บทที่๘
อัญมณีวิ่งตามตั้มไปเมื่อลงจากรถ หลังจากได้รับแจ้งว่าพบศพหญิงวัยกลางคน ที่เกิดเหตุเป็นป่ารกข้างทางเวลานี้ห้อมล้อมไปด้วยไทยมุงจนมองไม่เห็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งคู่ต้องแทรกผ่านเข้าไปอย่างทุลักทุเล
“หมอชล ใครเป็นอะไรหรือครับ” ตั้มตะโกนถามเพราะเห็นชลทิศยืนอยู่ใกล้ร่างที่กำลังถูกห่อผ้า
“เดี๋ยวๆ ค่ะ ขอถ่ายรูปก่อน” อัญมณีรีบบอกก่อนเจ้าหน้าที่จะห่อศพ
แน่นอนว่าเวลานำรูปไปทำสกู๊ปข่าวจะต้องปกปิดส่วนที่ควรปิด ไม่เผยหน้าตาหรือบาดแผลที่ทำให้สยดสยอง
“ใครเป็นอะไรครับ” ตั้มถาม ตรงนั้นมีทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิและหมอที่เหมือนจะยืนนิ่งผิดปกติ
“ถูกฆาตกรรมหรือเปล่าคะ ใช่ฆาตกรต่อเนื่องคนนั้นมั้ย” อัญมณีถ่ายรูปไปถามไปเรื่อยอย่างคนอยากรู้อยากเห็นทั่วไป
“แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นคนเร่ร่อนหรือเปล่าคะ หรือว่า”
“มานี่ พอเถอะ” ตั้มขัดจังหวะด้วยการสะกิดพร้อมคำพูด
เมื่อหล่อนหันมาเขาก็พยักหน้าชวนแล้วเดินผ่านหน้าชลทิศไปหาตำรวจ อัญมณีมองชลทิศที่ยังไม่ได้ยินเสียงเขาพูดแม้แต่คำเดียวอย่างแปลกใจ แล้วไปหยุดข้างตั้มที่กำลังถามรายละเอียดจากตำรวจ หล่อนหันกลับไปมองชลทิศอีกสองสามรอบอย่างแปลกใจ เห็นเขาเดินตามเจ้าหน้าที่หามศพไปใส่รถ
“ตั้ม ทำไมหมอชลดูแปลกๆ” หล่อนเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่จึงต้องถามตั้มที่กำลังหาข้อมูลจากไทยมุงรอบข้างซึ่งนับเป็นแหล่งข้อมูลที่รวดเร็ว แต่หากจะนำไปใช้ก็ต้องกลั่นกรองให้ดีและตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง
“จำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้จริงหรือ” ตั้มถามเมื่อเริ่มเดินออกห่างคนอื่นๆ
“นี่ไม่รู้จัก จะจำได้ยังไง ทำไมคะ ใครหรือ”
“คนรู้จักหมอชลแหละ ผมจำได้ว่าเคยเห็นที่งานศพพี่สาวหมอชล”
“ห๊า!” อัญมณีรีบตะครุบปาก แล้วกระซิบถามอีกรอบ “ญาติหมอชลหรือคะ มิน่าดูแกอึ้งๆ”
“อือ กลับเถอะ”
ตั้มชวนแต่ไม่ได้กลับไปที่สถานี เขาพาหล่อนตามรถมูลนิธิมาและอยู่รอจนชลทิศชันสูตรศพเสร็จ
“น้ำค่ะ” หล่อนส่งแก้วกาแฟเย็นให้ชลทิศ หวังว่าจะทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายลงบ้าง ชายหนุ่มรับไปอย่างว่าง่าย ดูดนานจนคาดว่าจะหมดแก้วแล้ว หรือทางกลับกันเขาอาจคาบหลอดเอาไว้เฉยๆ มากกว่า
“หมอโอเคนะครับ จะกลับโรงพยาบาลหรือกลับบ้าน ไปส่งไหมครับ” ตั้มถาม พลางเดินตามชลทิศที่เดินห่างห้องนั้นมาเงียบๆ
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมโอเคครับ ขับรถได้ไม่เป็นไร” อาชีพที่พบเจอคนตายมากมายเช่นเขา ย่อมปลดปลงและไม่เอามาใส่ใจให้บั่นทอนกำลังตนเอง ชลทิศถอนหายใจหนักหน่วงแล้วพูด
“น้าพุดจีบเป็นน้าสาวผมเอง แกตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวผมเลยให้มาอยู่เป็นเพื่อนดารา ไม่คิดเลยว่าแกจะ”
เสียงเขาขาดหาย เมื่อจำต้องเอ่ยถึงความตายของญาติผู้ใหญ่ เช่นเดียวกับคนฟังที่สบตากันแล้วทำหน้าปั้นยาก ทั้งสงสารคนตายและเห็นใจคนเป็น แต่ความอยากรู้ก็ทำให้อัญมณีถามออกไปตรงๆ
“ฆาตกรรมใช่ไหมคะ”
“ครับ บาดแผลจากของมีคมฟันเข้ากลางศีรษะจากด้านหลัง บาดลึกจนถึงกะโหลก จะสันนิฐานว่าเป็นอุบัติเหตุหรืออย่างอื่นไม่ได้แน่”
“ใครนะทำคนแก่ได้ลงคอ ชิงทรัพย์หรือเปล่าคะ”
“น่าจะอย่างนั้น เพราะของมีค่าหายหมด”
“ผมได้ยินคนแถวนั้นพูดว่า น่าจะลวงมาฆ่าหรือชิงทรัพย์จากที่อื่นแล้วนำศพไปทิ้งแถวนั้น เพราะเส้นทางนี้ไม่ค่อยมีคนผ่าน”ตั้มบอก
“คงงั้นครับ แกคงออกไปจ่ายตลาดตามปกติ ขอตัวนะครับต้องไปดูหลานสาวก่อน”เขาตัดบทเอ่ยลา
“เอาๆ นี่” อัญมณีส่งกล้องถ่ายรูปให้ตั้ม “นี่ไปกับหมอชลนะ ไม่เข้าสถานีแล้วนะคะ” หล่อนบอกแล้วรีบเดินตามชลทิศไป
“โอเค ฝากบอกหมอชลด้วย มีอะไรให้ช่วยไม่ต้องเกรงใจนะ”
“ค่ะ”หล่อนวิ่งตามไปขึ้นรถชลทิศโดยไม่ต้องรอคำอนุญาต
“ผมไม่มีอะไรจะบอกแล้วนะ” เขาพูดโดยไม่หันมามอง
อัญมณีหันไปมองเขาแล้วพยักหน้าช้าๆ
“ไม่ได้มาหาข่าวค่ะ แค่นั่งรถไปเป็นเพื่อน ขับดีๆ นะคะ ชีวิตฉันอยู่ในมือหมอ แล้วอีกอย่างตั้มฝากมาบอกว่า มีอะไรให้ช่วยก็ไม่ต้องเกรงใจนะคะ เราคนกันเอง”
“คนกันเองสำหรับตั้มหรือรวมคุณด้วย”
“จะคิดอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หล่อนยิ้มให้เขา หวังว่าจะคลายบรรยากาศลงบ้าง
“ขอบคุณนะ” เขาตอบสั้นๆ ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายคือโรงเรียนที่ดวงดาราเรียนเขาใช้วิธีส่งข้อความไปบอกว่ารออยู่ที่ประตูหลังโรงเรียน
อัญมณีเหลือบมองเขาเป็นระยะเมื่อต้องนั่งรอดวงดาราในรถ รถเงียบเพราะไม่เปิดเครื่องเสียง จะมีก็เสียงวิทยุสื่อสารที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ล้วนแล้วแต่รายงานอุบัติและการจราจร
“หมอบอกว่าน้าคนนั้นมาอยู่เป็นเพื่อนดวงดารา แล้วต่อจากนี้ไปดวงดาราจะอยู่กับใครคะ” หล่อนทนเงียบได้ไม่นานก็ถามขึ้นตรงๆ
ชลทิศชำเลืองมาเล็กน้อยก่อนบอก
“คงต้องอยู่กับผม ญาติเราน้อย ตอนนี้แทบไม่มีใครเลย”
“แล้วพี่เขยหมอละคะ ติดคุกกี่ปี” หล่อนรู้ว่าพลาดไม่น่าถามก็ตอนที่เขาหันมามองรวดเร็วแล้วลงจากรถ
“ขอโทษที่ถามค่ะ” หล่อนรีบลงไปขอโทษ แต่เขาวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง มองตามไปจึงเห็นดวงดาราเดินออกมาพอดีหล่อนเห็นดวงดาราถามอะไรสักอย่างแล้วชลทิศก็ดึงหลานสาวเข้ามากอด เด็กสาวตัวสั่นๆ เหมือนกำลังร้องไห้ อัญมณีคิดว่าคงไม่ผิดเพราะถ้าเป็นหล่อนก็ต้องร้องไห้อย่างหนักเช่นกัน เพิ่งเสียมารดาไปไม่นานก็ต้องมาเสียญาติผู้ใหญ่ที่มาอยู่เป็นเพื่อนอีก หล่อนคาดว่าเด็กหญิงคงรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นแน่
“น้าชลพามันมาทำไม” ดวงดารามองน้าชายเมื่อเดินมาใกล้รถแล้วพบว่าหล่อนยืนอยู่
“ดารา น้าบอกว่าอย่าเรียกคุณมานี่ว่ามัน เขามีน้ำใจนั่งรถมาเป็นเพื่อนน้า”
“ทำไมต้องมาเป็นเพื่อน ทำอย่างกับน้าชลไม่เคยเห็นคนตาย”
“ดารา” เขาปรามหลานสาว รู้ว่าทำไมดวงดาราถึงไม่ชอบอัญมณี
ชลทิศเปิดประตูให้ดวงดารานั่งด้านหลังแต่ดวงดาราไม่ยอมเข้าไป อัญมณีจึงเข้าไปนั่งเสียเองพร้อมกล่าวขอบคุณเบาๆ ดวงดาราเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหน้าแล้วเชิดหน้ามองอัญมณีผ่านกระจกตาแข็งจนคนถูกมองต้องหลุบตาหนีเสียเอง
“ดาราอยากไปดูยายพุด” ดวงดาราบอกเมื่อชลทิศเข้ามานั่งประจำที่
“อย่าเลย ดูพรุ่งนี้ทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้เราต้องกลับไปเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ยายพรุ่งนี้ ต้องโทรบอกญาติๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะทำศพที่ไหน ต้องปรึกษากันก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับบ้านเองดีกว่า” อัญมณีรีบบอก ทำเหมือนจะเปิดประตูรถ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“หมอมีเรื่องต้องทำเยอะแยะ ไม่ต้องเสียเวลาไปส่งฉันหรอกค่ะ”
“ยังไงก็เป็นทางผ่าน” เขาบอกสั้นๆ แล้วออกรถทันที
ระหว่างทางไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ และสายตาดวงดาราก็ทำให้อัญมณีอึดอัดจนอยากให้ถึงบ้านเร็วๆ