แพ้...

1928 Words
กริ๊ง ๆ เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่หน้าร้านในยามเช้าตรู่ ดึงความสนใจให้แก่น้ำมนต์ที่กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในร้านอาหารให้ต้องหันกลับไปสนใจ ร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินเข้ามาในร้านด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา กางเกงสแล็คสีดำที่ขามันเต่อขึ้นมาเล็กน้อยเพราะความสูงของอีกคน แว่นกันแดดที่บดบังสายตาของคนตรงหน้า...ไม่สามารถทำให้ความดูดีของเขาลดน้อยลงได้เลยแม้เพียงนิด “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณกชมน” เปมิศาเอ่ยทักผู้จัดการร้านอย่างอารมณ์ดี ส่งผลให้คนที่ถูกเอ่ยทักต้องพลอยยกยิ้มตามไปด้วย “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเปมิศา ต่อไปนี้เรียกน้ำมนต์เฉย ๆก็ได้นะคะ” หล่อนยิ้มตอบเขาเช่นเดียวกัน คน ๆ นี้มีพลังด้านบวกที่ดีมากเลยทีเดียว “โอเคค่ะคุณน้ำมนต์เฉย ๆ แล้วก็เรียกฉันว่าเจก็พอนะคะ” เขายังคงยิ้มสดใสให้จนกชมนได้พลอยคิดไปด้วยว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่ ๆ “ได้เลยค่ะเชฟเจ ว่าแต่มีชุดหรือยังคะ?” เอ่ยถามเขาทันทีที่รู้ว่าวันนี้เขาจะมาเริ่มงานเป็นวันแรกตามคำบอกกล่าวของเจ้านายคนสวย...  ถ้าเป็นเชฟแต่ไม่มีชุดก็คงจะดูไม่เป็นเชฟน่ะสิ...  “ฉันเตรียมมาแล้วค่ะ ว่าแต่ใส่ชุดเก่าได้ใช่ไหมคะ มันดูจะเลอะเทอะนิดหน่อย” เขายิ้มแหย่ให้คนตรงหน้าจนหล่อนต้องเผลอหลุดหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เชฟเจเนี่ยน่ารักจริงเชียว...  “ถ้าเสื้อไม่เลอะก็ไม่เป็นเชฟสิคะ” หล่อนเอ่ยหยอกล้อเขาก่อนที่ทั้งคู่จะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน “งั้นฉันขอตัวไปดูเมนูสักหน่อยดีกว่าค่ะ” เปมิศาเอ่ยขออนุญาตออกไป หล่อนเองก็เห็นด้วยกับเขาจึงบอกเขาให้เข้าไปเตรียมตัวและอวยพรขอให้วันแรกของการทำงานนี้เป็นวันที่ดี ถ้าหากเขาอยู่ทำงานที่นี่นาน ๆ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเหมือนเขากลับกลายเป็นพลังบวกให้กับหล่อนไปเสียแล้วทั้ง ๆ ที่พึ่งได้พบเจอกันเพียงแค่สองครั้ง...  ร่างสูงโปร่งของคนที่สนทนากับหล่อนเมื่อครู่นั้นเดินออกไปแล้ว เหลือไว้แต่สายตาของกชมนที่มองตามเขาไปจนลับสายตา...นี่หรือเปล่าอาการที่เขาเรียกมันว่าตกหลุมรัก ร่างระหงส์วางมาดนางพญาเดินเข้ามาในร้านอาหารที่ตัวเองเป็นคนสร้างมาเองกับมือ ชุดสูทสีชมพูบานเย็นเมื่ออยู่บนตัวของเธอแล้วมันช่างดูดีเข้ากับเสื้อสีดำข้างในเป็นไหน ๆ เธอเดินตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในร้านอย่างที่ตัวเองมักจะทำเป็นประจำเสมอ ก่อนสายตาของเธอจะไปสะดุดกับบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “สายใจอยู่ไหน?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของเธอส่งผลให้กชมนที่กำลังวิ่งมาหาผู้เป็นนายต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างที่รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ ๆ “เดี๋ยวน้ำมนต์ไปตามมาให้ค่ะ” หล่อนเปรยตามองที่สิ่งนั้นอีกครั้งก่อนจะวิ่งออกไปตามหาสายใจ แม่บ้านคนใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้เมื่อสามวันก่อน...  และเหตุผลเดียวที่ทำให้ลูกจ้างทยอยลาออกไป ก็เพราะทนแรงกดดันของเจ้านายคนสวยไม่ไหวน่ะสิ!  “การที่เธอวางผ้าเช็ดโต๊ะทิ้งไว้ตรงทางเดินมันทำให้ภาพลักษณ์ของร้านฉันเสียหายมากขนาดไหนเธอรู้บ้างไหม?” หลังจากที่สายใจเดินเข้ามายังไม่ทันพ้นประตู เสียงเรียบนิ่งของเจ้านายคนสวยก็สะกดให้สาวเจ้าเหมือนต้องคำสาป “นะ หนูขอโทษค่ะคุณญานิน หนูไม่ทันได้ระวัง” หล่อนก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด เพราะรู้ว่าถ้าหากต่อล้อต่อเถียงก็คงจะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง “ฉันให้โอกาสคนทำผิดพลาดได้เพียงครั้งเดียว ถ้ามีอีกครั้งฉันคงต้องไล่เธอออก” ญานินมองแม่บ้านตรงหน้าด้วยสายตาที่พร้อมจะเชือดเฉือนได้ทุกเมื่อ และสายใจก็ทำได้เพียงแต่กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ “ขะ เข้าใจแล้วค่ะคุณญานิน” สายใจพยักหน้ารับก่อนจะถูกไล่ออกจากห้องโดยผู้เป็นนาย สายใจเดินกลับเข้ามาในห้องครัวภายใต้ใบหน้าที่เปมิศาบอกได้เลยว่าแย่มาก ไม่รู้ว่าหล่อนไปทำอะไรให้โดนดุนะ แต่หน้าแบบนี้คงสำนึกผิดไปอีกนานเลยแหละ “ไง โดนดุยับเลยสิ” เปมิศาที่มือก็ยังจับเครื่องปรุงใส่ลงในกระทะเอ่ยแซวแม่บ้านสาวที่นั่งทำหน้าหงอยอยู่บนเก้าอี้ด้านหลัง สายใจทำได้เพียงแต่ถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามองเชฟคนใหม่ที่กำลังขะมักเขม้นกับเมนูตรงหน้า “โห่พี่ หนูแค่ลืมผ้าไว้ตรงทางเดินเอง นี่หนูนึกว่าหนูไปขโมยของมานะเนี่ย!” สายใจยังบ่นอุบให้เปมิศาเผลอหัวเราะขบขันกับท่าทีเด็กน้อยของสายใจ “เอาน่า คุณเขาก็คงเป็นห่วงร้านแหละถึงบ่น” ถึงปากจะยังพูดคุยกับคนตรงหน้า แต่สมองกับสั่งให้คิดถึงเจ้าของใบหน้าบึ้งตึงที่ตอนนี้คงจะนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่ไหนสักแห่งในร้านนี้ “หนูนะไม่รู้จะทนกับเจ้านายแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน  ที่มาทำงานก็เพราะว่าเงินเดือนสูงอย่างเดียวเลยนะ คนอะไรทั้งขี้หงุดหงิด ขี้เหวี่ยง ขี้...ว้าย!” สายใจรีบยกมือปิดปากแทบจะทันที เมื่อคนที่อยู่ในบทสนทนามาปรากฏตัวอยู่ในห้องครัวแบบไม่ทันให้ระวังตัว ญานินที่ตั้งใจจะเข้ามาดูฝีมือเชฟคนใหม่ พอได้ยินเรื่องของตัวเองกำลังเป็นหัวข้อสนทนาก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้ที่ลูกน้องกำลังนินทาเธอ แค่เธอเป็นห่วงร้านของเธอมันผิดตรงไหนไม่ทราบ!  “เวลาทำงาน ไม่ใช่เวลามานินทาเจ้านาย” เสียงเรียบของเธอเปล่งออกมาทั้งมือก็ยังกอดอกไว้อย่างไม่ชอบใจ สายใจที่รู้ทันทีว่าตัวเองเป็นคนผิด ก็ค่อย ๆ ย่องออกไปจากห้องครัวให้ทันท้วงที ทิ้งไว้แต่เชฟคนใหม่ที่ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเพราะไม่มีทางหนีไปจากตรงนี้ได้ “ฉันอยากชิมฝีมือของเธอ เสร็จจานนี้แล้วช่วยเสิร์ฟให้ฉันชิมสักเมนู” เธอทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะก้าวขายาว ๆ เดินออกจากห้องครัวไป เปมิศาได้แต่มองตามร่างระหงส์ที่วางมาดนางพญาเดินออกไปจนลับสายตา ถึงใบหน้าของเธอจะเรียบเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ แต่เธอจะรู้ไหมว่ามีวูบหนึ่งที่สายตาของเธอวูบไหว แค่วูบเดียวจริง ๆ ก่อนที่จะกลับมาเป็นนางพญาคนเดิม เปมิศาวางเมนูอาหารง่าย ๆ ลงตรงหน้าของผู้เป็นนาย ก่อนที่เขาจะยืดตัวขึ้นตรงเพื่อรอรับฟังคำติชมจากกรรมการกิตติมศักดิ์ ญานินมองดูอาหารตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา มันเป็นเมนูง่าย ๆ ที่ร้านอาหารยุโรปทั่วทุกร้านต้องมี สตูเนื้อแกะหน้าตาน่ารับประทาน บวกกับกลิ่นหอมบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากเมนูนี้หรือจากเชฟคนไหน ๆ ซึ่งมันก็น่าสนใจที่เมนูนี้นอกจากจะมีหน้าตาที่น่าทานแล้ว ยังมีกลิ่นหอมที่เป็นสูตรลับจากเชฟคนนี้ช่วยดึงดูดให้อาหารของเธอดูดีมีราคามากยิ่งขึ้น “เธอใส่อะไรถึงมีกลิ่นหอมแบบนี้” เธอแหงนหน้าถามเชฟคนใหม่ที่ยืนตรงเหมือนเคารพธงชาติ แต่พอเธอถามเรื่องอาหารแล้ว อาการประหม่าของคนตรงหน้าก็พลันหายไป มีเพียงแววตาของคนขี้เล่นกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าให้เธอได้รู้สึกแปลก ๆ แล้วทำไมหัวใจต้องเต้นแรงขนาดนี้!  “ถามเรื่องอื่นฉันตอบได้หมดค่ะ แต่ถ้าถามเรื่องสูตรอาหารมันเป็นความลับค่ะ” คำตอบของเขาทำให้เธอหงุดหงิดใจ เธอเป็นเจ้านายนะทำไมต้องมามีความลับกับเธอด้วย!  “จิ๊!” เธอเผลอจิ๊ปากอย่างขัดใจส่งผลให้คนที่ยืนอยู่ต้องเผลอหลุดขำออกมาเบา ๆ “รีบทานสิคะ เดี๋ยวจะเย็นสะก่อนนะ” เปมิศายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกล้อคนตรงหน้า แม้มันอาจจะทำให้เธอหงุดหงิดใจ แต่แววตาของเธอมันไม่ได้หงุดหงิดอย่างที่ใบหน้าสวยของเธอแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย ญานินจิ้มเนื้อแกะที่อยู่บนจานก่อนจะนำมันเข้าปาก ทันทีที่ปลายลิ้นได้ลิ้มรสเธอก็เผลอเบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างลืมตัว เนื้อแกะนุ่มลิ้นผสมกับตัวซอสที่เธอไม่เคยได้ลิ้มรสจากที่ไหนมาก่อนมันกำลังทำให้เธอหลงใหลกับสูตรอาหารง่าย ๆ ที่เธอมักทานอยู่บ่อย ๆ แต่รสชาติครั้งนี้แตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันก็แตกต่างไปในทางที่ดีเสียด้วย “อืม...” แม้รสชาติมันจะดีขนาดไหน แต่เธอก็ยังคงต้องวางฟอร์มไว้ เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าได้ใจมากจนเกินไป “เป็นยังไงบ้างคะ?” เปมิศาถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองก็เถอะ แต่ถ้าหากคนตรงหน้าบอกว่ามันไม่โอเค เขาคงต้องเก็บกระเป๋าลาออกจากการเป็นเชฟไปถาวรเป็นแน่  “ก็ดี” เธอตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเริ่มลงมือทานอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนอาหารที่เธอบอกว่าก็ดีมันพร่องลงไปมากกว่าครึ่งแล้วให้คนที่ยืนมองได้รู้สึกใจชื้น เปมิศายกยิ้มอย่างชอบใจ เพราะเขารู้ว่าเธอก็คงจะวางฟอร์มไม่ให้เขานั้นได้ใจจนเกินไป แต่การที่เธอทานมันมากขนาดนี้เขาก็ดีใจและมีกำลังใจในการอยากเป็นเชฟต่อแล้ว “ฉันจะบอกเคล็ดลับความอร่อยให้ค่ะ” เปมิศาโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูให้ญานินที่ได้ฟังนั้นเกิดสนอกสนใจขึ้นมาทันที “อะไร?” น้ำเสียงติดเหวี่ยงที่ส่งให้คู่สนทนาทำให้เปมิศาเผลอยกยิ้มขึ้นมา ใบหน้าของเธอนั้นดูตื่นเต้นแม้คิ้วจะยังขมวดกันเป็นปมแน่นก็ตามที น่ารัก น่าเอ็นดูจริงเชียวนะคน ๆ นี้ “ความลับของมันก็คือ...” “...” “คือ...” “...” "คือ..." “เธอจะเล่นลิ้นกับฉันอีกนานไหม!” ญานินเริ่มจะหงุดหงิด เพราะลูกน้องของเธอกำลังเล่นลิ้นกับเธอ!  แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่รู้สึกโกรธคนตรงหน้าเลย ไม่รู้ทำไมแหะ... “ฉันใส่ใจทั้งหมดของฉันลงไปในอาหารจานนี้...เพื่อให้คุณได้ทานค่ะ” เปมิศาว่าจบก็เดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อีกคนยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวใจที่สับสน เธอควรจะโกรธเขาสิ ทำไมถึงไม่ตวาดกลับไปนะ แล้วไอหัวใจบ้านี่จะเต้นแรงไปถึงไหน นี่ตัวเราเป็นโรคอะไร แพ้เนื้อแกะหรือเปล่า หรือจะแพ้ไอคุณเชฟจอมกวนประสาทกันแน่นะ! 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD