนัดเจอกัน”
“โอเค” ราชนาวีตอบก่อนที่ทั้งคู่จะแลกเบอร์กัน โสภิตาได้เห็นคู่สนทนาของปฐวีชัด ๆ ก็ตอนนี้เอง หญิงสาวมองพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาอย่างนึกสนใจก่อนที่จะถามออกไปโดยไม่นึกเกรงใจใคร
“ใครเหรอคะพี่ปรัช ลูกค้าเหรอ...หล่อจัง?”
คำถามนั้นของโสภิตาก็ทำให้รัมภาภัสร์เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ชอบใจ ไม่รอฟังว่าปฐวีจะตอบว่าอย่างไร หญิงสาวก้าวไปควงแขนชายหนุ่มผู้ถูกถามถึงทันที
“สามีคุณพี่เองค่ะคุณน้องโส เก็บกิริยาบ้างนะคะเดี๋ยวใครเขาจะหาว่าหน้าไม่อายมายิ้มยั่วผัวชายบ้าน” รัมภาภัสร์ตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า เมื่อเช้าหล่อนว่าเธอหน้าไม่อายแต่งตัวมายั่วแฟนชาวบ้าน บ่ายนี้เธอขอตอกคืนด้วยคำที่แรงกว่าคงจะไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง เธอแค่จะตอกกลับโสภิตานะ...ไม่ได้หวงอีตาผีทะเลนี่เลยสักนิด
“นี่แก”
“ไปกันได้แล้วโซ่” ปฐวีรีบห้ามศึกเมื่อรู้สึกว่าศึกนี้จะทำให้เขาปวดหัวได้ “ไว้เจอกันรัก”
“เหอะ เมื่อเช้ามาหาว่าเราแต่วตัวมายั่วแฟนชาวบ้าน ทีตัวเองโดนหาว่าอ่อยสามีชาวบ้านหน่อยล่ะทำเป็นรับไม่ได้” รัมภาภัสร์บ่นก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ ราชนาวีมึนงงกับท่าทีของภรรยาสาวจึงเรียกเพื่อนสาวมาหา
รติภัทรทิ้งงานมากระซิบกระซาบอย่างว่าง่าย กว่าที่ราชนาวีจะรับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ใกล้เวลาเลิกเรียนของหนูน้อยรัมภาวีร์พอดี
“พี่ครีมไปรับหนูเล็กคนเดียวได้ไหมคะ รุ้งมีอะไรต้องแก้นิดหน่อย” รัมภาภัสร์ส่งเสียงขึ้นหลังจากที่นาฬิกาบอกเวลาใกล้โรงเรียนเลิกแล้วแต่งานของเธอยังคงไม่เสร็จ
“พี่เองก็นึกได้ว่ายังมีงานค้างน่ะสิ เอ่อ รัก แกไปรับหนูเล็กมาที่นี่หน่อยนะ นี่แผนที่โรงเรียน พอจะไปถูกไหม” คนเป็นพี่สาวตอบก่อนหันไปถามเพื่อนสนิท
“น่าจะถูกนะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ราชนาวีรับคำก่อนจะลุกออกจากห้องไป เขาพอจะรู้จากรติภัทรมาบ้างว่าบริษัทแห่งนี้เลิกงานห้าโมงเย็นและสามารถพาลูกพาหลานมารอได้และเด็กหญิงรัมภาวีร์ก็มาขลุกอยู่ที่นี่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
แม้จะไม่ชินเส้นทางแต่ราชนาวีก็สามารถมาถึงโรงเรียนได้ในเวลาเลิกเรียนพอดีเป๊ะ ชายหนุ่มหยิบของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้เดินเข้าไปภายในโรงเรียนด้วยพลางมองหาลูกสาวตัวน้อยที่ไม่ได้พบหน้ากันแรมเดือนอย่างตื่นเต้น จะได้เจอกันแล้วสินะ
“อะ เราให้ เธอรับแล้วต้องเป็นแฟนกับเรานะหนูเล็ก” เสียงพูดติดจะแก่แดดดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากชายร่างสูงมากนักทำเอาคุณพ่อที่กำลังมองหาลูกสาวชะงักเมื่อได้ยินชื่อที่คล้ายกับลูกสาวของตนถูกเอ่ยออกมาจากปากของหนูน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
“ตกลง เราเป็นแฟนกัน ให้แล้วอย่าเอาคืนล่ะ” เสียงตอบกลับดังขึ้นยิ่งพาให้ใจราชนาวีรู้สึกหนักอึ้ง เสียงนั้นเป็นเสียงของหนูน้อยรัมภาวีร์แน่นอน แต่เด็กน้อยแก่แดดของเขาทำไมไปตอบรับไอ้เด็กแก่แดดที่ไหนไม่รู้นั่นง่ายจัง
“อือ ๆ ไม่เอาคืนหรอก ต่อไปเราเป็นแฟนกันเนอะ แล้วจะเป็นแฟนกันไปจนโตเลย โตแล้วก็แต่งงานกัน”
“ให้ได้โตถึงขั้นแต่งงานได้ก่อนเถอะค่อยมาพูดเรื่องแต่งงานกับลูกสาวฉัน” ราชนาวีปรากฏตัวขึ้นแทรกกลางในทันที ชายหนุ่มเป็นคนที่ปล่อยลูกสาวมีอิสระในทุกเรื่อง แต่เรื่องเดียวที่ไม่ได้คือเรื่องที่มีไอ้เด็กผู้ชายหน้าด้านเฉียดมาใกล้ลูกสาวเขานี่ล่ะที่เขายอมไม่ได้ แม้จะยังเด็กแต่เขาก็หวงลูกสาวเป็นอย่างมาก
“พ่อตะเองเหรอ?”
“เปล่า” สองหนูน้อยถามตอบกันก่อนที่เด็กชายอภิวัฒน์ หรือ ไอซ์ จะเอ่ยกับชายหนุ่ม “แฟนผมบอกว่าคุณลุงไม่ใช่พ่อเขา เพราะงั้นอย่ามายุ่งเรื่องคนรักกัน”
“ไอ้เด็ก...”
“ผู้ใหญ่จะรังแกเด็กเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย แล้วฉันก็เป็นพ่อหนูเล็กด้วย”
“ก็หนูเล็กบอกไม่ใช่” หนุ่มน้อยค้านพร้อมกับกางปีกปกป้องแฟนสาววัยละอ่อน “อย่ามาทำร้ายหนูเล็กนะ”
“โธ่ หนูเล็ก หนูบอกไอ้เด็กนี่ไปสิว่าพ่อรักเป็นพ่อของหนู”
“เชอะ” เด็กหญิงรัมภาวีร์ทำงอนก่อนจะมองไปมองมา “แม่รุ้งกับครีมจ๋ายังไม่มาเลย ไอซ์ไปส่งเค้านะ”
“ได้สิ เดี๋ยวไอซ์จะบอกคุณพ่อให้ไปส่งหนูเล็ก”
เอากับเด็กสองคนนี้สิ ราชนาวีจนด้วยคำพูดไม่รู้ว่าระหว่างลูกสาวเขากับแฟนหนุ่มน้อยของคุณเธอนี่ใครแก่แดดกว่ากัน
“หนูเล็กครับ แม่รุ้งกับครีมจ๋าให้พ่อรักมารับ กลับกับพ่อรักดีกว่านะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปส่งแฟนผมเอง” เด็กชายอภิวัฒน์บอกก่อนที่จะจูงมือเด็กหญิงไปหาบิดาเมื่อเห็นว่าคนเป็นพ่อมารับแล้ว เด็กน้อยทั้งสองไปหยุดตรงหน้าบิดาของเด็กชายก่อนที่จะฟ้องอะไรสักอย่างที่ราชนาวีไม่ได้ยิน
“โอเค แต่เดี๋ยวปะป๊าขอไปคุยกับคุณอาคนนั้นก่อนนะ” พ่อของอภิวัฒน์เป็นนายตำรวจหนุ่ม เขารู้ว่าลูกเขาค่อนข้างจะแก่แดด แต่ไอ้ที่ลูกชายแจ้นมาฟ้องว่าชายคนนั้นคิดจะจับตัวแฟนตัวน้อยของตัวเองไปนี่มันก็เชื่อยาก คงต้องไปคุยกันสักหน่อย
“เอ่อ ผมร้อยตำรวจเอกอาทิตย์ครับ เป็นพ่อของไอซ์ เขาบอกว่าคุณจะไปทำร้ายแฟนเขา”
“ผมนาวาตรีราชนาวีครับ เป็นพ่อของหนูเล็ก แต่พอดีลูกสาวงอนผมอยู่ แกค่อนข้างจะโตเกินวัยน่ะครับ” ราชนาวีแนะนำตัวเองพร้อมกับแสดงหลังฐานด้วยกลัวว่านายตำรวจหนุ่มจะไม่เชื่อ ทั้งหลักฐานการเป็นทหารเรือ และรูปถ่ายกับหนูน้อยรัมภาวีร์
“โอ้ ลูกชายผมก็ค่อนข้างจะโตเกินวัยเหมือนกัน แกคงไม่ได้ทำให้คุณโกรธหรอกนะ?”
“ผมไม่ชอบที่ลูกชายคุณมาแตะเนื้อต้องตัวลูกสาวผม” ราชนาวีบอกก่อนจะถอนใจพรืด “แต่ก็เอาเถอะ หนูเล็กคงไม่ยอมหายงอนกลับกับผมง่าย ๆ หรอก คุณช่วยไปส่งแกที่บริษัทสิรากรทีได้ไหม ผมจะขับตามไป”
“อ่า ไม่มีปัญหาครับผู้การ วางใจเถอะ” ร้อยตำรวจเอกอาทิตย์บอกก่อนที่จะแลกเบอร์ติดต่อกันแล้วกลับไปหาสองหนูน้อย นายตำรวจหนุ่มขับรถไปส่งหนูน้อยรัมภาวีร์ที่บริษัทก่อนที่จะแยกตัวไปเมื่อคนเป็นพ่อของหนูน้อยจอดรถและลงมาหาลูกสาว
“ดูสิ นี่อะไร” ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกสาวพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญให้
“พ่อรักขอโทษนะ ที่ต้องออกเรือด่วนไม่ได้อยู่ร่วมวันเกิดหนูเล็ก แต่พ่อไม่เคยลืมวันเกิดลูกนะ ของขวัญนี่พ่อก็ซื้อก่อนจะออกเรือด้วย”
“หึ” คนเป็นแม่ว่าหนักแล้วคนเป็นลูกนั้นงอนหนักยิ่งกว่า หนูน้อยทำเชิดไม่สนใจใส่โดยไม่เหลือบมองของขวัญแม้แต่น้อย
“หนูเล็ก พ่อรักขอโทษนะครับ หายโกรธนะคนดี”
“ไม่หาย หนูเล็กจะโกรธ จะงอนนาน ๆ ไม่หายง่าย ๆ หรอก” เด็กหญิงรัมภาวีร์บอกก่อนจะเดินเข้าไปด้านในบริษัทอย่างคุ้นเคย แต่แล้วก็ชนเข้ากลับคุณหญิงลัลลนาจนล้มตึง
“หนูเล็ก ลูก เจ็บมั้ยลูก” คนเป็นพ่อรีบถลาไปดูลูกทันทีทว่าเด็กหญิงกลับเบ้ปากร้องไห้โฮก่อนจะโวยวายเสียงดังจนพนักงานคนอื่นในบริษัทมามุงดู
“นางยักษ์หน้าตาเหมือนคุณย่าใจร้าย รังแกหนูเล็กอีกแล้ว ฮืฮ”
“นี่ยัยเด็กหนูเล็ก ฉันไม่ได้รังแกเธอนะ เธอเดินมาชนฉันเอง” คุณหญิงลัลลนาแย้ง ใจหนึ่งไม่ชอบรติภัทรและรัมภาภัสร์ก็จริงแต่เธอก็เอ็นดูเด็กหญิงคนนี้ไม่ใช่น้อย เธอไม่มีทางทำร้ายเด็กคนนี้หรอก แต่อาจจะทำปั่นปึ่งใส่เพราะไม่อยากยอมรับถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของลูกชายจริงตามข่าวลือ
“แต่นางยักษ์ก็รังแกแม่รุ้ง พ่อรัก นางยักษ์ใจร้ายหน้าเหมือนคุณย่ารังแกแม่รุ้งกับหนูเล็ก” หนูน้อยหันมาฟ้องเสียงดังลั่น ในที่สุดราชนาวีก็เข้าใจแล้วว่าน้ำตาทั้งหมดทั้งมวลของลูกสาวนั้นไม่ใช่ของจริงแต่เป็นแผนการที่จะแก้ข่าวลือกู้ชื่อเสียงให้คนเป็นแม่ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
“คุณน้าทำแบบนี้กับลูกเมียผมได้ยังไงกัน นี่ถ้าผมออกเรือนานกว่านี้คุณน้าคงจะเล่นกันถึงตายเลยใช่ไหม” เมื่อลูกสาวส่งบทคุณพ่อผู้ปกป้องลูกเมียมาให้มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่รับ ชายหนุ่มเอ่ยขึงขังตัดพ้อคนเป็นน้าจนอีกฝ่ายใบ้กิน “ ผมผิดหวังในตัวคุณน้ามาก ไม่คิดเลยว่าคุณน้าจะทำร้ายหลานได้ลงคอ”
“น้า? หลาน?”
“ก็น้าไง ผมราชนาวีไงครับ ลูกชายแม่รินพี่สาวฝาแฝดของคุณน้าน่ะ หนูเล็กก็ลูกผม จะไม่ใช่หลานคุณน้าได้ไง หรือคุณน้าตัดขาดแม่รินและพวกผมออกจากสารบบแล้ว”
“ตายแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นนะตารัก น้าไม่รู้จริง ๆ ว่าหนูเล็กเป็นลูกเรา” คุณหญิงลัลลนาละล้าละลังปฏิเสธเมื่อปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่าทำไมเด็กหญิงรัมภาวีร์ถึงมาหน้าตาเหมือนตนได้ ที่แท้ก็หลานของพี่สาวฝาแฝดคลานตากันมานี่เอง แล้วที่ผ่านมาเธอทำอะไรลงไปกับสะใภ้และหลานของพี่สาวล่ะเนี่ย ฝ่ายนั้นรู้เข้าคงโกรธเธอมากแน่ ๆ
“งั้นก็รู้ไว้เลยครับว่าหนูเล็กเป็นลูกผม รัมภาภัสร์ก็เมียผมใครทำร้ายหรือปล่อยข่าวเล่นงานลูกเมียผมผมจะไม่ปล่อยให้อยู่สบาย” ชายหนุ่มบอกเสียงดังพาเอาปาริตาที่แอบยืนมองอยู่สะดุ้ง เธอเองก็ทราบมาว่านอกจากคุณหญิงลัลลนาแล้วเธอยังมีป้าอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่คือคุณหญิงลัลลารินเป็นภรรยาของนายพลทหารเรือผู้กว้างขวางอยู่ที่สัตหีบและมีลูกชายคนโตชื่อราชนาวี หรือพี่รัก และคุณหญิงลัลลารินนี้เองที่เป็นคนส่งเสียค่าเล่าเรียนให้กับเธอที่กลายเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเด็ก นี่เธอไปเล่นงานลูกเมียลูกพี่ลูกน้องที่มีพระคุณเข้าแล้วหรือนี่ แล้วแบบนี้จะไปกล้าสู้หน้าอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน