อัญมณีเดินจากบ้านสวิชมาบ้านตัวเองที่มีอาณาเขตติดกัน แบ่งแยกด้วยแนวกระถินเตี้ยๆ ที่มีมาแต่รุ่นตายาย ยายหล่อนเป็นคนขยันจึงมีรายได้จากรั้วกินได้ของบ้านทุกด้าน รั้วกลางนี้เป็นกระถินที่ตัดยอดไปขายให้แม่ค้าข้าวแกงในตลาดสดขายดีและสร้างรายได้ทุกวันจนต้องมีลูกมือช่วยเก็บทีเดียว ด้านหลังซึ่งติดคลองสาธารณะก็กั้นด้วยลวดหนามแล้วปลูกกล้วยตลอดแนว ใช้น้ำในคลองมารดพืชผัก อีกด้านซึ่งติดถนนซอยก็ปลูกมะขามไว้เด็ดยอดอ่อนไปขายเช่นกัน
ต้นมะขามที่ตัดให้ต่ำเสมอรั้วด้านอื่นจึงมียอดอ่อนให้เก็บเรื่อยๆ ฝั่งหน้าบ้านตอนนี้มีรั้วกำแพงยาวพร้อมประตูสเตนเลสขนาดใหญ่ แต่เมื่อก่อนเป็นรั้วต้นไม้ซึ่งหล่อนจำไม่ได้ว่าต้นอะไร มาปรับเปลี่ยนก็ตอนที่แม่ถือครองกรรมสิทธิ์และฝ่ายบ้านสวิชทำรั้วกำแพงด้านหน้า แม่จึงให้ช่างทำไปพร้อมกัน หากมองแค่รั้วหน้าบ้านและประตูใกล้กันกว่านี้หน่อย คนอาจคิดว่าเป็นบ้านแฝดก็ได้
แม้ทางเดินจะมีระยะพอสมควรเพราะต่างเป็นเศรษฐีที่ดินเก่าแก่ แต่ไม่ได้มืดหรือน่ากลัวเพราะมีไฟส่องทางตลอดแนวที่ใช้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ วันนี้ค่อนข้างดึกพ่อกับแม่คงขึ้นไปนอนแล้ว แต่ยังเปิดไฟในบ้านทิ้งไว้ให้ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ประจำ
อัญมณีเดินยังไม่ทันถึงบ้านเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หล่อนรีบหยิบมาดูชื่อแล้วเบ้ปาก คนที่ไม่ชอบหน้าโทรมาหาหล่อนผ่านโปรแกรมไลน์ที่สามารถเห็นหน้าคนคุยได้ด้วย หล่อนคาดว่าไม่มีธุระกับเขาจึงไม่รับสาย ไม่นานเขาก็ส่งเป็นข้อความภาพเข้ามา ทันทีที่เห็นหล่อนต้องรีบโทรกลับไปหาเขา
“ที่ไหนหมอ”
“หน้าบ้านคุณนี่แหละ ออกมาเร็วๆ”
“ได้ๆ” หล่อนรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที ก่อนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีแดงของชลทิศจอดรออยู่ และเจ้าตัวกำลังร้องเร่ง
“เร็วๆ”
“ไหนบอกว่าหน้าบ้านฉัน แล้วนี่จะไปไหน” หล่อนถามทันทีทั้งที่ขึ้นรถมาแล้ว
“หน้าบ้านนะหมายถึงผมรออยู่ ส่วนที่เกิดเหตุนะ ก็ตามรูปคุณจำไม่ได้หรือ”
เมื่อเขาบอกเช่นนี้อัญมณีจึงดูรูปอีกครั้ง แล้วหันไปมองเขาตกใจระคนแปลกใจ ชลทิศพยักหน้าเหมือนรู้ความคิดหล่อน
“ใช่ บ้านร้างหลังเดิม”
“ทำไมต้องบ้านหลังนั้น” หล่อนไม่เข้าใจ และถ้าเป็นฆาตกรรมอำพรางจากฆาตกรคนเดิม เหตุใดจึงใช้สถานที่เดิมๆ
“ผมไม่รู้” คำจากปากของชลทิศทำให้เขาถูกค้อน เจ้าตัวจึงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ
“คุณมีจินตนาการ ลองบอกมาสิว่าทำไมฆาตกรยังใช้สถานที่เดิม ไม่ยอมเปลี่ยนที่”
“คุณจะบ้าไปถึงไหน บอกว่าฉันไม่ใช่”
“ไม่ใช่อัญมณีได้ไง ก็ผมเห็นคุณนั่งอ่านต้นฉบับ”
“ก็อ่านแทนเพื่อน ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันรู้จักอัญมณี”
“คุณเป็นคนเดียวที่รู้จักอัญมณีคนนั้น เพราะคุณคืออัญมณี”
“หยุดรถ ฉันไม่ไปแล้ว” อัญมณีตะโกนคับรถ อยากกระชากพวงมาลัยแต่กลัวจะเกิดอุบัติเหตุเพราะเขาขับรถค่อนข้างเร็วเพื่อไปที่เกิดเหตุ
“พูดแทงใจก็รับไม่ได้ จะปกปิดทำไม ออกจะโด่งดัง หรือกลัวว่าชีวิตส่วนตัวจะหายไปถ้าคนรู้จักตัวตนจริงๆ การตลาดสมัยนี้มันต้องเปิดตัวเข้าถึงนักอ่านคุณ โอ๊ย!” ชลทิศร้องเสียงหลงเพราะอัญมณีทุบแขนเขาอย่างแรง
“จอด ฉันไม่ไปแล้ว”
“ถึงแล้วนั่นนะ” เขาชี้ไปข้างหน้าที่แสงไฟกะพริบเป็นสัญญาณ
อัญมณีหันไปมองหน้าเขาแปลกใจไม่น้อยที่ถึงเร็วเกินคาด หรือหล่อนมัวแต่โมโหไม่ได้มองทางจึงไม่รู้ว่ามาไกลแค่ไหนแล้ว และไม่มีเวลาถามไถ่เพราะชลทิศจอดรถแล้ววิ่งลงไปไม่รอหล่อนเสียด้วยซ้ำ
ในบ้านร้างหลังเดิมวันนี้มีร่างผอมแกร็นเหมือนคนติดยา ผมเผ้ารุงรังเนื้อตัวมอมแมมดูออกว่าเป็นคนเร่ร่อน ร่างชายคนนั้นถูกมัดมือมัดเท้าติดกับเสากลางบ้าน มีมีดปักคาแผ่นหลังเลือดไหลนองพื้น เหมือนรูปที่ชลทิศส่งให้หล่อนดู กลิ่นเลือดผสมกลิ่นสาบเหงื่อไคลจากร่างกายที่ไม่ได้ชำระมาหลายวันตลบไปทั่วบริเวณจนอัญมณีต้องปิดจมูกหลายครั้งหลายหน
“อ้าวมาได้ไง” ตั้มถามเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นอัญมณีถ่ายรูปอยู่
“มากับหมอชล” หล่อนบอกไปตรงๆ โดยไม่คิดอะไร แต่ตั้มกลับเย้า
“เดี๋ยวนี้สนิทสนม ไปไหนมาไหนกันบ่อยๆ เชียวนะ”
“พูดไปเรื่อย แค่ทางผ่านหน้าบ้านหมอเลยแวะรับ”
“อือใช่ ถ้ามาจากบ้านหมอชลก็ผ่านบ้านมานี่ แล้วเลี้ยวทางลัดก็ใกล้ตรงนี้นิดเดียวเอง”
“ใกล้หรือ นี่ไม่รู้เลยจริงๆ มิน่าว่าทำไมแป๊บเดียวถึง น่ากลัวนะนี่”
“ใช่ ไปไหนมาไหนต้องระวัง ฆาตกรโรคจิตอาจวนเวียนอยู่ใกล้ตัวคุณ” เสียงชลทิศแทรกมา หล่อนจึงหันไปค้อน เพราะคิดว่าเขามีนัยมากกว่าคำพูด
“ต่อไปไม่ต้องกลัวแล้ว เจ้าของบ้านกำลังดำเนินการขอรื้อถอน เก็บไว้ก็จะกลายเป็นสุสาน หรือเรียกโรงฆ่าสัตว์ดี กี่คนแล้วที่ถูกลากมาเชือดในบ้านหลังนี้” ตั้มพูดอย่างนักข่าวที่รู้ลึกรู้ดี
“ไม่ใช่แล้วคุณตั้ม ต้องพูดว่ากี่คนแล้วที่ถูกเชือดแล้วลากมาที่นี่ต่างหาก” ชลทิศเสริม
“พอได้เค้าฆาตกรหรือยัง น่ากลัวมากถ้าเป็นคนเดียวกันนะ ต้องเป็นโรคจิตรุนแรงแน่ๆ แล้วขยันเสียด้วย แต่ละศพห่างกันไม่ถึงเดือน” อัญมณีถาม
“ตำรวจไม่เห็นพูดอะไร คงยังมืดแปดด้าน”ตั้มบอก
อัญมณีเดินไปถ่ายรูปมีดเปื้อนเลือดที่ยังปักคาศพ
“ฆาตกรฐานะดีเชียว” หล่อนเปรยขึ้นเมื่อโฟกัสที่ด้ามมีดซึ่งมีตัวอักษรภาษาอังกฤษประทับอยู่
“รู้ได้ไง” ชลทิศถามขึ้นทันควัน
อัญมณีเงยหน้าจากจอภาพ แล้วบอก
“ก็เครื่องครัวยี่ห้อนี้แพงนะ ฉันเคยได้ยินแม่บ่นแต่ก็ซื้อมาใช้เพราะมันทนคุ้ม” หล่อนนั่งยองๆ ลงข้างๆ แล้วขยายรูปให้เขาดูชื่อยี่ห้อ
“อ๋อ” เขาเออออตามไป แต่ไม่รู้หรอกว่าเครื่องครัวที่ว่าแพงนั้นแพงแค่ไหน แต่รู้สึกคุ้นตาคาดว่ามีหลายบ้านที่ใช้ยี่ห้อนี้ แต่ก็มีเบาะแสให้ตำรวจได้สืบหาเพิ่มเติมแม้จะน้อยนิดเต็มที
“ตั้ม นี่กลับด้วย” หล่อนวิ่งตามออกไปเมื่องานเสร็จ
อาสากู้ภัยหามศพไปขึ้นรถเตรียมนำไปชันสูตรเพิ่มเติมและเก็บไว้รอญาติมารับ ตำรวจเก็บหลักฐานและพยานวัตถุในที่เกิดเหตุซึ่งแทบหาไม่ได้แม้แต่รอยนิ้วมือเหมือนทุกศพที่ผ่านมา
“มากับผมแล้วไหงจะกลับกับคุณตั้ม” ชลทิศเดินตามมา
“หมอไม่ไปผ่าศพหรือ” หล่อนถามตรงๆ
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกคุณ อีกอย่างเดี๋ยวตำรวจเค้าจัดการเอง เค้ามีเจ้าหน้าที่ของเค้าถ้าต้องผ่าจริงๆ ผมมันพวกหมออาสาของมูลนิธิ เน้นช่วยคนไม่ชอบผ่าศพเท่าไหร่ มันทำให้ไม่กินอยากเครื่องในไปหลายวัน” เขาพูดไปยิ้มไป เหมือนไม่ได้คิดอย่างที่พูดนัก
“งั้นฝากไปส่งมานี่ด้วยนะครับ ผมจะรีบกลับสถานี” ตั้มบอกชลทิศ แล้วตบไหล่อัญมณีเบาๆ
“เจอกันไลน์รูปมาให้ด้วยนะ จะได้เอาไปเลือกก่อนอัพขึ้นเว็บ”
อัญมณีจำต้องรับคำอือออ มองตามไปอย่างเสียดาย จนมาสะดุ้งเมื่อชลทิศสะกิดแขนชวนกลับ
“ส่งถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัยครับ เชิญ”