“เจอหน้ากันก็พานทำให้หมดอารมณ์” ถางเมิ่งหรูพูดพึมพำเสียงเบาแต่ว่าขันทีข้างกายจวิ้นอ๋องได้ยินเต็มสองรูหู เขากำลังจะอ้าปากฟ้องท่านอ๋องแต่ถูกสตรีโฉมสะคราญกลั่นแกล้งด้วยการเดินไปเหยียบเท้า
“อะ โอ๊ย!” ขันทีจางร้องเสียงหลงจึงทำให้จวิ้นอ๋องที่ขึ้นรถม้าไปแล้วเลิกม่านหน้าต่างรถออกมา จ้องตาเขม็ง
“ถ้าเจ้าไม่พร้อมไปก็ให้ขันทีเหลียนมาแทน” แล้วหานเถิงซีก็ปิดม่านลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ถางเมิ่งหรูหันเสี้ยวหน้ามาหยักคิ้วใส่ขันทีขี้ฟ้องและปากมาก เพราะชาติก่อนนั้นนางถูกขันทีผู้นี้กลั่นแกล้งอยู่หลายหน
ขันทีจางอยากก่นด่าพระชายาในตอนนี้มาก แต่ทว่าก็ไม่กล้าทำ เพราะท่านอ๋องทรงประทับอยู่ด้วยกัน พระองค์ไม่ชอบเรื่องจุกจิกจุ้นจ้าน ขันทีเหลียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเห็นทุกการกระทำของพระชายาแต่ก็ไม่เอ่ยคำใด ทำเพียงขึ้นมาทำหน้าที่แทนขันทีจาง
“เชิญพระชายาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเหลียนเอ่ยเสียงไม่หนักไม่เบา ถางเมิ่งหรูได้แก้แค้นขันทีจางสำเร็จเป็นครั้งแรกก็อารมณ์ดีเผลอยิ้มไม่หุบ เมื่อนางเข้าไปในรถม้าและนั่งลงฝั่งทางขวาของที่นั่ง หานเถิงซีสังเกตเห็นสีหน้าของนางก็เอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อไปถึงวังหลวงแล้วก็ทำตัวสงบเสงี่ยมอย่าทำให้ข้าต้องอับอาย” หานเถิงซีพูดเพียงเท่านั้นก็หลับตาลง คล้ายไม่อยากมองหน้ากัน
ถางเมิ่งหรูเกิดอาการมันเขี้ยวจวิ้นอ๋องที่พูดเหมือนกับว่านางเป็นตัวปัญหา จึงยกมือขึ้นมาขยำกลางอากาศ ทว่าสายตาคมกลับลืมตาขึ้นมองเสียก่อน
“จะทำอะไร...” หานเถิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน ตอนนี้รถม้าออกเดินทางแล้ว ระยะทางจากหน้าประตูวังกับจวนจวิ้นอ๋องนั้นค่อนข้างอยู่ไกลกันมาก แคว้นเฉินมีบริเวณกว้างขวางเป็นอันดับหนึ่ง จากสองแคว้นที่อยู่ล้อมรอบ ซึ่งประกอบด้วยแคว้นชิงและแคว้นจิง ดังนั้นจึงทำให้ในแต่ละตำหนักของเชื้อพระวงศ์มีพื้นที่กว้างขวางหลายหมู่
โฉมสะคราญยกมือค้างกลางอากาศแต่ก็ต้องรีบเอาลงเพราะถูกจับได้ “เปล่าเพคะ” ถางเมิ่งหรูตอบหน้าตายและหันหน้าไปมองทางอื่นไม่มองจวิ้นอ๋องอีก แต่ทว่าหานเถิงซีกลับจ้องมองเสี้ยวหน้าสตรีโฉมสะคราญตาไม่กะพริบแทน
บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างอึดอัดรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกนัก ถางเมิ่งหรูจึงใช้มือหยิบผมปอยหนึ่งจากทางด้านหลังมาปิดบริเวณที่ลำคอถูกหยิกจนเกิดรอยแดง ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
“เจ้ากลัวว่าจะมีคนเห็นหรือ” เป็นครั้งแรกที่จวิ้นอ๋องให้ความสนใจชีวิตของพระชายา ถางเมิ่งหรูแทบไม่เชื่อหูตนเองด้วยซ้ำ ทว่านางก็ตีหน้านิ่งทำหูทวนลม จนคนถามมุ่นคิ้วพันกันยุ่งเหยิง
“ข้าถามเจ้าไม่ได้ยินหรือ” ข้อมือสตรีถูกคว้ามาจับเอาไว้แน่น จึงทำให้ถางเมิ่งหนูเสแสร้งทำนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว
นัยน์ตาหงส์ตวัดมองใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาจนแสบตาแต่ว่านางไม่ลุ่มหลงอีกต่อไปแล้ว หลังจากมองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา “ท่านอ๋องก็รู้คำตอบอยู่แล้วจะถามหม่อมฉันอีกทำไมหรือเพคะ” เพราะคำพูดไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของถางเมิ่งหรูจึงทำให้โทสะของหานเถิงซีปะทุขึ้น
“ยังปากคอเราะรายไม่หยุด ถ้าข้าไม่ลงโทษเจ้า ก็คงไม่เลิกทำใช่หรือไม่” ไม่รอให้ถางเมิ่งหรูขัดขืนหรือโวยวาย บุรุษจึงกระชากแขนสตรีโฉมสะคราญบังคับให้ย้ายที่นั่งมานั่งฝั่งเดียวกัน
ถางเมิ่งหรูตกใจมากจนตัวสั่นทำสิ่งใดไม่ถูกเพราะถูกจู่โจมรวดเร็วมาก ตอนนี้ตัวนางนั้นนั่งเกยอยู่บนตักของหานเถิงซีและถูกกอดเอาไว้แน่น แก้มทั้งสองข้างของโฉมสะคราญแดงก่ำเหมือนถูกทาด้วยชาดแดงฉาน
“ปล่อยนะเพคะ ท่านอ๋องทรงทำอะไร” ใบหน้าพระชายาถอดสี นางไม่ต้องการให้เขามาใกล้ชิดกันเช่นนี้ แต่ทว่ายิ่งดิ้นขัดขืนเท่าไรก็ยิ่งทำให้ร่างกายของชายหญิงเสียดสีกัน
“เงียบน่า…” หานเถิงซีก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกัน เขารู้สึกแค่ว่าอยากเอาชนะถางเมิ่งหรูให้ได้ หากทำไม่ได้ก็จะไม่หยุด
ถางเมิ่งหรูดิ้นจนเหนื่อย สภาพนางในยามนี้ชุดที่สวมใส่คงดูไม่ได้แล้ว
“ท่านอ๋องอย่าทำให้หม่อมฉันหมดความอดทนนะเพคะ” สตรีหันมาตวาดใส่หน้าโดยลืมความกลัว แต่บุรุษเห็นคนทำตัวดื้อรั้นก็ยิ่งเกิดโทสะ เขาไม่พูดพร่ำให้เปลืองน้ำลายแต่กดท้ายทอยของนางไว้แน่นแล้วประกบริมฝีปากลงมา
“อะอื้อ!” ถางเมิ่งหรูตกใจจนเบิกตาโพลง หานเถิงซีเป็นอะไรไปกันแน่ เขาเกิดอารมณ์พิศวาสขึ้นมาหรืออย่างไร ฝ่ามือเรียวสวยพยายามทุบตีไปที่หน้าอกกว้างของบุรุษองอาจให้หยุดล่วงเกินกัน
คนที่ใช้โทสะนำทางเปลี่ยนจากการบดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงมาเป็นลึกซึ้งและเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา ลิ้นร้อนล่อลวงหลอกล่อให้โฉมสะคราญคล้อยตามได้อย่างไม่ยากเย็น กระทั่งทำให้หมดเรี่ยวแรงต่อต้านแล้วก็เคลื่อนใบหน้าลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น แล้วฝากรอยจ้ำสีแดงไว้อีกหลายรอย
ถางเมิ่งหรูเคลิ้มไปจนลืมต่อต้าน กระทั่งหานเถิงซีผละตัวออก เขาจึงใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสที่รอยแดงบนลำคอขาวของนางอย่างเบามือ และแววตานั้นก็ปรากฏความพึงพอใจออกมา สตรีเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ทำสีหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง
“กล้ามองข้าด้วยสายตาไม่พอใจเช่นนี้ เจ้าลืมวันที่ขอร้องเพื่อตระกูลถางไปแล้วหรือ” สิ้นคำพูดประโยคนี้ของจวิ้นอ๋อง ถางเมิ่งหรูก็จุกที่ลำคอพูดไม่ออกไปทันที
หานเถิงซีจึงเคลื่อนมือมาปัดปอยผมสตรีที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่พลางสบสายตานิ่ง “ท่านอ๋องตรัสเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเพื่อเหตุใดเพคะ หม่อมฉันก็ทำตามที่ท่านอ๋องต้องการทั้งหมดแล้ว” ขณะพูดถางเมิ่งหรูก็เขยิบตัวหนีออกมาไม่ยอมนั่งใกล้ชิดจวิ้นอ๋อง สองมือเรียวสวยรีบจัดเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เข้าที่ พวกนางน่าจะเดินทางมาถึงกลางทางแล้ว
บุรุษองอาจเห็นสตรีโฉมสะคราญทำท่าทางห่างเหินก็ส่งเสียงในลำคอออกมาด้วยความขัดใจและไม่พอใจ จากนั้นก็หันหน้าไปคนละทิศทาง กระทั่งรถม้าของจวนจวิ้นอ๋องจอดสนิทที่หน้าทางเข้าวัง รวมทั้งมีรถม้าของเชื้อพระวงศ์คนอื่นที่ทยอยพากันเข้ามา
“เมื่ออยู่ในงานเลี้ยงแล้ว ถ้าองค์หญิงใหญ่ตรัสถาม เจ้าก็คิดหาคำตอบให้ดีเข้าใจหรือไม่” แน่นอนว่าจวิ้นอ๋องยังคงเป็นตัวเลือกที่องค์หญิงใหญ่ชื่นชอบ แม้ว่าจะอภิเษกสมรสกับถางเมิ่งหรูไปหลายปีแล้วก็ตาม
“เพคะ” สตรีโฉมสะคราญตอบเสียงเบา ถึงอย่างไรนางก็มีหน้าที่ทำให้องค์หญิงใหญ่ออกห่างจากท่านอ๋อง ร่างบางเดินลงจากรถม้าตามลงมาทว่าโชคไม่ดีนักที่ใจลอย จึงทำให้สะดุดชายกระโปรงตนเอง
“ว้าย!” ถางเมิ่งหรูคิดว่าตนนั้นไม่รอดแล้ว เพราะตกจากรถม้าเช่นนี้คงไม่มีใครช่วยได้ทัน
แต่ร่างบางถูกประคองโดยบุรุษผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาทักทายจวิ้นอ๋องพอดี “พระชายาเป็นอันใดหรือไม่?” น้ำเสียงที่ดูคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ ถางเมิ่งหรูเมื่อยืนได้มั่นคงแล้วถึงได้ผละตัวออกจากองค์ชายแปด
“ไม่เป็นอะไรมากเพคะ” สตรีโฉมสะคราญยอบกายลงทำความเคารพ ทว่าฝ่ามือของบุรุษผู้นี้เข้ามาแตะที่แขนนางไว้
“ไม่ต้องมากพิธี ถึงอย่างไรพระชายาก็เป็นพี่สะใภ้ข้า” องค์ชายแปดหรือหานหรงชิง ส่งยิ้มให้ถางเมิ่งหรูด้วยสีหน้าเป็นมิตร แต่ผิดกับจวิ้นอ๋องที่ทำหน้าบึ้งยืนอยู่ด้านข้าง