านมาสองสัปดาห์แล้วที่เปมิศาเข้ามาทำงานอยู่ที่นี่ คนในร้านเยอะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมนูติดอันดับที่ใครมาก็ต้องสั่งดันกลายเป็นเมนูพื้น ๆ ง่าย ๆ อย่างสตูเนื้อแกะ ที่ลูกค้าในร้านต่างรีเควสมาว่าจะต้องเป็นเชฟเจเท่านั้น ทำให้เมนูที่เขาต้องทำซ้ำวนกันนั้นก็มีอยู่แค่เมนูเดียวตลอดแทบทั้งวัน
“เฮ้อ คนเยอะขึ้นทุกวันเลยนะคะคุณน้ำมนต์” เปมิศาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางร้าน หลังจากที่ผ่านมรสุมเนื้อแกะมาตลอดทั้งวัน
โชคดีที่เนื้อแกะหมดเสียก่อน ไม่อย่างนั้นหน้าเขาจะต้องออกค่อนไปทางแกะเป็นแน่
“เพราะคุณเจเลยนะคะเนี่ย ลูกค้าถึงเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้”
ย้อนกลับไปเมื่อประมานอาทิตย์ก่อน มีนักชิมจากเพจรีวิวอาหารขอเข้ามารีวิวอาหารภายในร้าน โดยให้เชฟเป็นคนคัดสรรเมนูอาหาร เขากับเชฟอีกสองคนแบ่งหน้าที่กันทำตามเมนูที่คิดว่าดีที่สุดของร้าน และเขาก็เสนอเมนูสตูเนื้อแกะให้กับตัวเอง ซึ่งเชฟทั้งสองท่านก็เห็นดีเห็นงามด้วย
เขาเริ่มลงมือทำสตูเหมือนกับวันนั้นที่ทำให้คุณญานินทาน จริง ๆ เคล็ดลับของเขาไม่มีอะไรมากหรอก แต่แค่คิดถึงใบหน้ามุ่ย ๆ ของอีกคน ก็ทำให้เขาหยิบส่วนผสมมาปรุงใส่เข้าไปแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับเป็นจานที่นักรีวิวยกย่องให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านไปสะอย่างงั้น
ส่วนตัวเขาก็ได้คะแนนความดีความชอบจากนักรีวิวไปเต็ม ๆ
“เชฟเจใช่ไหมคะ? ตัวจริงดูดีกว่าในคลิปอีก” เขาชินเสียแล้วที่จะต้องมาเจอแฟนคลับจากเพจรีวิวนั้นเข้ามาทักทาย
“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะคะ” เขาส่งรอยยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนที่หล่อนจะขอเปมิศาถ่ายรูปอยู่สองสามรูป แล้วเดินจากไป
“ฮอตเชียวนะคะช่วงนี้” กชมนเอ่ยแซวคนข้างตัวอย่างเสียไม่ได้ มีคนชอบมากขึ้นก็ไม่แปลกเพราะเขาทั้งดูดี มีเสน่ห์ แถมยังเก่งเรื่องการทำอาหารอีก คนไม่ชอบน่ะสิจะแปลก
ขนาดตัวเราเองยังชอบเขามากขึ้นทุกวัน..
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” เปมิศายกมือเกาท้ายทอยอย่างเขินอาย ก็แหมใครจะไปคิดกันล่ะ แค่คิดถึงใบหน้าสวย ๆ ของอีกคนจะทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นขนาดนี้
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ขอตัวสักครู่นะคะ” กชมนเอ่ยขออนุญาตก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
เปมิศาพยายามสอดส่องหาเจ้านายคนสวยของเขาที่วันนี้ยังไม่เห็นหน้าเห็นตา ก่อนจะต้องเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นคนที่เขาเฝ้าคิดถึงเดินเข้ามาในร้านด้วยมาดนางพญาเหมือนดังเช่นทุกครั้ง
และเขาก็เห็นคุณกชมนเดินเข้าไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับคุณญานิน ก่อนที่เธอจะปรายตามองมาทางเปมิศา และตามมาด้วยคุณกชมนวิ่งหน้าตั้งมาทางเขา
“คุณญานินเรียกพบค่ะ” สิ้นคำบอกเล่าของใครอีกคน
เปมิศาก็ยืดตัวเต็มความสูง ปัดเสื้อผ้าเล็กน้อยและเดินฮัมเพลงไปตามทางเดินเพื่อจะไปที่ห้องของบอสสาว ห้องที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบ่อยนัก
ก๊อก ๆ
“เชิญ” สิ้นเสียงคนด้านใน เปมิศาก็แง้มประตูเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน “นั่งก่อนสิ” เธอผายมือมาที่เก้าอี้ จากอารมณ์ดี ๆ ของเขาเมื่อครู่ก็ต้องพลันหุบยิ้มลงเพราะคนตรงหน้าเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ยิ้มสักนิดชีวิตแจ่มใสนะคุณ...
“คุณญานินมีอะไรหรือเปล่าคะ?” เขาถามคนที่ยังเอาแต่ก้มหน้ามองเอกสารตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเปมิศา
“เมื่อครู่มีโทรศัพท์มาจากคุณสุวิทย์ เขาต้องการให้เราไปร่วมงานกับเขา ซึ่งงานนี้พวกเขาจะคัดสรรค์และเชิญเชฟที่ดี่สุดในโลกให้มารวมตัวกัน เพื่อพบปะพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนวิชากันทำนองนั้น ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในเชฟที่เขานั้นเชิญ แต่งานนี้มันอยู่ที่ญี่ปุ่น...อยากทราบว่าเธอจะสะดวกไหม?” ประโยคยาว ๆ ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เอ่อ...”
“เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะไปกับเธอด้วย เราจะไปด้วยกัน...เราสองคน” ให้ตายสิทำไมเธอต้องเสียงแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้นล่ะ
แค่ไปทำงาน แค่ไปกันสองคนเอง มันก็ไม่มีอะไรแปลกสักหน่อย...เธอเองก็เคยไปงานกับกชมนสองต่อสองออกจะบ่อย
“เรา...ไปกันสองคนหรือคะ?” เปมิศาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะเมื่อครู่ประโยคที่เธอพูดนั้นมันเบาหวิวจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน
ว่าแต่เธอหน้าแดงทำไมกันนะ อุณหภูมิในห้องก็ออกจะเย็นจนหนาวสั่น...
“ใช่ค่ะ ฉันไปกับเธอ ถ้ามีอะไรสงสัยสอบถามเพิ่มเติมที่น้ำมนต์ได้เลยนะ”
ให้ตายสิ! นี่เขานอนไม่หลับเลย
สติหายไปตั้งแต่อยู่ที่ร้านแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องตอนไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขับรถกลับมาถึงห้องเมื่อไหร่ เอาแต่คิดถึงประโยคที่เธอนั้นบอกวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
'เธอไม่ต้องห่วงฉันจะไปกับเธอด้วย เราจะไปด้วยกัน'
ประโยคนี้มันยังดังซ้ำอยู่ในหัวของเปมิศาจนเขาเองก็เริ่มจะปวดหัว ส่วนรายละเอียดคุณน้ำมนต์ก็บอกจะส่งมาให้ดูทางไลน์แต่จนป่านนี้ก็ยังไร้วี่แววของสิ่งที่เจกำลังรอคอย
ตื้อดึ่ง!
เหมือนสั่งได้...เปมิศารีบควานหาโทรศัพท์ก่อนจะพบว่าเป็นข้อความจากคุณน้ำมนต์ที่ส่งเรื่องรายละเอียดการไปญี่ปุ่นมาให้ เขาไม่รอช้ารีบเปิดข้อความอ่านในทันที
“ทริปสำหรับเชฟมีฝีมือทั่วโลก โรงแรมหรูใจกลางเมืองโตเกียว 5 วัน 4 คืน...โอ้พระเจ้า! 5 วัน 4 คืน”
เปมิศากรีดร้องอยู่ในใจ ถ้าหากเขาต้องใกล้เธอถึง 4 คืนแบบนี้ มีหวังได้ช็อคตายกันไปข้างแน่ โอ้ย...แล้วไอหัวใจบ้านี่จะเต้นเสียงดังโครมครามไปถึงไหน!
“ท่องไว้เจไปทำงาน ไปทำงาน ไปทำงาน” เปมิศายกมือทาบอกก่อนจะหลับตาลง แต่มันก็เผลอคิดถึงใบหน้ามุ่ย ๆ ของอีกคนขึ้นมาทุกที “ไปกับคุณญานิน คุณญานิน คุณญานิน เอ้ย!”
ตื่อดึ่ง!
เสียงข้อความดังขึ้นอีกหน จนเปมิศาต้องเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงกับประโยคที่คุณน้ำมนต์นั้นส่งมา
‘ห้องพักของเชฟเจกับคุณญานินคือห้องเดียวกันนะคะ ส่วนห้องที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้คือห้องสวีท’
หลุดไปแล้ว หลุดออกไปเลย วิญญาณของเจเนี่ยหลุดไปกับอากาศแล้ว อ่อก!