“เข้าวังกันได้แล้ว” น้ำเสียงของหานเถิงซีแข็งกระด้าง องค์ชายแปดจึงรีบเดินนำหน้าเคียงคู่กับจวิ้นอ๋อง ปล่อยให้พระชายาจวิ้นอ๋องเดินตามหลังมาพร้อมกับเชื้อพระวงศ์พระองค์อื่น
ณ ตำหนักหลวง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ใหญ่ที่สุด วันนี้จักรพรรดินีทรงมีรับสั่งให้องค์หญิงใหญ่เป็นแม่งานจึงทำให้วันนี้ไม่มีจักรพรรดิและจักรพรรดินีมาเป็นประธานในงาน ภายในงานเลี้ยงต่างเต็มไปด้วยพวกเชื้อพระวงศ์ทั้งชายและหญิง รวมทั้งคุณหนูและคุณชายตระกูลใหญ่ที่ได้รับเทียบเชิญให้มาร่วมงาน ถางเมิ่งหรูเคยมาร่วมงานเลี้ยงขององค์หญิงใหญ่เพียงครั้งเดียว เนื่องจากชาติก่อนนั้นจวิ้นอ๋องไม่ค่อยได้สนใจพามาด้วยสักเท่าไรนัก ซึ่งแตกต่างกับชาตินี้
ร่างบางในชุดพระชายาจวิ้นอ๋องมีความโดดเด่นมากจึงทำให้พวกเชื้อพระวงศ์ชายรวมทั้งคุณชายตระกูลใหญ่หลายคนให้ความสนใจอย่างออกนอกหน้า และนั่นก็ทำให้ร่างสูงที่เดินนำอยู่ด้านหน้าสังเกตเห็น
“เจ้าก็นั่งตรงนี้ไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านที่อื่น” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะรับรองของเหล่าพระชายา หานเถิงซีก็หันมาสั่งถางเมิ่งหรูด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สตรีโฉมสะคราญแสร้งทำมองไม่เห็นความขุ่นเคืองใจแล้วยอบกายลงเล็กน้อย น่าเสียดายที่นางพาซ่งเอ๋อเข้ามาในตำหนักหลวงไม่ได้
“เพคะ” ถางเมิ่งหรูรับคำอย่างว่าง่ายแต่ความจริงนั้นนางกำลังสอดส่องสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อหาคนที่รู้จัก ส่วนจวิ้นอ๋องกับองค์ชายแปดขึ้นไปนั่งตรงที่องค์หญิงใหญ่จัดเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ
“ข้าไม่คิดเลยว่าพระชายาจวิ้นอ๋องจะมาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย” เสียงทักทายที่ดังมาจากทางขวาเลยทำให้ถางเมิ่งหรูจำต้องหันไปมอง สตรีตัวใหญ่ที่ประทินโฉมจัดจ้านชอบแต่งกายด้วยชุดสีแดงก็มีอยู่เพียงพระองค์เดียว
“ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่เพคะ” ถางเมิ่งหรูยอบกายลงอีกครั้ง และไม่เคยคิดว่าองค์หญิงใหญ่จะเข้ามาทักทายนางด้วยซ้ำ
นัยน์ตาหงส์ที่เปลือกตาถูกแต่งแต้มด้วยชาดเหลือบมองสตรีโฉมสะคราญตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพลางแสยะยิ้มเย็น
“รูปร่างผอมปลิวลมเช่นนี้ จะเรียกว่างดงามได้อย่างไร” องค์หญิงใหญ่ยกพัดทรงกลมขึ้นมาปิดปากแล้วหัวเราะเยาะเย้ย
ถางเมิ่งหรูแม้นโกรธเคืองแต่ก็พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพราะถ้านางแสดงโทสะออกมาก็จะไม่เป็นผลดีแน่
“จริงด้วยเพคะ สตรีแคว้นเฉินนั้นจะต้องมีรูปร่างอวบอิ่มแบบองค์หญิงใหญ่ถึงจะดูงดงามมากที่สุด” องค์หญิงสามที่ยืนอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่รีบประจบประแจง
องค์หญิงใหญ่เห็นพระชายาจวิ้นอ๋องไม่ยอมพูดอะไรออกมาก็เดินผ่านหน้าไป ทำเหมือนกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น พวกเชื้อพระวงศ์คนอื่นต่างซุบซิบนินทากันอย่างออกรส ส่วนถางเมิ่งหรูยอมปล่อยให้เรื่องพวกนี้ผ่านไปเพราะไม่อยากใส่ใจเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
ร่างอวบอิ่มเดินผ่านที่รับรองของพวกท่านอ๋องและองค์ชายที่ตนหมายตาเอาไว้ก็อารมณ์ดีขึ้นมา ก่อนหน้านี้พระนางรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไรนักที่ทุกสายตาจดจ้องให้ความสนใจกับพระชายาจวิ้นอ๋อง
“ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องนั้นเป็นคนลุกขึ้นคนแรกแล้วเอ่ยทำความเคารพ พวกอ๋องคนอื่น ๆ จำเป็นต้องลุกขึ้นตาม รวมทั้งองค์หญิงและองค์ชายทุกพระองค์ด้วย
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายบังคมเพคะ”
นัยน์ตาหงส์ที่เปลือกตาแต้มชาดกวาดมองไปทั่วบริเวณด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็โบกมือให้ทุกคนนั่งลง
“งานเลี้ยงคืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา!” หานเย่เอ๋อ หรือองค์หญิงใหญ่ที่ทุกคนต้องให้ความเกรงใจนั้น พระนางเป็นผู้มีอำนาจมากในแคว้นเฉินจึงเกิดข่าวลือว่าถ้าหากใครที่ได้อภิเษกสมรสด้วย จะได้เป็นราชบุตรเขยที่มากด้วยอำนาจและทรัพย์สินเงินทอง
นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังของแขกเหรื่อในแต่ละโต๊ะ เมื่อองค์หญิงใหญ่ประกาศเริ่มงานเลี้ยงก็รีบเข้ามารินสุราให้ทันที ถางเมิ่งหรูอยากจะปฏิเสธไม่ดื่มสุราแต่ก็ยากเย็นนัก
“ดื่ม!” แน่นอนว่าสุราจอกแรกในงานเลี้ยงนั้น แขกเหรื่อทุกคนต้องดื่มเพื่อให้เกียรติองค์หญิงใหญ่ ถางเมิ่งหรูจึงกลั้นใจดื่มสุรารสแรงนั้นลงคอ ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาขององค์ชายแปด
“ดูเจ้าจะให้ความสนใจชายาของข้านะ” ทว่าองค์ชายแปดจะทำอะไรก็อยู่ในสายตาจวิ้นอ๋องเช่นกัน หานหรงชิงถูกถามเช่นนั้นก็รีบดึงสายตาที่มีพิรุธกลับมา
“ท่านอ๋องจะไม่เป็นห่วงพระชายาสักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ นางถูกองค์หญิงใหญ่เยาะเย้ยถากถางไม่พอ มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าสุราที่นางลิ้มรสชาตินั่นแตกต่างจากพวกเรา” หานหรงชิงเป็นคนช่างสังเกต องค์หญิงใหญ่จะต้องกลั่นแกล้งถางเมิ่งหรูอย่างแน่นอน เรื่องนี้ทำให้เขาร้อนใจ
สายตาคมของจวิ้นอ๋องเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าวุ่นวายเกินไปแล้ว” เมื่อถูกตำหนิหลายครั้งองค์ชายแปดจึงละสายตากลับมามองที่อาหารว่างตรงหน้า ทั้งที่ในใจของเขานั้นเป็นห่วงพระชายาจวิ้นอ๋องมาก แต่ทว่าทำสิ่งใดมากไม่ได้
หานเถิงซีกระดกสุราเพิ่มอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกว้าวุ่นเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีชายอื่นให้ความสนใจในตัวถางเมิ่งหรูเช่นนี้
ถางเมิ่งหรูนั่งมองพวกนางรำเต้นรำไปตามจังหวะเสียงเพลงพิณ บรรยากาศในงานค่อนข้างน่าเบื่อมาก สาเหตุก็เพราะว่านางไม่มีสหายมากนักและวันนี้คุณหนูตระกูลหลินก็ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงด้วยยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าจะพูดคุยกับใคร
“พวกเจ้าคิดเหมือนกันกับข้าหรือไม่” เสียงแว่วดังมาจากทางซ้ายมือ ถางเมิ่งหรูจึงเงี่ยหูฟังแต่สายตามองตรงไปยังพวกนางรำ
“เรื่องใดหรือเพคะ” คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีสอบถาม
พระชายาชินอ๋องอมยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับปรายตามองพระชายาจวิ้นอ๋อง ซึ่งการกระทำเช่นนั้นเลยทำให้พวกพระชายาจวนอื่นรวมทั้งคุณหนูตระกูลใหญ่หันมองตาม
“ตามปกติคนที่แต่งงานมาหลายปีมักจะมีบุตรในปีแรกหรือว่าปีที่สอง แต่ว่าพระชายาจวิ้นอ๋องอภิเษกสมรสมาสามปีแล้ว เมื่อไรจะมีบุตรมาวิ่งเล่นด้วยกันหรือ” ประโยคคำถามนั้นเหมือนกับว่าพระชายาชินอ๋องจงใจหาเรื่องหักหน้า ทุกสายตาในบริเวณนั้นต่างหันมามองหน้าถางเมิ่งหรูเป็นตาเดียว
สตรีโฉมสะคราญแสร้งหัวเราะออกมาเล็กน้อย แต่ในใจก่นด่าพระชายาชินอ๋องไม่หยุด “พระชายาชินอ๋องตรัสถามเช่นนี้ หรือความจริงแล้วอยากจะตรัสถามว่าหม่อมฉันกับท่านอ๋องได้ร่วมหอกันหรือยัง ใช่หรือไม่เพคะ?” ระหว่างที่พูดก็ยกมือเรียวสวยขึ้นมาจับที่ลำคอ จะว่าไปรอยจ้ำพวกนี้ก็ถือว่าได้ช่วยตอกหน้าพวกสตรีที่อยากรู้เรื่องของผู้อื่น พระชายาชินอ๋องเห็นรอยแดงที่คอของพระชายาจวิ้นอ๋องก็หน้าแดงก่ำ ไม่พ้นแม้กระทั่งพวกคุณหนูที่นั่งอยู่บริเวณนั้น
“เจ้าพูดเรื่องอะไรออกมา ข้าไม่ได้จะหมายความเช่นนั้นเสียหน่อย” พระชายาชินอ๋องรู้สึกอับอายที่ถูกย้อนถาม จึงเสแสร้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน ถางเมิ่งหรูยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อีกไม่นานซื่อจื่อก็จะมีสหายมาวิ่งเล่นเป็นเพื่อนแน่นอนเพคะ” คำตอบนี้ทำให้พระชายาชินอ๋องหุบยิ้มลงในทันที แน่นอนว่าสตรีในแคว้นเฉินย่อมอิจฉาถางเมิ่งหรูที่ถูกเลือกให้เป็นพระชายาจวิ้นอ๋อง ไม่เว้นแม้แต่สตรีที่ออกเรือนไปแล้ว