บทที่7 คนโดนเมินก็คือโดนเมิน

2601 Words
บทที่7 คนโดนเมินก็คือโดนเมิน เมื่อถึงเวลาเลิกงานสองแม่ลูกก็ตกลงกับคุณป้ายังสาวว่าจะไปรับประทานทานอาหารนอกบ้านกันโดยไม่มีทีท่าจะสนใจราชนาวีหรือแม้แต่จะมีน้ำใจชักชวนก็ไม่มีทำเอาชายหนุ่มถึงขั้นซึมหนัก นี่ลูกเมียเขางอนเรื่องที่เขาไปราชการไม่บอกแค่นั้นจริง ๆ หรือมีอะไรมากกว่านั้นกันถึงได้เมินกันขนาดนี้ ชายหนุ่มได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่หน้าด้านตามสามสาวต่างวัยไปด้วยข้อเสนอที่รติภัทรยินดีหนีบไปด้วยเป็นอย่างมากจนถึงขั้นขัดใจน้องสาวและหลาน นั่นก็คือ เขาจะเป็นเจ้ามือเอง นี่ล่ะเพื่อนของเขาชอบนักล่ะเรื่องอิ่มจังตังค์อยู่ครบน่ะ “วันนี้ทานกันให้เต็มที่เลยนะทุกคน” รัมภาภัสร์เอ่ยขึ้นก่อนจะมีเสียงตอบรับเฮฮา ราชนาวีมองแล้วก็ได้แต่กุมขมับ คุณเธอไม่ได้ออกมาทานอาหารแค่กับพี่สาวและเด็กหญิงรัมภาวีร์เท่านั้นแต่ยังนัดเพื่อนร่วมทีมและร่วมงานมาอีกตั้งหลายคน ให้ตายชัก เงินเดือนเขาทั้งเดือนคงจะต้องหมดไปกับคนพวกนี้แน่ ๆ รัมภาภัสร์ยิ้มพร้อมกับยักไหล่ ก็ราชนาวีอยากจะเป็นเจ้ามือดีนักไม่ใช่เหรอ เธอก็จัดให้แล้วนี่ไงล่ะ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปีทำไมหญิงสาวจะไม่รู้ว่าราชนาวีนั้นค่อยข้างขี้เหนียว เอ้ย สมถะ เงินเดือนแต่ล่ะเดือนที่เหลือจากใช้จ่ายในบ้านและเป็นค่าขนมลูกแล้วก็เก็บออมหมด ไม่เคยใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะกับเรื่องดื่มกิน ผู้ชายคนนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เป็นเจ้ามือจ่ายค่าอาหารให้ใครหรอก เพราะเสียดายเงิน คราวนี้มาทำใจป้ำจะเป็นเจ้ามือเธอก็จัดให้อย่างสาสม จะได้รู้สึกเสียบ้าง “คือเต็มที่ได้เลยใช่ไหมฮะ” ทิวาถามด้วยความเกรงใจ แหม่ ก็มองออกหรอกนะว่ารัมภาภัสร์ต้องการจะแกล้งคุณสามี แต่ว่าพวกเขาลงมือได้จริง ๆ น่ะเหรอ “ได้สิคะพี่ทิวา เต็มที่ได้เลยค่ะ ขนหน้าแข้งคนนั้นเขาไม่ร่วงหรอก เงินเดือนหมดยังมีเงินมรดกและเงินกงสี” หนูน้อยรัมภาวีร์บอกเสียงฟังชัด ไม่ได้เห็นใจผู้เป็นพ่อที่ต้องควักเงินมาจ่ายเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่ลูกสาว แต่คนเป็นแม่เองก็เช่นกัน “อย่างที่หนูเล็กพูดนั่นแหละค่ะ เต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ คนนั้นเขาจ่ายไหวอยู่แล้ว” รติภัทรมองสองแม่ลูกแล้วก็ได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนสนิท แท้จริงแล้วราชนาวีจัดอยู่ในกลุ่มลูกหลานครอบครัวมหาเศรษฐี ฝั่งคุณย่าก็มีธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศและมีหุ้นอยู่ในบริษัทชั้นนำอีกหลายแห่ง ฝั่งคุณตาก็มีธุรกิจสิ่งทอและมีหุ้นในสายการบินขึ้นชื่อของประเทศ และด้วยความที่ราชนาวีเป็นหลานชายคนแรกทั้งคุณย่าและคุณตาก็พร้อมใจกันยกธุรกิจส่วนใหญ่เป็นมรดกให้กับชายหนุ่ม พร้อมกับจัดหาคนบริหารให้อย่างเรียบร้อย คนเป็นหลานไม่ต้องทำอะไรรอรับผลประกอบการก็พอ แล้วฝั่งคุณตายังอยู่กันอย่างระบบกงสี เมื่อมารดาไม่รับส่วนแบ่งกงสี ส่วนนั้นจึงตกมาอยู่ที่ราชนาวีและน้อง ๆ แต่ถึงจะมีทั้งเงินจากกิจการในมรดกและเงินส่วนแบ่งจากระบบกงสี แต่เพื่อนของเธอก็ไม่ได้เอามาใช้เลยสักบาทหลังจากที่เริ่มมีเงินเดือน โดยให้เหตุผลว่าแค่เงินเดือนก็อยู่ได้ เงินในส่วนอื่น ๆ ก็เก็บไว้กินดอกเบี้ยแทน ตั้งแต่รู้จักราชนาวีมารติภัทรรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้คลั่งใคล้การออมมากกว่าการใช้เงิน แม้แต่เงินเดือนยังเจียดไปออมเลย น้อยครั้งที่จะใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยเหตุผลของความสมถะก็คือนายคนนี้เสียดายเงิน น้องสาวของเธอเล่นงานสามีได้แสบสันเสียจริง รัมภาภัสร์รู้ว่าการต้องเจียดเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายทำให้ราชนาวีปวดใจก็ใช้ข้อนี้มาเล่นงานนายทหารหนุ่ม “รัก แกไปทำอะไรนอกเหนือจากการไม่บอกเรื่องออกเรือด่วนให้ยัยรุ้งโกรธปะเนี่ย ฉันรู้สึกว่ามันทะแม่ง ๆ” รติภัทรหันไปถามเพื่อนหนุ่มที่มองอาหารบนโต๊ะตาปริบ ๆ แต่กินไม่ลง “ฉันก็รู้สึกว่าสองแม่ลูกนี่ทะแม่ง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” ราชนาวีตอบตัวเขาเองก็คิดว่ามันแปลก รัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์เหมือนจะไม่ฟังเหตุผลและโกรธมากถึงพากันมาอยู่กับรติภัทร แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าทั้งคู่เข้าใจในเหตุผลของเขาแต่มีบางเรื่องที่ทำให้ไม่อยากหายโกรธและยอมกลับบ้านกันง่าย ๆ “แค่เรื่องไปไหนไม่บอกในช่วงวันเกิดลูกนี่มันเหตุผลไม่เพียงพอที่จะทำให้แจ้นกันขึ้นมาหาฉัน หรือแม้แต่หางานทำหาโรงเรียนเรียน แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น...หรือแกมีชู้” “สาบานให้ฟ้าผ่าเลยไหม ตั้งแต่มีหนูเล็ก ฉันเคยไปเถลไถลที่ไหนบ้าง ไม่อยู่บนเรือก็อยู่แต่กับลูก” ราชนาวีบอกก่อนที่โดนเพื่อนสาวเกาะแขน “หรือเกี่ยวกับพิมมี่” “พิมมี่?” “ก็ฉันได้ข่าวมาว่าพิมมี่มันเลิกกับแดนนี่แล้ว แล้วก็กลับไปอยู่สัตหีบ” รติภัทรบอก พิมมี่ หรือ พีรมา เป็นแฟนเก่าของราชนาวีที่บอกเลิกไปแต่งงานกับหนุ่มสเปนเจ้าของโรงแรมใหญ่ในพัทยาจนทำให้ราชนาวีเมาเหมือนหมาให้เธอลากกลับไปนอนที่ห้องนั่งเล่นของบ้านในวันที่พ่อแม่และน้องไม่อยู่ จนเกิดเรื่องจะเข้าห้องน้ำแต่ดันไปเข้าห้องน้องสาวเธอนั่นล่ะ “เลิกกับแดนนี่แล้วไง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉัน ฉันกับเขาก็จบกันตั้งแต่วินาทีที่เขาบอกเลิกฉันแล้ว” ราชนาวีแย้ง ความรู้สึกดี ๆ ราชนาวีไม่มีให้พีรมาตั้งนานแล้ว มีแต่ความรู้สึกแค้นที่พ่อของสาวเจ้าทำแพปลาบังหน้าแต่ลับหลังลักลอบส่งยานรกจากกัมพูชาเข้ามาปล่อยในไทยแล้วยังแอบอ้างชื่อเขาไปเกี่ยวข้องจนเขาเกือบจะซวยกลายเป็นแพะรับบาปเมื่อไม่นานมานี้ “ก็หล่อนอาจจะอยากมาคืนดีกับแกจนไปกุเรื่องให้ยัยรุ้งเข้าใจผิดก็ได้ใครจะไปรู้” “ตลก คนบ้าที่ไหนจะอยากคืนดีกับคนที่ทำให้พ่อตัวเองเข้าคุก” ราชนาวีค้านความคิดของเพื่อนก่อนที่จะหันไปคำนวนค่าอาหารมื้อนี้ด้วยใบหน้าหงอย ๆ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย “ฉันก็หวังว่ายัยนั่นจะไม่ใช่คนบ้า” เพื่อนสาวพึมพำก่อนที่จะตักนั่นตักนี่กินให้คุ้มกับที่ราชนาวียอมเป็นเจ้ามือ สิบปีจะมีสักครั้งหรอกนะโอกาสแบบนี้ เธอต้องกินให้คุ้ม คนโดนเมินก็คือโดนเมิน จะจ่ายหนักขนาดไหน ทั้งลูก ทั้งเมียก็ยังคงเมิน ทันทีที่กลับถึงคอนโดของรติภัทรสองแม่ลูกก็เข้าห้องปิดประตูไม่ยอมโผล่หน้ามาเจรจาภาทีกับชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว “แล้วคืนนี้แกจะนอนไหนเนี่ย โซฟาหน้าทีวี หรือว่าไปหาห้องพัก? หรือไปนอนบ้านน้า” รติภัทรส่งคำถามมาด้วยตาปรือ ๆ สาวเจ้าง่วงนอนเต็มทีแต่ก็ยังห่วงเพื่อนหนุ่ม “ไม่ต้องตอบ แกนอนนี่ล่ะ เดี๋ยวไปหาผ้าห่มกับหมอนมาให้” “อือ” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา ไม่นานรติภัทรก็นำผ้าห่มและหมอนมาให้และขอตัวไปนอน ราชนาวีจัดแจงที่นอนก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนแต่ไม่ได้หลับไปในทันที สมองของเขายังคงครุ่นคิดในหลาย ๆ เรื่อง หนึ่งในนั้นคือเขาจะต้องทำยังไงถึงจะไม่กลายเป็นคนถูกเมินของทั้งลูกและทั้งแม่ของลูก แม่ของลูกนั้นไม่เท่าไหร่เพราะถ้าหนูน้อยรัมภาวีร์หายโกรธยังไงแม่ก็พร้อมจะเซย์เยสกับลูกสาว นั่นหมายความว่าตัวเขาต้องง้องอนเด็กหญิงรัมภาวีร์ให้หายโกรธและกลับมาเป็นหนูเล็กผู้น่ารักของพ่อรักเหมือนเดิมให้ได้ ปัญหาแม่ของลูกจะไม่ยอมมันก็ไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่ก็คือ... แต่เล็กจนโตราชนาวีไม่เคยต้องงอนง้อใครแม้แต่คนที่เขาเคยคิดว่ารักนักรักหนาอย่างพีรมา เรียกว่าเขาง้อใครไม่เป็นเลยก็ว่าได้ ตอนเด็ก ๆ ก็เคยทำให้รัมภาภัสร์โกรธจนถึงขั้นไม่ถูกกันมาจนถึงปัจจุบันก็เพราะความที่เขาง้อใครไม่เป็นนี่ล่ะ คนง้อไม่เป็นอย่างเขาไม่รู้สักนิดว่าควรจะเริ่มต้นยังไงให้ลูกสาวหายโกรธ แม้จะนอนลงแล้วแต่หูของชายหนุ่มก็ยังได้ยินเสียงต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือเสียงเปิดประตูและเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องโดยผ่านด้านหลังโซฟาไป ชายหนุ่มหันสายตาไปมองก่อนจะเห็นร่างบางของคนเป็นภรรยาเดินไปยังห้องครัว ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง หรือเขาจะเปลี่ยนคนไม่พอใจมาเป็นตัวช่วยดีนะ ถ้ารัมภาภัสร์เปลี่ยนมาอยู่ข้างเขาอะไรมันก็ง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ? ทันความคิดร่างสูงก็ลุกไปยังห้องครัวในทันที ดวงตาคมทอดมองไปยังร่างบางที่กำลังนั่งตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะขมวดคิ้ว นี่รัมภาภัสร์กลายเป็นคนชอบกินของหวานตอนกลางคืนตั้งแต่ตอนไหนกัน ดูเหมือนเธอจะไม่รับรู้การมาของเขาสักนิดซ้ำยังใส่หูฟัง ฟังเพลงและง่วนอยู่กับการกิน ราชนาวีพาร่างสมชายชาติทหารของตนไปหยุดด้านหลังของหญิงสาวก่อนที่จะสวมกอดจากด้านหลังจนคนถูกจู่โจมสะดุ้งโหยง เขาหยิบหูฟังออกจากหูบางก่อนจะทัก “ดึก ๆ ดื่น ๆ แอบออกมากินของหวานแบบนี้ไม่กลัวอ้วนเหรอเมียจ๋า” “บ้า เมียจงเมียจ๋าอะไร น่าเกลียด” คนถูกจู่โจมดิ้นเมื่อรู้ว่าใครคือคนที่เล่นงานเธอ “ปล่อย” “ไม่ปล่อย” “ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้พี่ครีมกับหนูเล็กมาช่วยนะ” หญิงสาวขู่เมื่อนอกจากมือจะไม่ปล่อยแล้วใบหน้าคมยังอยู่ไม่นิ่งมายุ่มย่ามกับซอกคอของเธอจนขนลุก “อีตาคนผีทะเลปล่อย” “ไม่ปล่อย ตะโกนเรียกครีมกับหนูเล็กก็ไม่ปล่อย ดีสิ ถ้าเธอตะโกนเรียกลูกมาฉันจะบอกลูกว่าพ่อกำลังง้อแม่และทำน้องให้หนูเล็กอยู่ ดูสิคราวนี้หนูเล็กจะว่ายังไง” ชายหนุ่มบอกและแน่นอนว่าทั้งเขาและรัมภาภัสร์รู้คำตอบดีว่าหนูน้อยคงจะตรงกลับห้องแน่นอน ด้วยว่าแม้จะแก่แดดยังไง รู้ประสาขนาดไหนหนูน้อยก็ยังอยากจะมีน้องเหมือนคนอื่น ๆ เพียงแค่ไม่เรียกร้องก็เท่านั้น “ไอ้ผีทะเล ปล่อยฉันนะ” “อย่าดิ้นสิ คุยกันก่อน ฉันแค่อยากคุยกันเธอเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะอุ้มร่างบางกลับไปที่โซฟา เธอยังคงขัดขืนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “ปล่อยฉันนะไอ้ผีทะเล ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับนาย” “แต่ฉันมี และก็ต้องการคุยวันนี้ด้วย” “ไม่คุย จะคุยอะไรก็ไม่คุย” “ไม่คุยงั้น...” เขาพูดแค่นั้นก็ลากสายตาลงไปหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกปกปิดด้วยชุดนอนสายเดี่ยวลายลูกไม้ นอกจากการแต่งเนื้อแต่งตัวไปทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วแม้แต่ชุดนอนก็ยังไม่ใช่ชุดที่เข้าคู่กับของเด็กหญิงรัมภาภัสร์เสียด้วย “งั้นอะไรของนาย ไอ้บ้า ไอ้ผีทะเล” หญิงสาวโวยวายเมื่อมองตามสายตาของพ่อของลูก ให้ตายเถอะ ทำไมเธอถึงเลือกชุดนอนนี้ตามที่ลูกสาวพยักหน้าแทนที่จะเป็นชุดนอนที่ปกปิดตั้งแต่คอลงไปถึงขาได้นะ เลยเปิดโอกาสให้ราชนาวีมามองหน้าอกเธอได้เลย “จะปิดทำไม มากกว่านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น” “ไอ้บ้า เลิกมองแล้วก็ถอยไปเลยนะ” “ก็ถ้ายอมคุยดี ๆ แล้วจะเลิกมอง แต่ถ้ายังดื้อ ทำมากกว่ามองนะบอกให้” แน่นอนว่ารัมภาภัสร์เข้าใจความหมายของคนผีทะเลคนนี้ดีว่ามากกว่ามองคืออะไร ก็ไอ้วิธีการเอาชนะที่เขาทำบ่อย ๆ นั่นไงล่ะ “ทุเรศ อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ” “ก็บอกก่อนสิว่าจะคุยดี ๆ” เขาบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่อย่างนั้นก็คงต้องเสียเหงื่อกันสักหน่อย” มือบางดันใบหน้าคมออกห่างก่อนจะตอบ“จะคุยอะไรก็ว่ามา” “ช่วยฉันทำให้ลูกหายโกรธแล้วกลับบ้านกัน ฉันรู้ว่าเธอกับลูกไม่พอใจแต่ฉันก็อยากให้เข้าใจฉันด้วย” “ทำไมฉันจะต้องช่วยนาย แล้วทำไมต้องเข้าใจ นายอยากให้เข้าใจนาย แต่นายเข้าใจฉันกับลูกไหม” เธอพูดพร้อมกับผลักร่างหนาออกห่าง “นายจะทำอะไร จะไปไหน ไม่เคยบอกฉันเลย เหมือนฉันเป็นหัวหลักหัวตอแล้วทีนี้จะมาให้ช่วย มันใช่เรื่องเหรอ?” “แล้วมีสักครั้งไหมที่คุยกันแล้วเธอจะไม่เถียง ไม่ชวนแต่ทะเลาะน่ะ” เขาสวนกลับก่อนที่จะหันหน้าหนี “ฉันรู้ว่าฉันผิดที่ไม่บอกก่อน แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาจะไม่บอก ฉันแค่ไม่อยากทะเลาะกับเธอ กะจะรอให้น้ำโทรบอกให้ แต่น้ำก็ลืมเอาโทรศัพท์ไป โทรศัพท์ฉันก็แบตหมดตั้งแต่เรือเดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง” “ไม่อยากทะเลาะ งั้นก็ไม่ต้องคุยกันเลยจะดีกว่า กลับไปสีตหีบ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเสีย วันไหนอยากมาหาหนูเล็กก็ค่อยมา แบบนั้นดีกว่านะ ไม่ควรจะกลับไปอยู่กันสามคนแบบนั้นอีก เพราะเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกนั่นแหละ” “เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไงสีรุ้ง” ราชนาวีมึนงงไปชั่วขณะกับคำพูดของหญิงสาวจนต้องหันไปมอง เขารู้สึกหายใจไม่ออกกับคำว่าไม่ควรกลับไปอยู่กันสามคนแบบนั้นอีกทั้งยังลำคอแห้งผาดราวกับขาดน้ำ “ก็หมายความว่าบางทีเราควรแยกกันอยู่ หรือไม่ก็หย่ากันเลยดีกว่า หนูเล็กก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไร แกฉลาด แกคงเข้าใจ” “ไม่มีทาง” เขาบอกพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมหรอก เขาไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD