ตอนที่ 4 อดใจไว้ อดใจไว้
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ วันวิสาก็อาสาทำหน้าที่เก็บจานชามไปล้าง นัยหนึ่ง เธอเองก็อยากจะโชว์ไต้ฝุ่นด้วยว่า สามารถทำงานได้ทุกอย่างตามที่พูดเอาไว้จริง ๆ
“วิสา ไม่ต้องทำแล้ว นายท่านให้มาตาม”
เสียงของรวีที่เป็นแม่บ้านดังขึ้นจากทางด้านหลัง วันวิสาจึงหยุดล้างจานแล้วหันไปมอง
“คุณเขาตามหนูเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นหนูฝากคุณน้าทำต่อด้วยนะคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวน”
รวีพยักหน้ารับ ส่วนคนตัวเล็กก็รีบเช็ดมือแล้วออกไปหาเจ้าของบ้านที่ต้องการจะพบเธอ
“คุณให้น้าแม่บ้านไปตามหนูเหรอคะ”
วันวิสาถามขึ้นทันทีเมื่อเธอเดินออกมาทางหน้าบ้านแล้วเห็นไต้ฝุ่นยืนอยู่
“อืม ฉันให้รวีไปเรียกเธอเอง ออกไปข้างนอกกับฉัน”
“ไปข้างนอก ไปทำไมคะ”
เจ้าของส่วนสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่า ๆ เอียงคอถามด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าเขาจะจ้างเธอให้เป็นแม่บ้านหรือไง แล้วทำไมถึงต้องพาออกไปข้างนอก หรือว่า..
“คุณจะพาหนูไปทิ้งเหรอคะ ไหนบอกว่าจะยอมจ้างหนูทำงานแล้วไง คุณผิดคำพูดนี่นา”
“วิสา หยุด!”
ไต้ฝุ่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่จะดุคนตรงหน้าเสียงดังเพื่อให้เธอหยุดพูด เมื่อโดนดุ สาวน้อยก็ช้อนสายตากลมโตขึ้นมามองเขาด้วยทีท่าเหมือนกับจะร้องไห้ เพียงแค่นั้นก็ทำเอาไต้ฝุ่นถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“คุณดุหนูทำไม”
“ฉันแค่อยากให้เธอหยุดพูด แล้วฟังฉันก่อนก็แค่นั้น”
ดูเหมือนว่าการที่จะมีเธออยู่ในบ้านคงไม่ใช่เรื่องง่าย คงต้องบอกและสอนอีกหลายสิ่งหลายอย่าง
“ที่ฉันให้รวีไปเรียกเธอ เพราะจะพาออกไปซื้อของ เธอไม่มีอะไรติดตัวเลยไม่ใช่หรือยังไง ทั้งเสื้อผ้า แล้วก็ของใช้ส่วนตัว”
วิสาโยกหัวหงึกหงักขึ้นลงเมื่อได้ยินเหตุผลของเขา แล้วก็ตามมาด้วยรอยยิ้มน่ารักเช่นเคย
“คุณใจดีจัง รับหนูเข้าทำงานแล้วยังจะพาไปซื้อของอีก ขอบคุณนะคะ”
พอได้ยินคำว่าขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มนั้น ทำเอาไต้ฝุ่นต้องรีบเบือนหน้าหนีอีกครั้ง
..อดใจไว้ อดใจไว้ เขาได้แต่ท่องคำ ๆ นี้อยู่ในใจ..
ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดหน้ามืดตามัวรวบหัวรวบหางเด็กอายุรุ่นเยาวชนแบบนี้มีหวังโดนพ่อตีหัวแตก
//////
ห้างสรรพสินค้า
ไต้ฝุ่นจอดรถเสร็จ ก็พาวันวิสาเดินเข้ามาข้างในเพื่อเลือกชื้อเสื้อผ้าและของใช้ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นผู้ปกครองของเธอไปโดยปริยายเสียแล้ว
เพียงแค่ก้าวขาเข้ามาข้างใน ดวงตากลมโตของเธอก็เอาแต่มองไปรอบ ๆ สำรวจสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ป้าด..เคยเห็นแต่ในหนัง บ่คิดว่าสิได้มาย่างอีหลี”
เสียงเล็กพูดออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ทำเอาไต้ฝุ่นต้องรีบปราม
“ฉันบอกแล้วไงให้พูดภาษาที่ฉันเข้าใจ”
“เอ้าคุณ ก็หนูตื่นเต้นนี่คะ จะพูดภาษาอีสานมันก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา คุณฟังไม่เข้าใจก็เรื่องของคุณสิ หนูไม่ได้ด่าคุณสักหน่อย เข้าใจบ่คะ”
ดูเหมือนว่ายัยเด็กขี้แยที่ทำหน้าเหมือนแมวโดนทิ้งอ้อนวอนขอให้เขารับเขาทำงานเมื่อเช้าจะเริ่มลืมตัวเสียแล้ว ตอนนี้ถึงได้กล้าทำหน้าล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนาน
“เธออยากได้อะไรก็หยิบเอาได้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเงินเอง รีบ ๆ ด้วยล่ะ ฉันยังจะต้องไปทำงานอีก”
“ได้เลยค่ะ หนูซื้อไม่เยอะหรอก เกรงใจคุณ”
ไอ้คำว่าเกรงใจที่พูดออกมา ดูเหมือนจะตรงข้ามกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ยัยเด็กเตี้ย เดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ได้ของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ไหนล่ะ..ไอ้คำที่ว่าเกรงใจ
หลังจากซื้อของจนพอใจแล้ว วันวิสาก็เดินยิ้มแป้นกลับมาหาคนตัวโตที่ยืนรออยู่หน้าร้าน
“ได้ครบแล้วค่ะคุณ ปะ กลับบ้านกันได้แล้ว”
ดูที่พูดเข้าสิ ฟังเหมือนเธอกำลังชวนเขากลับบ้านของเธอยังไงยังงั้น
“ยังกลับไม่ได้ ต้องไปซื้อโทรศัพท์ให้เธอก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ มันแพง”
“แล้วทั้งหมดที่อยู่ในมือเธอน่ะ มันไม่แพงหรือยังไง เธอจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ อย่างน้อย ๆ จะได้โทรหาที่บ้านได้”
จริงด้วย เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพฯ วันวิสาได้โทรกลับบ้านแค่ครั้งเดียวตอนลงจากรถทัวร์ จากนั้นเธอก็ไม่ได้โทรอีกเลย ป่านนี้พ่อคงเป็นห่วงแย่แล้ว
ไต้ฝุ่นเดินนำหน้าเธอเข้าไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง วันวิสาได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าร้าน ความจริงเธอกลัวจะซุ่มซ่ามไปเดินชนของข้างในมากกว่า ขืนทำอะไรพังเธอคงไม่มีปัญหาชดใช้
“เข้ามาสิ จะได้เลือกว่าเธออยากได้แบบไหน”
“เอาแบบไหนก็ได้ค่ะ แค่พอโทรหาที่บ้านได้ก็พอ”
“เข้ามาเถอะ จะกลัวอะไร ฉันอยู่นี่ทั้งคน”
มือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กมากุมไว้ แล้วออกแรงจูงเธอเข้ามาข้างในด้วยกัน คนที่พึ่งจะได้ใช้นางสาวมาแค่สองปีกว่าถึงกับหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวแตะเนื้อต้องตัวเธอ
“ฉันว่าเอาเครื่องนี้ก็ดีนะ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นระหว่างที่กำลังมองดูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่เขาพูดด้วย
“วิสา”
“...”
“วิสา ฉันถามได้ยินหรือเปล่า”
“คะ คุณว่าอะไรนะคะ”
เมื่อเขาสะกิดเรียก วันวิสาถึงได้หายเหม่อลอย
“คิดอะไรของเธออยู่ ฉันบอกว่าเอาเครื่องนี้ก็ดีนะ”
“ค่ะ ค่ะ เครื่องไหนก็ได้ค่ะ”
เลือกโทรศัพท์ที่เหมาะกับเธอได้แล้ว ไต้ฝุ่นก็บอกให้พนักงานจัดการให้พร้อมกับจ่ายเงินเรียบร้อย
เมื่อได้ทุกอย่างครบ ทั้งคู่ก็พากันเดินกลับมาที่รถ ไต้ฝุ่นขึ้นนั่งประจำที่คนขับ โดยมีหญิงสาวนั่งอยู่ข้างกัน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะพูดน้อยลงกว่าตอนมาถึงใหม่ ๆ
“เป็นอะไร จู่ ๆ ก็เงียบ”
“เปล่าค่ะ หนูแค่คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ”
วันวิสาตอบกลับ ไอ้เรื่องคิดถึงพ่อน่ะก็ใช่ แต่อีกเรื่องก็คือเขานี่แหละ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกวูบวาบแปลก ๆ ตอนที่โดนคนตัวโตจับข้อมือ
“เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้านนะ เธอก็ช่วยรวีทำงานที่บ้านก็แล้วกัน อะไรไม่รู้ก็ให้ถามรวี เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
//////
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ รถของไต้ฝุ่นก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่เธอขนของลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ไต้ฝุ่นก็เรียกลูกน้องให้มาทำหน้าที่คนขับเพื่อที่เขาจะได้ทำงานต่อ ส่วนวันวิสาก็ไปช่วยรวีทำงานบ้าน
“น้ารวี มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ บอกมาได้เลยนะคะ หนูทำได้หมดทุกอย่างเลย ตอนอยู่บ้านนอกหนูก็เป็นคนทำงานทุกอย่างเองคนเดียวค่ะ”
เสียงเล็ก ๆ พูดขึ้นพร้อมกับอวดสรรพคุณของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปรดน้ำต้นไม้ทางด้านหน้านู้นนะ เสร็จแล้วก็เอาผ้าไปซัก แล้วก็อบแห้งให้เรียบร้อย จากนั้นก็พับเก็บ เป็นพวกเสื้อผ้าที่นายท่านใส่อยู่บ้านธรรมดา ไม่มีอะไรยากหรอก แค่อ่านป้ายว่าอันไหนใช้น้ำยาแบบไหนแค่นั้น ทำได้ไหม”
“ทำได้สิคะ สบายมาก”
ตบปากรับคำเสร็จ วันวิสาก็เดินหายไปทางข้างบ้าน แต่จะว่าไปบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินคำว่าบ้านไปมาก แค่จะเดินไปรดน้ำต้นไม้ยังเหนื่อย เรียกว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะสมกว่า
////////////////////////////////
ในคำว่า สบายมาก มักมีหายนะซ่อนอยู่