ตอนที่ 5 ไม่ต้องทำแล้ว
ฮืม ฮืม ฮือ...เสียงฮัมเพลงท่วงทำนองถิ่นฐานบ้านเกิดดังไปทั่วตรงสวนหน้าบ้าน วันวิสากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ เธอทำหน้าที่ตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ จากมุมนี้ก็ย้ายไปมุมนั้น ลากสายยางไปจนทั่วบริเวณ จนมาถึงมุมต้นไม้ที่เธอไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน
“โอ๊ะ...หนามแหลมอีหลีตั้วหนิ คึดว่าในหนังขะเจ้าเว้าเล่นซือ ๆ”
สาวน้อยที่เพิ่งเคยเห็นต้นกระบองเพชรครั้งแรกพูดพึมพำ ๆ กับตัวเอง พร้อมกับใช้นิ้วเล็ก ๆ ลองจิ้มพิสูจน์ความแหลมคม
“รดน้ำต้นไม้เสร็จแล้ว ต่อไปก็ซักผ้า”
วันวิสาเดินกลับมาในส่วนซักล้างที่อยู่ด้านหลัง เธอจัดการแยกเสื้อผ้าออกมาดูทีละตัว แยกผ้าขาวและผ้าสี พร้อมกับอ่านป้ายแนะนำการซักตามที่รวีบอก แต่ว่า ทุกป้ายดันมีแต่ภาษาอังกฤษ อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง
“ผ้าก็ไม่เห็นต่างกัน แยกผ้าขาวผ้าสีก็พอล่ะมั้ง”
ด้วยความที่คิดว่าเสื้อยืดที่เธอถืออยู่ในมือนั้น คงไม่ต่างกับเสื้อยืดที่ตัวเองใส่อยู่ จึงจัดการเททั้งหมดลงในถังพร้อมกัน แล้วก็หันมาจะหยิบน้ำยาซักผ้า
“ป้าด..น้ำยาหลายปานนี้ ผู้ใด๋สิไปฮู้ว่าใซ้อันใด๋ โอ๊ะ..เอาอันนี้ล่ะ เคยเห็นในโทรทัศน์”
วันวิสาหยิบน้ำยาซักผ้ายี่ห้อที่คุ้นตามากที่สุดขึ้นมา แล้วก็จัดการเทลงในช่องสำหรับน้ำยา จากนั้นก็นั่งรอเพื่อที่จะได้เอาผ้าไปอบแห้งต่อ
ระหว่างที่กำลังนั่งรอเครื่องซักผ้าทำงาน สาวน้อยเจ้าของดวงตากลมโตก็หยิบโทรศัพท์ที่เจ้าของบ้านเพิ่งซื้อให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้หัดเล่นและโทรกลับบ้าน
รอสายอยู่ครู่เดียว ก็มีคนรับ
วันวิสา : ฮะโหล อีพ่อ สาเด้หนิ
พ่อ : เอ้า อีหลา เอาเบอร์ไผโทรมาล่ะลูก
วันวิสา : เบอร์สานี่ล่ะพ่อ สิโทรมาบอกว่า บ่ต้องเป็น ห่วงเด้อ สาได้งานเฮ็ดแล้ว ได้เงินเดือนสิส่งไปให้เด้อ
พ่อ : อยู่ดีมีแฮงเด้อหล่า
วันวิสา : จ้าพ่อ ส่ำนี้เด้อ
หลังจากวางสายก็นั่งรออีกพักใหญ่ เครื่องอบผ้าแห้งจึงส่งสัญญาณเตือนว่าทำงานเสร็จแล้ว วันวิสาเอาเสื้อผ้าทั้งหมดใส่ตะกร้าแล้วก็เอาไปพับเก็บไว้ในตู้ของเจ้าของบ้าน
//////
เกือบสองทุ่ม รถของไต้ฝุ่นก็เลี้ยวเข้ามาในตัวบ้าน ขณะที่รถกำลังแล่นผ่านสวนทางด้านหน้า สายตาคมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในสวนต้นกระบองเพชรของเขา
“รวี! รวีอยู่ไหน มานี่ซิ”
เสียงทุ้มตะโกนเรียกแม่บ้านของตัวเองที่เป็นคนดูแลในส่วนนี้ให้ออกมา
“อยู่นี่ค่ะนายท่าน มีอะไรให้รวีรับใช้เหรอคะ”
ยังไม่ทันที่นายท่านของเธอจะตอบอะไร รวีก็หันไปเห็นสภาพของต้นกระบองเพชรที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เรียกได้ว่าเจิ่งนองไปทั่วบริเวณเลยก็ว่าได้ ซวยแน่แล้ว..
“ใครใช้ให้รดน้ำแบบนี้ อยู่มาตั้งนาน เธอจำไม่ได้หรือยังไง ฮะ!”
“หนูเองค่ะ หนูเป็นคนรดเอง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
เพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายเมื่อครู่ วันวิสาเลยรีบออกมาดู ก็เห็นไต้ฝุ่นกำลังตำหนิรวีอยู่ สาวน้อยเลยออกมาบอกว่าเป็นตัวเองที่รดน้ำส่วนนี้
“นี่เธอไม่รู้หรือยังไง ว่าต้นกระบองเพชรมันไม่ได้ต้องการน้ำขนาดนี้ เธอรดแบบนี้ต้นไม้ฉันตายหมดพอดี”
เสียงทุ้มพูดออกไปด้วยความเหนื่อยใจ เหนื่อยจากที่ทำงานไม่พอ กลับมาถึงบ้านยัยเด็กข้างทางนี่ก็ทำเรื่องให้ปวดหัวอีก
“ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จริง ๆ ว่าไม่ต้องรดตรงนี้ หนูคิดว่าต้นไม้แบบไหนก็เหมือนกันหมด ก็เลยรดพร้อมกันค่ะ”
คำตอบพร้อมดวงตาใสซื่อทำเอาเจ้าของคำถามได้แต่ถอนหายใจ
“จะไปไหนก็ไป ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ไต้ฝุ่นโบกมือไล่ให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินกลับเข้าบ้าน จะได้อาบน้ำนอนหลับพักผ่อน
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย ร่างสูงที่มีเพียงผ้าขนหนูพันเอวสอบไว้พอหลวม ๆ ก็เดินเข้ามาในห้องเสื้อผ้า เลือกหาชุดสบาย ๆ สำหรับใส่นอน
สวมกางเกงนอนขายาวเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งที่พับเอาไว้เรียบร้อยขึ้นมาใส่ แต่ว่า..
“วิสา! วิสา!”
เสียงเข้มตะโกนดังลั่นบ้านหลังใหญ่ จนคนที่ถูกเรียกต้องรีบมาหาเขาด้วยสีหน้าแตกตื่น
“คะ คุณ ระ เรียกทำไมคะ ฮะ ฮะ ฮ่า...”
ยัยตัวเตี้ยตะกุกตะกักถามเสียงหอบ เพราะความรีบร้อนทำให้เธอวิ่งมาที่นี่ ก็เล่นเอาเหนื่อยพอตัว แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นไต้ฝุ่นที่ยืนทำคิ้วขมวดอยู่ แต่ที่เธอหัวเราะออกมา ก็เพราะว่าเสื้อยืดที่เขาสวมอยู่นั้น มันสั้นจนลอยไปอยู่เหนือเอว
“ยังจะมาหัวเราะ นี่ฝีมือเธอใช่ไหมยัยเตี้ย เธอเป็นคนซักผ้าพวกนี้ใช่ไหม”
คราวนี้เขาไม่ต้องถามว่าใครเป็นคนซัก เพราะแม่บ้านเก่า ๆ ย่อมรู้ดีว่า เสื้อของเขาต้องใช้น้ำยาต่างหาก ไม่เช่นนั้นเนื้อผ้าจะหด
“ใช่ค่ะ หนูซักเอง แต่ตอนซักมันดูจะตัวใหญ่กว่านี้นะคะ จะว่าไปคุณก็ทันสมัยเหมือนกันนะเนี่ย ใส่เสื้อเอวลอยซะด้วย”
ท่าทางขำขันของยัยเด็กเตี้ยตรงหน้าทำเอาไต้ฝุ่นเริ่มจะหงุดหงิด
“ถ้าเธอยังไม่หยุดหัวเราะ ฉันจะไล่เธอออกเดี๋ยวนี้”
และมันก็ได้ผล ทันทีที่เขาพูดจบ วันวิสาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะทันที
“รวีไม่ได้บอกเธอหรือยังไงว่าเสื้อผ้าของฉันต้องใช้น้ำยาต่างหาก ตามป้ายของเสื้อแต่ละตัว”
“บอกค่ะ”
“บอกแล้วเธอไม่อ่านหรือยังไง ทำไมเสื้อฉันถึงได้หดขนาดนี้”
“อ่านแล้วค่ะ แต่อ่านไม่ออก”
คำตอบของเธอทำเอาไต้ฝุ่นยกมือตบหน้าผากตัวเอง พร้อมกับยืนเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย นี่เขารับเธอเข้ามาทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระ หรือเพิ่มภาระกันแน่ จะไล่ออกก็ทำไม่ได้อีก
“ไหนเธอบอกว่าจบ ม.6 ไง ภาษาอังกฤษง่าย ๆ แค่นี้ก็อ่านไม่ออก เธอเรียนได้เกรดอะไรกันแน่ฮะ”
“อ้าวคุณ...จะด่าก็ด่า หนูทำผิดก็พร้อมขอโทษ แต่อย่ามาดูถูกกันอย่างนี้สิคะ ถึงภาษาอังกฤษหนูจะได้แค่เกรด 1 แต่ภาษาไทยหนูได้เกรด 4 นะจะบอกให้”
ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันที่ไต้ฝุ่นต้องถอนหายใจยาว ๆ เพราะความไม่รู้อะไรของเด็กสาวตรงหน้า
“ใครมันจะไปรู้ว่าเสื้อคุณจะบอบบางขนาดนี้ หนูก็เห็นเป็นผ้ายืดเหมือน ๆ กันกับเสื้อหนู ก็เลยใช้น้ำยาที่รู้จัก อะนี่ คุณดูสิ ว่าเสื้อคุณกับเสื้อหนูผ้ามันเหมือนกันแทบจะแยกไม่ออก”
วันวิสาดึงเสื้อของตัวเอง มาเทียบกับเสื้อยืดที่ไต้ฝุ่นใส่อยู่ แต่ความตัวเตี้ยของเธอ และเสื้อของเขาที่หดขึ้นไป ทำให้คนตัวเล็กต้องดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาเทียบ และนั่นก็ทำให้สายตาคมเหลือบไปเห็นหน้าท้องขาว ๆ พอดี
“พอ ๆ ไม่ต้องเทียบแล้ว เฮ้อ..”
มือหนารีบดึงมือของเธอให้ลดระดับลงทันที ไม่เช่นนั้น ความอดทนที่เขาพยายามควบคุมตัวเองอยู่ อาจจะขาดสะบั้นลงตอนนี้ก็ได้
“จากนี้ไปเธอไม่ต้องทำงานบ้านอะไรพวกนี้แล้วนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ คุณจะไล่หนูออกเหรอคะ”
เธอเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตาช้อนมองคนตัวสูงข้างหน้า กะพริบตาปริบ ๆ ปานแมวน้อยกำลังออดอ้อนขอความรัก
“เปล่า จากนี้ไปหน้าที่ของเธอแค่จัดห้องให้ฉัน ปลุกฉันตอนเช้า ชงกาแฟตอนเช้าให้ฉัน หรือทำตามที่ฉันสั่ง แค่นั้นพอ อย่างอื่นไม่ต้องทำแล้ว ไม่งั้นบ้านฉันมีหวังเละเทะหมด”
“ได้เลยค่ะ รับรองหนูจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเลยค่ะ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ”
เสียงเล็กรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป รับผิดชอบหน้าที่อย่างดีที่สุดงั้นเหรอ เฮ้อ ตอนแรกก็พูดแบบนี้แหละ แล้วดูผลงานสิ
////////////////////////////////////
ดูท่าเฮียจะปวดหัวนะคะ